Skip to main content
sharethis

ประชาไท - 17 ต.ค.2549 ที่โรงแรมเอเชีย กรีนพีซและผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่แถลงข่าวเนื่องในโอกาสวันอาหารโลก หรือ "World Food Day" และยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลใหม่ให้คงนโยบายปลอดจีเอ็มโอ


 


นางสาวภัสน์วจี ศรีสุวรรณ์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพันธุวิศวกรรม กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า คำขวัญของวันอาหารโลกในปีนี้คือ "Investing in Agriculture for Food Security" หรือ "ลงทุนในด้านเกษตรเพื่อความมั่นคงด้านอาหาร" ดังนั้น กรีนพีซจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่มุ่งพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืน และปราศจากจีเอ็มโอ เพราะจีเอ็มโอเป็นเทคโนโลยีที่มีสิทธิบัตรคุ้มครอง ทำให้เกษตรกรต้องตกเป็นทาสในระยะยาว ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และผู้บริโภคทั่วโลกยังไม่ยอมรับ นอกจากจะก่อให้เกิดความไม่มั่นคงด้านอาหารแล้ว ยังจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรโดยรวมอีกด้วย


 


"รัฐบาลใหม่ต้องคงมติคณะรัฐมนตรี ห้ามไม่ให้มีการทดลองจีเอ็มโอทุกชนิดในระดับไร่นา เพราะประเทศไทยมีประสบการณ์ตรงจากกรณีการปนเปื้อนมะละกอจีเอ็มโอออกสู่สิ่งแวดล้อม เนื่องจากทดลองมะละกอจีเอ็มโอในสภาพเปิดมาแล้ว โดย ดร. ธีระ สูตะบุตร รมว.เกษตรฯ เคยเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบการปนเปื้อนมะละกอจีเอ็มโอเมื่อกันยายน 2547 แต่ยังไม่มีการเปิดเผยผลการตรวจสอบดังกล่าวต่อสาธารณะแต่อย่างใด และปัจจุบันพบมะละกอจีเอ็มโอในสิ่งแวดล้อมเป็นระยะ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังไม่มีศักยภาพในการจัดการการปนเปื้อนจีเอ็มโอในสิ่งแวดล้อม การปล่อยให้ทดลองจีเอ็มโอ เท่ากับทำให้ประเทศไทยตกอยู่ในความเสี่ยง" ภัสน์วจีกล่าว


 


ด้านนายวัลลภ พิชญ์พงศ์ศา รองผู้จัดการบริษัทนครหลวงค้าข้าวจำกัด หนึ่งในผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของไทย กล่าวว่า กรณีการปนเปื้อนข้าวจีเอ็มโอในสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้ซื้อในต่างประเทศหันมาซื้อข้าวจากประเทศไทยไปทดแทน ถ้ามองในแง่การค้าถือว่าเป็นปัจจัยบวกกับการส่งออกข้าวของประเทศ ไทยสามารถกินส่วนแบ่งตลาดจากข้าวสหรัฐฯ ได้ และถ้าสหรัฐฯ ยังไม่สามารถแก้ปัญหาการปนเปื้อนข้าวจีเอ็มโอได้ ในระยะยาวตลาดส่วนนี้จะตกเป็นของไทยอย่างถาวร


 


"จุดแข็งของประเทศไทยในขณะนี้คือข้าวไทยยังไม่เป็นจีเอ็มโอ ดังนั้น รัฐบาลจึงควรกำหนดนโยบายให้ชัดเจนว่าจะเป็นประเทศที่ผลิตอาหารที่ปลอดจีเอ็มโอ" นายวัลลภกล่าว


 


นายธนากร จิตตั้งบุญญา รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มงานบริหาร กลุ่มบริษัทเจียเม้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวหอมมะลิรายใหญ่ที่สุดของโลกกล่าวว่า บริษัทเจียเม้งเป็นห่วงว่าข้าวจีเอ็มโออาจทำให้ลักษณะเฉพาะของข้าวหอมมะลิของไทยเปลี่ยนไป ซึ่งจะทำให้ความโดดเด่นด้านการแข่งขันในตลาดข้าวหมดไป และหากมีการทดลองข้าวจีเอ็มโอและเกิดการปนเปื้อน และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมข้าวไทยโดยรวมทั้งหมด


 


"ทิศทางการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ข้าวไทยควรมุ่งเน้นที่เทคโนโลยีแบบธรรมชาติที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่จีเอ็มโอ" นายธนากรกล่าว


 


อนึ่ง บริษัทนครหลวงค้าข้าว เป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย รวมทั้งข้าวอินทรีย์ เจ้าของผลิตภัณฑ์ยี่ห้อ ไทไท, GREAT HARVEST, CAPRICE และ BETTER


 


ส่วน บริษัทเจียเม้ง จำกัด เป็นหนึ่งในผู้ส่งออกข้าวหอมมะลิรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ข้าวถุงตราหงษ์ทอง ซึ่งกินส่วนแบ่งตลาดเป็นอับดับ 2 ของประเทศ และผลิตข้าวให้กับลูกค้าอีกนับ 40 ตรายี่ห้อ


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net