18 ธ.ค.2549 นายสงวน ตียะไพบูลย์สิน รองอัยการสูงสุด ในฐานะคณะทำงานอัยการชุดแรก ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดให้รับผิดชอบการฟ้องคดีไอทีวีต่อศาลปกครองกลาง เพื่อเพิกถอนคำวินิจฉัยคณะอนุญาโตตุลาการ เปิดเผยหลังร่วมประชุมคณะทำงานอัยการ ว่า อัยการพิจารณาข้อกฎหมายแล้วเห็นว่า ก่อนจะนำเรื่องข้อพิพาทการเรียกชำระค่าสัมปทานที่ บมจ. ไอทีวี ค้างชำระและค่าปรับ เข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการตามข้อสัญญาสัมปทานข้อ 15 ในการระงับข้อพิพาทนั้น จะต้องปฏิบัติตามสัญญาข้อ 13 เสียก่อน คือต้องให้มีการเจรจาอีกครั้งหนึ่ง โดยอาจเจรจาเป็นลายลักษณ์อักษรก็ได้
ทั้งนี้ สัญญาข้อ13 เขียนชัดว่า "ในกรณีที่คู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญาข้อใดข้อหนึ่ง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) จะแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ร่วมงานปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวให้ถูกต้องโดยให้เวลาอันสมควร" ซึ่งขณะนี้ สปน.กำหนดเวลาให้ไอทีวีชำระหนี้ภายใน 45 วัน โดยหากไอทีวีไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามเวลาดังกล่าว ต้องชี้แจงเป็นหนังสือให้ สปน. ทราบและเมื่อ สปน.พิจารณาหนังสือชี้แจงแล้วจะแจ้งผลการพิจารณาให้ไอทีวีทราบ พร้อมกับแจ้งหนังสือต่อไอทีวีปฏิบัติให้ถูกต้องภายในกำหนดระยะเวลาพอสมควร หากไอทีวีไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องภายในกำหนดเวลาที่แจ้งครั้งหลัง สปน. จึงมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือบอกเลิกสัญญาได้
"เราไม่ทราบว่าไอทีวีจะปฏิบัติตามหรือไม่และถ้าไม่จะมีเหตุผลเป็นหนังสือมายัง สปน.อย่างไร ขณะนี้จึงยังพูดไม่ได้ว่าจะนำคดีเข้าสู่อนุญาโตตุลาการหรือจะฟ้องศาลปกครอง เพราะข้อเท็จจริงไม่นิ่ง จึงไม่อาจวินิจฉัยข้อกฎหมายไว้ล่วงหน้าได้เพราะยังไม่ทราบว่าไอทีวีจะปฏิบัติตามหนังสือของ สปน.หรือมีข้อโต้แย้งประการใด"
นายสงวน กล่าว รองอัยการสูงสุด กล่าวอีกว่า ถ้าหากผ่านกระบวนการตามสัญญาข้อ 13 ไปแล้วและข้อพิพาทไม่เป็นที่ยุติ จึงจะเกิดสิทธิที่คู่สัญญาเรียกร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งมาใช้กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตฯตามสัญญาข้อ 15 ซึ่งระยะเวลาที่กำหนดให้ดำเนินการในเวลาพอสมควรเบื้องต้นคือ 45 วัน อย่างไรก็ดี สำหรับประเด็นเรื่องอายุความการฟ้องคดี ขณะนี้คณะทำงานยังไม่พิจารณาเพราะขอให้เจรจาปฏิบัติครบถ้วนตามข้อ13 ก่อน ซึ่งคณะทำงานยังไม่วินิจฉัยว่า จะเลือกฟ้องศาลหรือไม่ เนื่องจากข้อเท็จจริงยังไม่นิ่ง โดยอาจเป็นไปได้ว่าไอทีวีอาจนำเงินมาชำระก็ได้ อย่างไรก็ตามผลการพิจารณาของคณะทำงานอัยการวันนี้ คงไม่ต้องเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพราะเป็นเรื่อง สปน.ทราบดีและปฏิบัติแล้ว
"หากไอทีวีอาจยอมใช้และกำหนดเวลาว่าภายในระยะเวลาเท่านั้นเท่านี้ แล้ว สปน.ยอมรับได้เรื่องก็จะจบ ดังนั้นเมื่อขณะนี้ข้อเท็จจริงยังไม่นิ่ง จึงต้องดูเป็นประเด็นเป็นช่วงๆ พร้อมกับต้องทอดระยะเวลารอดูการเจรจาตามสัญญาก่อน โดยคณะทำงานก็กำลังศึกษากฎหมายไว้แล้ว ซึ่งหากถึงที่สุดจะต้องปฏิบัติตามข้อ15 คดีนี้จะไปให้ใครระงับต้องมาพิจารณาข้อกฎหมายอีกที" รองอัยการสูงสุด กล่าวและว่า การที่ไอทีวีบอกแล้วว่าจะขอตั้งอนุญาโตตุลาการนั้นคงยังไม่เกี่ยว ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถใช้สัญญาข้อ 15 ได้ทันทีเพื่อให้แต่ละฝ่ายแต่งตั้งอนุญาโตฯ เนื่องจากต้องทำตามสัญญาข้อ 13 คือการเจรจากันเสียก่อน โดยขั้นตอนเจรจานี้ไอทีวีสามารถโต้แย้งเรื่องการคิดคำนวณค่าปรับที่จะหาเหตุผลและข้อกฎหมายมาชี้แจงสนับสนุนได้ว่า ค่าปรับที่ สปน.เรียกสูงถึง 94,960 ล้านบาทนั้นสูงเกินอย่างไร โดยการเจรจาตามขั้นตอนสัญญาข้อ13นี้ จะเป็นจุดที่ทำให้เกิดการไกล่เกลี่ยกันได้ แต่ขึ้นอยู่กับ สปน.ด้วย
ด้าน นาย
2.การเรียกชำระค่าปรับที่ไอทีวีผิดสัญญาปรับผังรายการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน47 รวม 94,960ล้านบาทและ3.ข้อพิพาทที่ไอทีวี ปรับผังรายการที่ สปน.ขอให้ปรับผังรายการในสัดส่วนสาระและบันเทิง ตามสัญญาเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้ นาย
ที่มา: http://www.naewna.com
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)