Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

โดย เจ้าหนูสามตา


 


ประมวลภาพค่ำคืนแห่งม็อบ


 


 


ผู้ร่วมชุมนุมที่มากันค่อนข้างหนาตา


 


 


หนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมที่แสดงอารมณ์ต่อต้านการยึดอำนาจของคณะรัฐประหาร


 



 



บรรยากาศรอบๆ ลานคนเมืองที่เต็มไปด้วยขยะ


 



เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันอย่างรู้หน้าที่


 



คุณตำรวจแอบยิ้มกับคำปราศัยบนเวที


 



 



 



พ่อค้าแม่ค้าที่พลิกวิกฤตเป็นโอกาสเพราะรู้ว่า "กองทัพต้องเดินด้วยท้อง"


 


เชื่อว่าคนไทยหลายคนที่เล่นเน็ตเป็นประจำ หรือไม่ก็เป็นผู้ที่สดับรับฟังข่าวลือได้อย่างรวดเร็ว คงเคยได้ยินเรื่องคำทำนายจากหมอดูนักฟันธงทั้งหลายที่คาดการล่วงหน้าว่าสถานการณ์การเมืองของไทยในเดือนมีนาคมจะระอุคุกรุ่นจนถึงขั้นที่ทำให้คนจำนวนมากต้องมีเคราะห์


 


เมื่อมีการประกาศว่าจะมี "ม็อบ" เกิดขึ้นในวันที่ 30 มี.ค.โดยกลุ่มคนที่โดนพะยี่ห้อว่าเป็น "ลิ่วล้อเหลี่ยม" สังคมก็จับตามองอย่างสนใจเป็นพิเศษ ถึงขั้นวิตกกังวลว่าวันชุมนุมครั้งนี้จะกลายเป็นเวลาแห่งการนองเลือดเหมือนที่เคยเป็นมาหลายครั้งหลายคราในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย


 


เสียงปราศัยที่ดังจากเวที และเสียงตอบรับจากกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่นั่งกันอยู่เต็ม "ลานคนเมือง" หน้าศาลากลางจังหวัดกรุงเทพ ดูเหมือนภาพเดจาวู แบบเดียวกับที่เราเคยเห็นม็อบเสื้อเหลืองกู้ชาติเคยแสดงบทบาทเมื่อปี 2549 ที่ผ่านมา


 


ช่วยไม่ได้ที่ใครหลายคนที่ได้ยินข่าวคราวจะพะยี่ห้อว่าม็อบหน้าศาลากลางจังหวัดในวันที่ 30 มี.ค.2550 จะเป็นม็อบที่มีน้ำเลี้ยง "ต่อท่อ" มาจากต่างประเทศ และเป็นงานรวมพลคนรัก "เหลี่ยม" เพราะบนเวทีปราศัยและถ้อยคำที่ถ่ายทอดผ่านไมโครโฟน เต็มไปด้วยการยกย่องเชิดชูอดีตนายกฯ พลัดถิ่น "ทักษิณ ชินวัตร" ว่าเป็นคนทำงานหนักเพื่อชาติบ้านเมืองมากมายแค่ไหน และสิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือการวิพากษ์วิจารณ์วิธีทำงานของรัฐบาลขิงแก่ ณ ปัจจุบันว่าไม่ทันใจเอาเสียเลย


 


แม้ว่าจะไม่ค่อยได้รับความสนใจจากบรรดาสื่อมวลชนไทยสักเท่าไหร่ แต่บรรยากาศของการม็อบก็เริ่มคึกคักมากขึ้นเมื่อพระอาทิตย์ตกดินและสายลมยามค่ำคืนพัดผ่านลานกว้าง กลิ่นตุๆ จากรถขยะที่จอดปิดทางเข้าด้านข้างของลานคนเมืองลอยมาให้ได้กลิ่นเป็นระยะ แต่ผู้คนที่มาชุมนุมก็ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด


 


การม็อบดำเนินไปอย่างสงบ สลับกับเสียงโห่ฮาเวลาที่ผู้ปราศัยบนเวทีพูดอะไรถูกใจ ซึ่งแน่นอนว่าการพาดพิงถึงกลุ่มคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามดูจะเป็นที่พึงพอใจของผู้ที่มาชุมนุมในครั้งนี้ แต่คนที่น่าจะดีใจจากการม็อบทุกครั้ง คงหนีไม่พ้นบรรดาพ่อค้าแม่ขายที่มาปักหลักคอยให้บริหารเรื่องอาหารการกินและน้ำท่าแก่ผู้มาเข้าร่วมชุมนุม


 


ไม่ว่าใครจะตัดสินไปแล้วว่าม็อบไหนเป็นม็อบจัดตั้งหรือม็อบกู้ชาติ หรือกระทั่งม็อบที่ถูกเสี้ยมมาให้ชนม็อบด้วยกันเอง และไม่ว่าใครจะหมั่นไส้คำพูดของคนบนเวทีที่เป็นแกนนำม็อบสักเท่าไหร่ สิ่งที่ต้องจำขึ้นใจไว้เสมอก็คงจะได้แก่คำพูดของปราชญ์เก่าแก่ที่เอ่ยไว้นานแล้วว่า "เราอาจไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูด แต่เราจะปกป้องสิ่งที่ท่านพูดด้วยชีวิต"


 


นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่เราไม่มีทางปฏิเสธได้ ก็คือความจริงที่ว่า "การชุมนุมกันอย่างสงบสันติเป็นวิถีทางหนึ่งของการเป็นประชาธิปไตย"


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net