Skip to main content
sharethis

23 ก.ค. 50 ความคืบหน้าหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) หน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น


 


นายกรัฐมนตรีระบุประชาชนเข้าใจเหตุผล จนท. สลายการชุมนุม


วานนี้ (23ก.ค.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ว่า พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่คงเข้าใจ ทางเจ้าหน้าที่ ทางรัฐบาลก็พยายามที่จะดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่เมื่อผู้ที่แสดงออกด้วยความรุนแรง คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่คงไม่สนับสนุน และไม่ยอมรับ เราก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยวิธีการที่นุ่มนวล พยายามพูดจาทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการว่า ควรจะจำกัดอยู่ในบริเวณ ซึ่งได้มีการตกลงกันไว้ก็น่าจะพอเพียง ไม่ควรที่จะไปแสดงความคิดเห็น แสดงออกในลักษณะเกินกว่าที่ได้ตกลงกันไว้


 


"ทางสื่อมวลชน ก็ควรจะช่วยทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนคนไทยด้วยว่า เราไม่อยากเห็นสิ่งที่เป็นความรุนแรงในสังคมของเรา บ้านเมืองของเราบอบช้ำมาพอสมควร หากใช้ความรุนแรงเข้าไป ทำให้เกิดความบอบช้ำมากขึ้นอีกมันไม่ได้เป็นสิ่งดี เราพูดกันถึงว่าเราเป็นคนไทย แต่เราไม่เคยนึกว่า เราจะช่วยกันแก้ไขปัญหาในบ้านเมืองของเราอย่างไร เรามีแต่ทำให้เกิดปัญหา เรามีแต่ทำให้เกิดความบอบช้ำ ผมคิดว่าไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นคนไทยที่อยากจะทำให้บ้านเมืองของเราดีขึ้น" นายกรัฐมนตรี กล่าว


 


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่จะแก้ไขปัญหา คงจะต้องใช้วิธีการเจรจามากกว่า ถ้าใช้ความรุนแรงเข้าไปมันไม่ได้ช่วยให้การแก้ไขปัญหานั้นสำเร็จไปได้ อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องตอบมาด้วยความรุนแรงเช่นกัน และยืนยันว่าจะยังไม่นำ พ.ร.บ. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินมาใช้


 


โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พล.อ.เปรม มีความหนักแน่น ท่านเป็นผู้ใหญ่ ท่านเห็นอะไรที่ผ่านมามากพอสมควร และเข้าใจ แต่ว่าผมยังไม่ได้มีโอกาสที่จะเข้าไปคุย พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว


 


 


ประธาน คมช. รุดขอโทษป๋าเปรม ชี้ "ไม่คิดว่าจะทำขนาดนี้"


ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.เปรม ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ตั้งแต่เช้าวานนี้ (23 ก.ค.) และได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า ทางด้านการข่าวพอทราบล่วงหน้าว่า กลุ่มม็อบพีทีวี จะเคลื่อนมาล้อมบ้านพักพล.อ.เปรม แต่ไม่คิดว่าจะทำกันถึงขนาดนี้ คิดว่าคนเรามีกรอบ กติกาของสังคม ในมารยาทของสังคมก็คิดว่าจะทำแค่ในกรอบ แต่การกระทำเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นการกระทำนอกกรอบ


 


"เมื่อเช้าที่ผ่านมา ผมได้ไปขอโทษ พล.อ.เปรม ว่าเราอาจจะดูแลท่านไม่ดี ท่านก็ไม่คิดว่าพวกนี้จะทำกับท่านถึงขนาดนี้ เพราะตลอดเวลาท่านได้ดูแลชาติบ้านเมือง ผ่านร้อนผ่านหนาวมา ที่สำคัญท่านรักประเทศ และท่านจงรักภักดี อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นท่านคงไม่สบายใจ เพราะท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ตรงนั้น และรถหลายคันก็วิ่งไปตรงนั้น ได้กล่าวในสิ่งที่ไม่เหมาะควร ซึ่งท่านคงได้ยิน"


 


เมื่อถามว่า จะให้กำลังใจพล.อ.เปรม อย่างไร เพราะทางกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามกดดันให้พล.อ.เปรม ลาออกจากประธานองคมนตรี พล.อ.สนธิ กล่าวตอบว่า "ท่านจะออกได้อย่างไร ท่านทำอะไรผิด" ผู้สื่อข่าวถามว่า มีมาตรการป้องกันไม่ให้กลุ่มผุ้ชุมนุมพีทีวี ปะทะกับกลุ่มที่สนับสนุนพล.อ.เปรม อย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า กลุ่มที่สนับสนุนประธานองคมนตรี มีจิตสำนึกที่ดี และต้องการเห็นความสงบเรียบร้อยของประเทศ ดังนั้นการมาถือเป็นการให้กำลังใจ และเป็นการบอกคนทั้งประเทศว่า หลายคนยังจงรักภักดีต่อสถาบัน และยังรักท่านอยู่


 


"ผมได้มีโอกาสได้พูดคุยประชาชน และประชาชนถามว่า ทำไมถึงปล่อยให้เป็นอย่างนี้ บ้านเมืองมีขื่อ มีแปรหรือไม่ โดยเฉพาะพล.อ.เปรม ท่านทำงานเพื่อชาติ บ้านเมืองมาตลอด ถามว่ากลุ่มนี้กำลังมุ่งหาอะไร กำลังไปเชิดชูคนไม่ดี สังคมไทยจะไปอย่างไร นี่คือสิ่งที่น่าสนใจ นี่เป็นสิ่งที่ประชาชนกล่าวกับผม ถึงเวลาแล้วที่สังคมต้องทบทวนสังคมตัวเอง เราควรจะเชิดชู ยกย่องคนดี ต้องพูดกันให้ชัดเจนว่า เราจะให้คนไม่ดีอยู่อย่างไร ในสถานะอะไร ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปบ้านเมืองเราคงจะไม่มีอะไรแล้ว อับอายกับชาติต่างๆ ที่อยู่รอบบ้าน และนานาชาติ เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง พวกเราในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทย และเป็นสื่อต้องช่วยกัน ทำความเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้" พล.อ.สนธิ กล่าว


 


 


ยันลูกผู้ชายไม่ร้องไห้ วอนยกท่านเป็นปูชนียบุคคลต้องช่วยกันดูแล


ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่าล้ม พล.อ.เปรมได้ ก็ล้ม คมช.ได้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "ไม่เกี่ยวกัน อย่าไปพูดอย่างนั้น มันไม่ดี เพราะเราอย่าไปเอาท่านลงมาข้างล่างกับสิ่งที่มันไม่ดี ยกท่านไว้เถอะ เพราะถือว่าท่านเป็นปูชนียบุคคลที่เราทุกคนต้องช่วยกันดูแลดีกว่า เพราะท่านมีส่วนในการทำให้กับชาติบ้านเมือง"


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความจำเป็นที่จะต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินตามไปทางครรลองอย่างเหมาะสม ตนในฐานะผู้ปฏิบัติได้แต่เพียงเสนอแนะว่า เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นตัวชี้วัดว่าควรจะมีอะไร


 


ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ รายงานว่า มีผู้สื่อข่าวถาม พล.อ.สนธิว่า พล.อ.เปรมน้ำตาคลอหรือร้องไห้ใช่หรือไม่  พล.อ.สนธิตอบว่า "โอ๊ย ลูกผู้ชายร้องไห้ได้ยังไง"


 


ทั้งนี้ ทั้งหนังสือพิมพ์แนวหน้าและไทยโพสต์ อ้างถึงแหล่งข่าวคนใกล้ชิดพล.อ.เปรม เผยว่า ขณะเกิดเหตุจราจลนั้น พล.อ.เปรมยังอยู่ในบ้านพักตามปกติ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยท่านมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด และรู้สึกไม่พอใจที่มีการปล่อยให้ม็อบบุกมาถึงหน้าบ้าน โดยพล.อ.เปรม ยังได้เปยตอนหนึ่งกับคนใกล้ชิดว่า "นี่เราจะออกไปไหนไม่ได้เลยหรือ และถ้าหากยืดเยื้ออย่างนี้เรื่อยๆจะทำอย่างไร"


 


 


นครบาลสรุปยอดบาดเจ็บกว่า 200 นาย


พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวเมื่อวานนี้ (23 ก.ค.) ว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้รายงานสถานการณ์การชุมนุมและความเสียหายที่เกิดขึ้นรวบถึงอาการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าระงับเหตุพบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ กว่า 200 นายเป็นตำรวจนครบาล 116 นาย ตำรวจภูธรภาค 1 และตำรวจตระเวนชายแดนและกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางอีกกว่า 90 นายรวมแล้วประมาณ 200 นาย ที่บาดเจ็บสาหัสมากเป็นตำรวจกองปราบปราม ถูกผู้ชุมนุมขับรถชนขาหัก พักรักษาตัวโรงพยาบาลตำรวจ


 


ส่วนตำรวจที่เหลือได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลถลอก หัวแตก แขนขาปวดบวมอักเสบ ถูกกระจกบาด ถูกขวดขว้างปาใส่ บางรายถูกก้อนอิฐ โดยเฉพาะ พ.ต.อ.ชัยทัศน์ บุญขำ ผกก.ป. ที่เข้ามาช่วยประสานด้านกำลังถูกกระแทกจนฟันหน้าบิ่นไป 2 ซีก นอกจากนี้ยังพบผู้บาสดเจ็บสาหัสอีก 1 รายถูกหินขว้างปาใส่และถูกแผงเหล็กกระแทกอย่างแรงจนสมองบวมอยู่โรงพยาบาลตำรวจ


 


 


ดำเนินคดีแกนนำแล้ว 6 ราย


ผบช.น. กล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมว่า พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ สั่งการให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในขั้นเด็ดขาด เบื้องต้นจับกุมไปแล้ว 6 คน คือนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อายุ 46 ปี แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 นายบรรธง สมคำ อายุ 40 ปี หม่อมหลวงวีรยุทธ เสนีวงศ์ อายุ 46ปี ถูกควบคุมตัวที่ สน.ทุ่งสองห้อง


 


นายศราวุฒิ หลงเส็ง อายุ 26 ปีนายวีระศักดิ์ เหมธุริน อายุ 59 ปี และนายวันชัย นาพุทธา อายุ 40ปี ถูกควบคุมตัวที่ สน.บางเขน ดำเนินคดี 2 ข้อหา คือมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายข่มขู่ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ข่มขู่ว่าจะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดในบ้านเมือง เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และข้อหา ร่วมกันต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงานระหว่างปฏิบัติหน้าที่โดยใช้กำลัง อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี


 


ผบช.น. กล่าวอีกว่า ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการสอบสวน มอบหมายให้ พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. รับผิดชอบด้านงานสอบสวน ตั้งคณะทำงานรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีโดยเฉพาะ เชื่อว่าภายใน 1-2 วันนี้สามารถสรุปหลักฐานขออนุมัติหมายจับแกนนำผู้ชุมนุมได้อย่างแน่นอน


 


 


เสรีพิศุทธ์ลั่นห้ามม็อบเคลื่อนออกสนามหลวง


ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตำรวจจำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมายจะปล่อยให้มีการสร้างความเดือดร้อนไม่ได้ ที่ผ่านมาตำรวจพยายามอดทนอดกลั้น ยอมผ่อนปรนกันมาโดยตลอด หากมีการละเมิดกฎหมายมากเกินไป ก็ต้องดำเนินคดีกันทั้งหมด ตั้งแต่กลุ่มแกนนำรวมถึงผู้ที่ก่อความรุนแรง และทำผิดกฎหมายตามที่ปรากฏอยู่ในภาพ


 


จากเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นมีตำรวจทุกระดับได้รับบาดเจ็บกว่า 200 นาย รวมถึงผมเองที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะด้วย สำหรับกลุ่มแกนนำ 6 คนที่ถูกควบคุมตัวเมื่อคืนที่ผ่านมา ผมได้สั่งห้ามไม่ให้มีการประกันตัวโดยเด็ดขาด "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว



และกล่าวว่าต่อไปนี้จะอนุญาตให้กลุ่มผู้ชุมนุม ชุมนุมได้เฉพาะในพื้นที่ท้องสนามหลวง และจะไม่ให้มีการเคลื่อนขบวนออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวโดยเด็ดขาด หากยังฝ่าฝืนเคลื่อนออกมาจะใช้กฎหมายเข้าจัดการอย่างเด็ดขาด ถ้าใครอยากลองดีก็เอา ก็ว่ากันไป ต้องรู้กันบ้างว่าอะไรคืออะไร ตนไม่ยอม เมื่อไม่ยอมก็ไม่ยอม ตนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง ก็ลุยกัน


 


ข่าวแจ้งว่า สำหรับแกนนำนปก.ที่จะถูกออกหมายจับนั้น อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ นพ.เหวง โตจิราการ นายจักรภพ เพ็ญแข นายวีระ มุสิกพงศ์ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง


 


 


ศูนย์นเรนทรสรุปผู้บาดเจ็บร่วมร้อยราย


ด้านศูนย์นเรนทร กระทรวงสาธารณสุข ได้สรุปยอดผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุม ที่บริเวณแยกสี่เสาเทเวศร์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 106 ราย เป็นตำรวจ 77 นาย ทหาร 1 นาย และประชาชน 28 คน


 


ทั้งหมดถูกส่งตัวเข้ารักษาโรงพยาบาล 6 แห่งด้วยกัน ได้แก่ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล 46 ราย นอนรักษาตัวเนื่องจากหมดสติไป 2 ราย และมีการส่งต่อไปที่โรงพยาบาลศรีวิชัย 1 ราย โรงพยาบาลรามาธิบดี 17 ราย เป็นตำรวจทั้งหมด กลับบ้านได้แล้ว


 


ส่วนที่โรงพยาบาลกลาง มีผู้เข้ารับการรักษา 19 ราย นอนอยู่รักษาอยู่ 1 ราย ส่วนโรงพยาบาลตำรวจมีอยู่ 13 ราย นอนรักษาอยู่ 2 ราย


 


ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บที่รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลหัวเฉียว มี 7 ราย และโรงพยาบาลศิริราช 4 ราย ตอนนี้กลับบ้านได้หมดแล้ว


 


 


กรรมการสิทธิประณาม นปก. ป่าเถื่อนเข้าข่ายละเมิดสิทธิ


นพ.ประดิษฐ์ เจริญไทยทวี กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้ นอกจากจะไม่เป็นไปอย่างสงบแล้วกลุ่มผู้ชุมนุมยังมีพฤติกรรมก้าวร้าว ป่าเถื่อน โดยเฉพาะการไปชุมนุมที่หน้าบ้าน พล.อ.เปรม เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล เพราะพล.อ.เปรม เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด ควรจะได้เกียรติยศมากกว่าจะถูกกระทำเช่นนี้ การที่ผู้ชุมนุมพยายามบุกรุก และขว้างปาสิ่งของ สิ่งปฎิกูลเข้าไปในบ้านพักของท่านนอกจากจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งแล้วยังเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน


 


นพ.ประดิษฐ์ ยังวิจารณ์บทบาทของ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่เป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่ม นปก. ว่า "ผมรู้สึกแย่กับบทบาทของนายจรัล และกรรมการสิทธิฯ คนอื่นๆ ก็คิดคล้ายๆ กัน ผมคิดว่านายจรัล ควรจะลาออกจาก กก.สิทธิฯไปก่อนที่จะไปเล่นการเมือง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวที่รุนแรงโดยไม่ใช้สติ ยั้งคิดแบบนี้ และ พ.ร.บ.กรรมการสิทธิฯ ปี 2542 ก็ระบุชัดเจนว่า กรรมการสิทธิฯ ต้องมีความเป็นกลาง แต่เขาเคยบอกเองว่า ยอมเป็นพวกทักษิณ แต่ไม่เป็นพวกทหาร ก็เท่ากับหมดสิ้นความเป็นกลาง แม้ไม่มีวุฒิสภา แต่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งทำหน้าที่ ส.ส. และ ส.ว.ก็สามารถปลดออกจากตำแหน่งได้" นพ.ประดิษฐ์ กล่าว


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจรัล ระบุว่าเป็น กรรมการสิทธิฯ มีหน้าที่ต้องต่อสู้กับการยึดอำนาจของทหาร น.พ.ประดิษฐ์ กล่าวว่า การแสดงจุดยืนทำได้หลายวิธีใน กรรมการสิทธิฯ ก็มีที่ประชุมให้อภิปราย ไม่ใช่ไปเคลื่อนไหวทำลายสันติสุขของสังคมเช่นนี้ ทั้งที่ กรรมการสิทธิฯ พูดถึงเรื่องความสมานฉันท์มาตลอด แต่ปรากฏว่ามี กรรมการสิทธิฯ คนหนึ่งไปทำความวุ่นวายให้สังคมไม่รู้ จะทำอย่างไร


 


 


เสน่ห์ชี้ม็อบมียุทธศาสตร์ชุมนุมรุนแรง


ขณะที่ นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นยุทธศาสตร์ของการชุมนุมอยู่แล้วที่เป้าหมายเพื่อทวีความรุนแรง แต่คิดว่าฝ่ายรัฐเองก็มองเห็นในจุดนี้ รวมทั้งตระหนักถึงบทเรียนราคาแพง ตอนพฤษภาทมิฬ และพยายามที่จะไม่ให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีก จึงได้มีการเอากระบวนการยุติธรรมมาเป็นเครื่องมือในการจัดการปัญหา คือจะมีการออกหมายจับแกนนำ ซึ่งจะว่าไปก็ถือว่าเป็นวิธีที่ถูก แต่จะทำอย่างไรให้น่าเชื่อ


 


"ผมไม่อยากให้มองว่าเป็นปัญหาเรื่องม็อบเพียงอย่างเดียว แต่การปฏิบัติของฝ่ายรัฐ และ คมช.เองก็มีปัญหาด้วย ทุกอย่างเวลานี้มันเกี่ยวข้องกันหมด เป็นการเปิดศึกหลายด้าน จะเห็นได้ว่าอย่างร่างรัฐธรรมนูญ แม้จะมีฝ่ายรณรงค์ที่ไม่รับร่าง แต่ฝ่ายที่รณรงค์ให้รับร่าง ก็กลับรณรงค์ในลักษณะที่ไม่ค่อยดีเท่าไร เช่น บอกว่าถ้าไม่รับร่าง การเลือกตั้งก็จะไม่เกิดขึ้น หรือกฎหมายออกเสียงประชามติที่จะออกมาก็ไม่ดีเลย ยังไม่รวมถึงความพยายามที่จะผลักดันกฎหมายความมั่นคง ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไม คมช.และรัฐบาลจึงต้องเปิดจุดอ่อนมากขนาดนี้ ดังนั้น พฤติกรรมของ คมช. และรัฐบาลจึงเป็นสิ่งสำคัญ จะมองแค่จะจัดการกับกลุ่มต่อต้านอย่างไร ไม่ถูกต้อง แต่ต้องมองว่าเพราะทุกอย่างมันเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน"


 


 


ผู้ว่า กทม. ฟ้องทรัพย์สิน-เจ้าหน้าที่ กทม. เสียหายยับ


ขณะที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ทรัพย์สินและสถานที่ราชการของ กทม. ได้รับความเสียหาย อาทิ กระถางต้นไม้ พื้นผิวจราจร ทางเท้า รถขนมูลฝอย รถขนน้ำ จำนวน 6 คัน รถไฟฟ้าส่องสว่าง 1 คัน มีเจ้าหน้าที่ขับรถสุขาเคลื่อนที่ได้รับบาดเจ็บคิ้วแตกเย็บ 5 เข็ม ซึ่งทาง กทม.จะรวบรวมพยานหลักฐานความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด มอบให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


 


ส่วนการขออนุญาตใช้พื้นที่สนามหลวงเพื่อชุมนุมครั้งต่อไปนั้น คงต้องหารือร่วมกับกองทัพภาคที่ 1 และตำรวจก่อน เบื้องต้นหากแกนนำทั้ง 8 คน ถูกดำเนินคดี ก็จะไม่มีการเจรจา เพราะถือว่าทำผิดเงื่อนไขการใช้สถานที่มาตลอด แต่หากมีการขอใช้พื้นที่ชุมนุมโดยตกลงจะปฏิบัติตามเงื่อนไข ก็จะพิจารณาอีกครั้ง ตนไม่อยากให้เกิดความรุนแรง เพราะหากห้ามใช้พื้นที่สนามหลวงโดยเด็ดขาด กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะนำมาเป็นข้ออ้าง และเป็นเงื่อนไขนำมาซึ่งความขัดแย้งได้


 

ที่มา : เรียบเรียงจาก แนวหน้า ผู้จัดการออนไลน์ ไทยโพสต์ และสำนักข่าวเนชั่น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net