Skip to main content
sharethis

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 13.30 น. ที่บ้านมนังคศิลา มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตยและเครือข่ายประชาชนเพื่อการเลือกตั้ง(พีเน็ต) แถลงข่าวถึงสถานการณ์การเมือง องค์กรอิสระและภาคประชาชน


 


พล.อ.สายหยุด เกิดผล รองประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตยและประธานเครือข่ายประชาชนเพื่อการเลือกตั้ง(พีเน็ต) กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนเข้าใจดีขึ้นว่าการลงประชามติไม่ว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ก็จะต้องมีการเลือกตั้งตามที่รัฐบาลได้พูดไว้อย่างแน่นอน ปัญหามีเพียงว่าการรณรงค์รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เป็นการเคลื่อนไหวของคนหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่ต้านรัฐประหาร กลุ่มที่ต้องการให้รัฐธรรมนูญ 2540 เป็นรัฐธรรมนูญถาวร และกลุ่มที่เกรงว่ารัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นจากกระบวนการแบบนี้จะอยู่ไม่ได้นาน โดยแสดงความเห็นว่า มาตรา 309 ได้ลบล้างความศักดิ์สิทธิ์แล้วจะทำให้เป็นกฎหมายสูงสุดได้อย่างไร


 


อย่างไรก็ตาม พล.อ.สายหยุดเห็นว่า ประชาชนควรเป็นผู้คิดและตัดสินใจบนเหตุผลที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติที่สุด เพราะหากฟังนักการเมือง นักการเมืองก็ย่อมรักษาผลประโยชน์ของฝ่ายพรรคเขา ทั้งนี้ประชาชนจะออกเสียงการับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญก็อย่าไปบอกใคร เพื่อผลออกมารับหรือไม่รับก็ไม่มีใครรู้การใช้สิทธิ์เหมือนการเลือกตั้ง สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประชาธิปไตยให้ก้าวหน้าไปได้


 


นายวรินทร์ เทียมจรัส กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิองค์กรกลาง กล่าวว่า บ้านมนังคศิลา จะเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 19 ส.ค. อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้รับรายงานมาว่า วันที่ 19 ส.ค. จะมีการขนคนมาลงประชามติ ซึ่งทางองค์กรกลางฯ พยายามตามหาหลักฐานอยู่ว่า มีผู้นำหรือผู้ที่ทำงานกับมวลชนแต่ละพื้นที่ มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐขนคนไปรับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 โดยหากผลออกมาว่าไม่รับร่างฯ จะมีผลต่อการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐประจำปีในเดือนก.ย. ทำให้การรณรงค์โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐมีความไม่เป็นกลาง ซึ่งทางบ้านมนังคศิลา จะประมวลผลทุกวัน และได้ส่งสัญญาณไปที่ กกต. เพราะ กกต.ชุดนี้มาจากศาลไม่เคยทำงานภาคสนามและที่สำคัญคนที่ทำรายงานภาคสนามให้ กกต.ชุดนี้ เคยทำให้นายเก่า กกต.ชุดที่แล้ว ติดคุกมาแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางองค์กรกลางฯ จะช่วยเท่าที่ทำได้


 


นายสกุล สื่อทรงธรรม กรรมการมูลนิธิองค์กรกลาง กล่าวว่า การตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ  โดยมีการลงภาคสนามของอาสาสมัครองค์กรกลาง กว่า 4,000คนในภูมิภาคต่างๆ อย่างไรก็ตามในส่วนของต่างจังหวัด จังหวัดสุรินทร์และจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นเขตที่นักการเมืองมีอิทธิพลสามารถซื้อเสียงได้หัวละ 200-500 บาท โดยเฉพาะที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีการแต่งชุดขาวบอกว่าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญแล้วแจกสติ๊กเกอร์ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่าน สติ๊กเกอร์จะกลายเป็นเงิน เป็นการซื้อด้วยเครดิต ทำให้ประชาชนถูกทำลายด้วยอิทธิพลทางการเมืองการเงิน


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net