Skip to main content
sharethis

14.30 น.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดแถลงข่าวครั้งแรกหลังจากเดินทางกลับมาประเทศไทย โดยมีคุณหญิง พจมาน ชินวัตร และครอบครัว เข้าร่วม ระบุถึงเหตุผลของการกลับมาว่า เพราะระบอบประชาธิปไตยได้กลับมาสู่ประเทศไทยแล้ว ต้องการอยู่กับครอบครัว และเพื่อต่อสู้คดีซึ่งทำลายชื่อเสียงอย่างไม่เป็นธรรมตลอดมา

...ทักษิณ กล่าวยืนยันว่า จากนี้ไปจะไม่ขอเกี่ยวข้องการเมือง ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ว่าจะไม่มีการแทรกแซง ตนจะใช้สิทธิการเป็นคนไทยต่อสู้กับคดีที่ตนถูกกล่าวหาใส่ร้ายมาโดยตลอด

"ผมขออาศัยเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง เพราะต้องการจะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ผมไประเหเร่ร่อนมาทั่วโลก ขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีแผ่นดินไหนที่จะให้ความอบอุ่นแก่ผมและครอบครัวเท่ากับแผ่นดินไทย เพราะฉะนั้นผมจะขอกลับมาอาศัยอยู่อย่างมีความสุข อย่างมีความอบอุ่น และขอตายในผืนแผ่นดินไทยนี้"



พ.ต.ท.เปิดเผยด้วยว่า จะใช้เวลาทำงานด้านการกุศล กีฬา การศึกษา และสิ่งไหนที่จะทำประโยชน์เพื่อประชาชนคนไทยได้ก็จะทำในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง พร้อมกับขอขอบคุณพี่น้องประชาชนคนไทยที่ให้กำลังใจตลอดเวลา 17 เดือนทั้งที่ตนถูกใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ นานา


อดีตนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวขอบคุณที่ทุกฝ่ายให้กำลังใจตลอดมา รวมทั้งที่เดินทางไปรับที่สนามบิน และตามจุดต่างๆ และกล่าวขออภัยที่ไม่ได้ไปทักทายเหมือนที่เคยทำมาตลอด


"ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่ และจำหน้าได้ หลายคนให้กำลังใจทั้งสื่อต่างประเทศและในประเทศ หลายคนเป็นลูกหลานที่เพิ่งจบใหม่ ขอให้ช่วยกันทำให้ประเทศไทยกลับมาได้รับความเชื่อมั่นอีกครั้งหนึ่ง ตนอยากให้ประเทศเข้มแข็งสามารถต่อสู้กับโลกที่กำลังผันผวนจากปัญหาซับไพร์มของสหรัฐ ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น และปัญหาภายในประเทศ อยากให้แก้ปัญหาภายในเพื่อให้เข้มแข็งสามารถต่อสู้กับโลกภายนอกได้"



ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่เปิดให้ผู้สื่อข่าวถามคำถามแต่อย่างใด โดยมอบหมายให้นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา และน.ส.ศันสนีย์  นาคพงษ์  เป็นผู้ตอบคำถามอื่นๆ แทน


 


....................................................................


คำต่อคำ ทักษิณ เปิดใจ
(ที่มา : เดลินิวส์)


 


          "สวัสดีครับ ท่านพี่น้องสื่อมวลชนที่เคารพรัก Good afternoon ladies and gentlemen of the press ขอบคุณนะครับ ที่มาทำข่าวที่ผมเดินทางกลับมาประเทศไทยในวันนี้



          ก็มีคำถามมากมาย ผมก็เลยอยากจะขอสรุปให้ฟังคร่าวๆ หลังจากเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติในวันที่ 19 กันยายน 2549 ผมมีความรู้สึกว่าอยากจะกลับประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 20 เพราะผมเป็นคนมีน้ำใจนักกีฬา เมื่อจบก็คือจบ ผมก็ตั้งใจว่าผมก็อยากจะเดินทางกลับ แต่เมื่อทุกคนบอกว่าอยากให้ผมอยู่สักพักหนึ่ง ผมก็อยู่ แล้วก็ได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับทางฝ่ายของคณะปฏิวัติ ก็ได้บอกให้ทุกคนทราบว่า ผมเป็นคนมีน้ำใจนักกีฬา เมื่อจบแล้วก็จบ อยากให้เขาช่วยสร้างความปรองดองของชาติให้เกิดขึ้น



          ผมก็นึกว่าผมจะอยู่สัก 2-3 เดือนอย่างมาก เพราะผมเป็นคนติดบ้าน เป็นคนที่รักประเทศไทย รักผืนแผ่นดินไทย อยากอยู่กับครอบครัวในประเทศไทย ก็เลยนึกว่าจะได้กลับ แต่ในที่สุดเหตุการณ์ก็ยังไม่สามารถยุติลงได้ ผมก็เลยต้องอยู่ อยู่ไปอยู่มาก็ 17 เดือนกว่าๆ เกือบ 18 เดือน ซึ่งก็ถือว่านาน ในวันออกไปก็เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ออกไปประชุม ทั้งประชุมเอเชีย-ยุโรป หรือ อาเซม เสร็จแล้วก็ไปประชุมผู้นำของประเทศผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด หรือ นาม ที่ฮาวานา แล้วก็ไปประชุมสหประชาชาติ เพื่อจะไปช่วยหาเสียงให้กับ ดร.สุรเกียรติ์ ในขณะนั้นที่ต้องการจะส่งให้เป็นเลขาฯ ยูเอ็น ก็ไปด้วยความตั้งใจและทุ่มเท



          แต่วันนี้กลับมาถูกกล่าวหา ต้องไปพิมพ์ลายนิ้วมือ เปรียบเสมือนเป็นผู้ต้องหาสำคัญ ซึ่งก็รู้สึกเสียใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมและครอบครัวนั้นก็เป็นสิ่งที่น่าเสียใจ แต่ว่าผมก็ยังต้องอดขอแสดงความเสียใจกับพี่น้องประชาชน กับเหตุการณ์ของความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา คนที่เหนื่อยและลำบากที่สุดคือประชาชนโดยรวม ซึ่งผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย



          วันนี้ ผมกลับมาเพราะว่าหลังจากที่พี่น้องประชาชนได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันแล้ว หลายคนก็โล่งใจเพราะได้แสดงการตัดสินใจของตัวเองไปแล้ว และเมื่อเหตุการณ์มันคลี่คลายจากการเลือกตั้ง และประชาธิปไตยกลับคืนมาแล้ว ผมจำเป็นที่จะต้องมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และก็มารักษาชื่อเสียงของผมที่ถูกทำลายอย่างไม่เป็นธรรม



          เพราะฉะนั้นผมก็อยากจะกราบเรียนทุกฝ่ายว่า การกลับมาของผมครั้งนี้ ผมไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง บางคนอาจจะสงสัยว่า นักการเมืองไปมาหาสู่ผม มันเป็นธรรมชาติไม่ใช่หรือ ที่คนไทยเมื่อรู้จักกัน และไม่ได้เจอหน้ากันก็ย่อมต้องมาเจอกัน มาเยี่ยมเยียนกัน มันเป็นวัฒนธรรมของพวกเราไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้นการที่คนเหล่านี้คิดถึงผม เพราะบางคนผมก็มีโอกาสส่งเสริมให้เขาได้ทำงานการเมือง เขาก็คิดถึงผม ก็ไปเยี่ยมไปเยือน แล้วก็ไปรับผมบ้าง อะไรบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะกลับเข้าสู่การเมือง



          วันนี้ผมขออาศัยเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง เพราะต้องการจะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ผมไประเหเร่ร่อนมาทั่วโลก ขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีแผ่นดินไหนที่จะให้ความอบอุ่นแก่ผมและครอบครัวเท่ากับแผ่นดินไทย เพราะฉะนั้นผมจะขอกลับมาอาศัยอยู่อย่างมีความสุข อย่างมีความอบอุ่น และขอตายในผืนแผ่นดินไทยนี้



          ผมก็ขอให้ท่านทั้งหลายที่เป็นห่วงเป็นใยผม ว่าจะมาแข่งขันกันทางการเมืองหรืออะไรนั้น ได้สบายใจได้ว่าผมจะขอใช้ชีวิตอย่างสันติ และสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ปีนี้ 59 แล้ว เพราะฉะนั้นชีวิตของคนเรามันก็ไม่ยาวนานมากนัก ถ้าช่วงสุดท้ายจะได้ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคม และได้อยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข เป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะปรารถนา และผมก็ปรารถนาเช่นนั้น



          เพราะฉะนั้นผมจะขอใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวผม อยู่กับลูกกับเมีย และแน่นอนครับ ก็ขอพักผ่อนบำรุงความสุขให้กับตัวเองบ้างหลังจากที่ตรากตรำทำงานมาทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเนื้อสร้างตัว ไม่ว่าจะเป็นการทุ่มเทให้กับบ้านเมืองที่ผ่านมา วันนี้ก็ขอกลับมาอยู่บนผืนแผ่นดินไทย คงจะใช้เวลากับการต่อสู้คดี รักษาชื่อเสียงของตัวเองที่ถูกทำลายอย่างไม่เป็นธรรม พร้อมกับการทำงานด้านการกุศล ด้านการกีฬา และด้านการศึกษา สิ่งไหนที่ผมจะทำให้เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องคนไทยผมก็จะทำ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น



          และนอกจากนั้น ผมต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เป็นกำลังใจผมมาตลอดเวลา 17 เดือน ก็ยังให้กำลังใจผม ทั้งๆ ที่ผมถูกใส่ร้ายป้ายสี ถูกกล่าวหาต่างๆ นานา ก็ยังให้กำลังใจผมอยู่ และให้โอกาสผมกลับมาในวันนี้ หลายท่านที่ไปรับผมที่สนามบินก็ดี ไปยืนคอยตามจุดต่างๆ ก็ดี ผมต้องขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้ที่ไม่ได้ลงไปทักทาย เพราะโดยปกติผมเป็นคนที่ต้องลงไปทักทาย เพราะต้องขอบคุณน้ำใจที่เขายืนตากแดดตากลมรอผม แต่ผมไม่สามารถทำได้เพราะว่าวันนี้ระบบการรักษาความปลอดภัยเขายังไม่ค่อยสบายใจที่จะให้ผมไปเดินเช่นนั้น ฉะนั้นท่านทั้งหลายที่ไปแล้วไม่ได้เจอผมก็ขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ



          ส่วนพี่น้องสื่อมวลชนหลายคนก็จำหน้าได้ เพราะว่าเคยทำงานร่วมกันมา ทั้งผู้สื่อข่าวต่างประเทศและผู้สื่อข่าวไทย หลายคนก็เป็นลูกหลาน เพิ่งจบใหม่ๆ เข้ามา ก็ขอให้ท่านช่วยกันทำให้ประเทศไทยได้กลับมามีความเชื่อมั่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าผมอยากเห็นประเทศไทยยืนได้อย่างเข้มแข็งในภาวะเศรษฐกิจที่มีการผันผวนอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาซับไพรม์ที่สหรัฐอเมริกา ปัญหาเรื่องของน้ำมันราคาแพงขึ้นทุกวัน ปัญหาเรื่องของเศรษฐกิจชะลอตัวลงของโลก และปัญหาภายในของเรา



          เพราะฉะนั้นวันนี้ขอให้ทุกท่านช่วยกันแก้ปัญหาภายในให้มากที่สุด เพื่อที่เราจะได้เข้มแข็ง เผชิญกับปัจจัยภายนอก และ ทำให้เราสามารถที่จะยืนหยัดอยู่ได้ในการแข่งขัน ก็ขอขอบคุณท่านสื่อมวลชนทั้งหลาย หลายคนก็เป็นห่วงเป็นใย โทรไปให้กำลังใจ ก็ขอขอบคุณอีกครั้ง ขอขอบคุณครับ"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net