Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2551 สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์คัดค้าน กรณีที่ จักรภพ  เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีแนวคิดแก้ไขปัญหาวิทยุชุมชน โดยจะจัดทำโครงการทดลองพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและวิทยุชุมชน โดยเปิดให้ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ อีกทั้งมีข้อเสนอว่าจะเจรจากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อละเว้นการจับกุมในช่วงสูญญากาศ


 


สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้


 


1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กำลังใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อควบคุมวิทยุชุมชน การอ้างว่าจะดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวดกับผู้ไม่เข้าร่วมโครงการ เท่ากับใช้อำนาจบีบบังคับทางอ้อมให้ผู้ที่ต้องการดำเนินกิจการต่อไป  เข้ามาเป็นพวกพ้อง กีดกันผู้ที่มีความเห็นแตกต่างและปฏิเสธความหลากหลาย และการมีข้อต่อรองจะเสนอมิให้ตำรวจจับกุมหากได้เข้าร่วมโครงการก็หมิ่นเหม่ต่อการฝ่าฝืนกฎหมายและส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ


 


2.บทเฉพาะกาลในพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อ 5 มีนาคม 2551 ในมาตรา 78-79 ระบุชัดเจนว่า ระหว่างที่ยังไม่มีองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เพื่อจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม ให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนเฉพาะออกใบอนุญาตประกอบกิจการฯ ชั่วคราวมีอายุไม่เกิน 1 ปีรวมทั้งการกำหนดสัดส่วนผังรายการ โดยทำงานผ่านคณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากหลายฝ่าย


 


แต่จนถึงขณะนี้คณะอนุกรรมการดังกล่าวยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะคณะรัฐมนตรียังไม่แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 6 คน ตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งๆ ที่ กทช. ได้ส่งเรื่องไปให้พิจารณาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น ภารกิจที่สำคัญของรัฐบาลคือการเร่งรัดให้เกิดคณะอนุกรรมการกิจการกระจายเสียงฯ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการแก้ปัญหาวิทยุชุมชนมากกว่าการใช้อำนาจรัฐเข้าไปแทรกแซงหรือกระทำการแทน


 


3.ปัญหาวิทยุชุมชนเกิดขึ้นยืดเยื้อยาวนานนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2545  การแก้ไขระยะยาว รัฐบาลควรเร่งแก้ไขพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม พ.ศ.2543 เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ที่ระบุให้มีองค์กรอิสระองค์กรหนึ่ง กำกับดูแลการจัดสรรคลื่นความถี่ฯ


 


ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ได้ระบุให้เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่จะต้องเร่งรัดให้เกิดกฎหมายเพื่อรองรับองค์กรอิสระ เพื่อจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม ภายใน 180 วัน นับตั้งแต่แถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร  แต่จวบจนบัดนี้ ยังไม่มีการดำเนินงานใดๆจากรัฐบาลชุดปัจจุบัน


 


สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เห็นว่า หากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องการแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาวิทยุชุมชน ไม่ควรใช้แนวทางแก้ปัญหาโดยสร้างความแตกแยกระหว่างผู้ที่ยอมเป็นพวก กับผู้ที่มีความเห็นแตกต่าง แต่ควรเร่งผลักดันให้เกิดคณะอนุกรรมการกิจการกระจายเสียงฯ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงเพื่อดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ พ.ศ.2551 นอกจากนี้ ควรต้องเร่งผลักดันกฎหมายเพื่อรองรับองค์กรอิสระดังกล่าว เพื่อให้การปฏิรูปสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์เป็นจริง และสามารถแก้ปัญหาวิทยุชุมชนได้โดยเร็ว ไม่เช่นนั้น การกระทำของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ อาจเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายและผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ


 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net