Skip to main content
sharethis

 






การเมือง - สังคม


 


ผู้แทน รร.ราชวินิตฟ้องศาลสั่งพันธมิตรฯเลิกชุมนุม


เว็บไซต์สยามรัฐ - 27 มิ.ย.51 คณะอาจารย์จากโรงเรียนราชวินิต มัธยม ยื่นฟ้องในนามส่วนตัว นำโดยนางวรรธนันท์ พรวนต้นไทร พร้อมพวก รวม 10 คน ยื่นฟ้องแกนนำพันธมิตรฯ ต่อศาลแพ่ง ถ.รัชดาฯ ขอให้รื้อถอนเวทีปราศรัย และขนย้ายสิ่งกีดขวางทั้งหมดที่ปิดกั้นถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลก นอกจากนี้ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อให้รถโดยสารสามารถผ่านเข้าออกถนนดังกล่าวได้ และงดใช้เครื่องกระจายเสียงระหว่างเวลา 07.30-16.30 น. ในวันจันทร์ถึงศุกร์ รวมทั้งห้ามปราศรัยด้วยถ้อยคำหยาบคาย และขอให้จัดการกับสิ่งปฏิกูลอย่างมีระบบระเบียบ ทั้งนี้ศาลได้นัดคู่ความทั้งสอบไต่สวน 15 ก.ย.


 


แฟนพันธมิตรฯ แห่ร่วมคึกคักเด็กราชวินิตโดดขึ้นเวที


เว็บไซต์คมชัดลึก - 27มิ.ย. การชุมนุมของพันธมิตรฯบริเวณแยกมิสกวันถึงแยกนางเลิ้ง บริเวณประตูทางเข้าปรากฏว่ามีประชาชนมาร่วมชุมนุมคึกคักเป็นพิเศษโดยเฉพาะช่วงวันศุกร์และวันเสาร์ โดยวันนี้ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางมาตั้งแต่เวลา 18.00 น. จนเต็มพื้นที่ชุมนุมและหนาแน่นมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา โดยแยกย้ายกันจับจองที่นั่งหน้าเวทีและหน้าจอโปรเจ็กเตอร์ที่ติดตั้งไว้กว่า 10 จอ เพื่อรับฟังการปราศรัยและการแสดงของกลุ่มพันธมิตรฯ ท่ามกลางการตรวจตราจากเจ้าหน้าที่ รปภ.ของพันธมิตรฯ


 


อย่างไรก็ตาม บนเวทีนอกจากจะมีการแสดงดนตรี แล้วยังได้นำนักเรียน โรงเรียนราชวินิตมัธยม ที่แสดงตัวเป็นแนวร่วมมาขึ้นมากล่าวด้วย ขณะที่กองทัพธรรมมูลนิธิยังคงปรุงอาหารมังสวิรัติและน้ำดื่มแจกจ่ายให้กับผู้ร่วมชุมนุม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัยยังคงทำหน้าที่ตามปกติ โดยวันนี้ท้องฟ้าโปร่งใสมีลมเย็นสบาย


 



พันธมิตรอุดรฯปะทะรักทักษิณรอบ 2


เว็บไซต์คมชัดลึก - 27 มิ.ย. เมื่อเวลา 16.30 น.  ที่ลานหน้าหน่วยบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครอุดรธานี ริมหนองประจักษ์ศิลปาคม นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ แกนนำกลุ่มพันธมิตรอุดรธานี พร้อมสมาชิกจำนวนประมาณ 100 คน ได้ตั้งเวทีปราศรัยเพื่อโจมตีการทำงานของรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี หลังจากที่สภาผู้แทนมีมติไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี และ 6 รัฐมนตรี โดยในวันนี้มีการเชิญนายชัยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาร่วมปราศรัยในช่วงค่ำ


 


ในขณะที่มีการเริ่มปราศรัย กลุ่มคนรักอุดรฯที่สนับสนุนรัฐบาล และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำโดยนายขวัญชัย ไพรพนา นักจัดรายการวิทยุชมชน คลื่นคนรักอุดรฯ เอฟเอ็ม 97.5 เมกกะเฮิร์ต จำนวนประมาณ 300 คน ได้นำรถกระบะ ติดเครื่องขยายเสียงมากล่าวโจมตีกลุ่มพัธมิตรอุดรฯที่กำลังปราศรัยในช่วงต้น พร้อมกลุ่มคนที่เดินเท้ามาจากเวทีของกลุ่มคนรักอุดรฯ ที่ตั้งอยู่ที่สนามทุ่งศรีเมือง ห่างจากจุดที่กลุ่มพันธมิตรอุดรฯตั้งเวทีประมาณ 400 เมตร ท่ามกลางความสนใจงของประชาชนจำนวนหนึ่ง ที่มาวิ่งออกกำลังกายที่หนองประจักษ์ศิลปาคม


 


และเมื่อทั้ง 2 กลุ่มมาเผชิญหน้ากัน ทาง พ.ต.อ.ภัทธราวุธ เอื้มศศิธร รอง ผบก.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 100 นาย รวมทั้งกำลัง อส. และ อปพร. ได้มากั้นไม่ให้กลุ่มคนรักอุดรฯเข้าไปยังบริเวณเวที โดยมีการ์ดของกลุ่มพันธมิตรอุดรฯ ยืนขวาง โดยนำเสาธงชาติ มาขวางยืนเรียง ซ้อนต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยกลุ่มคนรักอุดรฯ ได้ตะโกนด่าทอกลุ่มพันธมิตร ด้วยคำหยาบคาย ท่ามกลางเสียงเชียร์ของกลุ่มคนรักอุดรฯ ที่ให้บุกเข้าไปหน้าเวที


 


ต่อมาเหตุการณ์ทำท่าจะบานปลายขึ้น โดยแกนนำไม่สามารถจะควบคุมกลุ่มคนที่เดินมาร่วมไม่ได้ จ่าพงษ์ฯ โฆษกของสถานีวิทยุของนายขวัญชัย ได้ขออนุญาตทางกลุ่มพันธมิตรขึ้นเวที โดยกล่าวว่า ขอให้กลุ่มคนรักอุดรฯ ได้พากันกลับไปที่เวทีสนามทุ่งศรีเมือง เพราะการมาแสดงกำลังให้เห็นก็เพียงพอแล้ว และขอให้อย่ามีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ขอให้เดินกลับไปอย่างสงบ ซึ่งอีกด้านนายขวัญชัย ที่กล่าวปราศรัยโจมตีผ่านเครื่องขยายเสียงอยู่บนรถ กล่าวไล่ให้นายเจริญ แกนนำกลุ่มพันธมิตรอุดร ออกไป พร้อมขับรถเคลื่อนออกไป พร้อมกับกลุ่มสมาชิกที่ต่างทะยอยกันเดินกลับเวที


 


จากนั้น กลุ่มพันธมิตรอุดรฯ ได้ช่วยกันนำเก้าอี้มาตั้ง เพื่อรอฟังการปราศรัยของนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำ พธม.ที่จะมาปราศรัยในเวลาประมาณ 19.00 น. โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยตรวจตราดูแลบริเวณรอบเวที เพื่อดูแลความเรียบร้อย และไม่ให้มีเหตุการณ์รุนแรงขึ้นอีก


 


ไทยคดีฯ ยื่น3หมื่นชื่อค้านขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร


เว็บไซต์เดลินิวส์ - 27 มิ.ย. เมื่อเวลา11.00น.ที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์  ผู้อำนวยการสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์พร้อมด้วยกลุ่มประชาชนชาวไทยผู้รักชาติรักประชาธิปไตย ประมาณ 10 คนได้นำรายชื่อประชาชนกว่า33,000 รายชื่อที่คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก มายื่นถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยผ่านนายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้คณะกรรมการมรดกโลกเลื่อนพิจารณาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกไปก่อน จนกว่าคณะกรรมการปักปันเขตแดนร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา จะดำเนินการปักปันเขตแดนบริเวณรอบที่ตั้งของปราสาทพระวิหารเสร็จเรียบร้อยก่อน


 


ม.ล.วัลย์วิภา กล่าวว่า ประชาชนที่ร่วมลงชื่อนั้นไม่เห็นด้วยกับมติครม.เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างผู้แทนฝ่ายไทยและกัมพูชาเนื่องจากขณะนี้ยังมีปัญหาเรื่องอธิปไตยเหนือดินแดนอันเป็นที่ตั้งของปราสาทพระวิหารและบริเวณใกล้เคียง การลงนามในคำแถลงร่วมดังกล่าวอาจถูกอ้างว่าเป็นการสละสิทธิ์ที่จะยกมาต่อสู้เพื่อรักษาอธิปไตยเหนือเขตแดนของประเทศไทย ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุและเงื่อนไขที่ทำให้ไทยเสียดินแดนในอนาคตจึงต้องการให้ครม.ยกเลิกมติดังกล่าวโดยเร็ว พร้อมทั้งเสนอความเห็นว่าปราสาทพระวิหารเป็นสมบัติร่วมกันทางประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศ ไม่ว่าตัวปราสาทจะตั้งอยู่ในเขตแดนของประเทศ ทางกลุ่มจึงต้องการเสนอให้มีตัวแทนภาคประชาชนของไทย-กัมพูชามีส่วนร่วมในการยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกัน และขอคัดค้านข้อความในคำแถลงร่วมที่กำหนดให้ฝ่ายไทยและกัมพูชาร่วมกันจัดทำแผนพัฒนาร่วมเพื่อบริหารจัดการบริเวณพื้นที่ N3 เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตแดนของไทยโดยสมบูรณ์ เพียงแต่มีคนกัมพูชาบุกรุกเข้ามาตั้งร้านค้า จึงขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศเปิดการเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาให้รับคนกลุ่มนี้กลับประเทศและให้กองทัพภาคที่ 2 ใช้กำลังทหารผลักดันอีกทางหนึ่งด้วย


 


ทั้งนี้ ก่อนการเข้ายื่นถึงนายกรัฐมนตรี ม.ล. วัลย์วิภา ได้เดินทางไปยังบริเวณสะพานชมัยรุเชฐ ถนนพิษุโลก เพื่อขอบคุณ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มผู้ชุมชน ที่ได้รวบรวมรายชื่อประชาชนที่คัดการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดโลกของกัมพูชา ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง ได้นำรายชื่อประชาชนที่ร่วมลงชื่อบริเวณเต็นท์ของกองทัพธรรม จำนวน 3,648 รายชื่อ มอบให้แก่ ม.ล. วัลย์วิภา เพิ่มเติมด้วย


 


ยื่นตีความมติครม.ขายชาติ ขวางขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร


ผู้จัดการรายวัน -  นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากนี้พรรคจะดำเนินการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยมติ ครม.ที่ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วม ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้ คณะทำงานด้านกฎหมาย ของพรรค ไปยกร่างคำร้อง และทำหนังสือถึงคณะกรรมการมรดกโลก โดยได้มอบหมายให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร์ ไปดำเนินการ


 


คตส.โวยถูก อสส.หักหลังคดียึดทรัพย์ ทักษิณ


เว็บไซต์คมชัดลึก - 27 มิ.ย. มีการประชุม คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นัดสุดท้ายของการทำงาน ในพิจารณาคดีความต่าง ๆ ก่อนที่จะส่งมอบงานให้ ปปช.ในวันที่ 30 มิ..ย.นี้ โดยมีนายนามยิ้มแย้ม ประธาน คตส.เป็นประธานการประชุม


 


ทั้งนี้ภายหลังการประชุม สัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. แถลงว่า ในระหว่างการประชุม คตส.ได้รับรายงานจาก อนุกรรมการไต่สวน แจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.เวลาประมาณ 16.00 น.ได้รับการประสานจากนายเสกสรร บางสมบุญ อธีบดีกรมอัยพิเศษ อัยการสูงสุด ว่า ขอให้ คตส.จัดทำสำนวนไต่สวนคดีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง พร้อมอายัดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท จำนวน 21 ชุด โดยให้ส่งในวันที่ 26 มิ.ย.เวลา 16.00 น.เพื่อใช้ในการยื่นฟ้องต่อศาลในวันที่ 27 มิ.ย.แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำได้ทัน


 


ดังนั้น ทางคณะอนุกรรมการและเจ้าหน้าที่ จึงรีบจัดทำให้เสร็จในช่วงประมาณเวลา 03.00 น.ของเช้าวันที่ 27 และนายเสกสรรแจ้งว่า ให้ คตส.นำเอกสารดังกล่าวไปส่งที่ศาลฎีกาเลย ไม่ต้องขนย้ายอีก ซึ่งต่อมา เวลา 10.00 น.วันเดียวกัน นายสกสรร ได้แจ้งกลับมาว่า ให้นำเอกสารไปส่งที่สำนักงานอัยการสุงสุด ถนนรัชดา แล้วทางอัยการสูงสุดจะส่งศาลเอง


 


นายสัก กล่าวว่า เจ้าที่ของ คตส. ได้เข้าไปพบนายเสกสรร ที่ห้องทำงานชั้น 11 โดยมี อัยการอยู่ด้วย และนายเสกสรรได้แจ้งว่า ได้เสนอเรื่องทั้งคำฟ้องและคำร้องต่อนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุดแล้ว แต่อัยการสูงสุดยังไม่สั่งการลงมา และไม่แน่ใจว่าจะยื่นฟ้องต่อศาลได้ทันวันที่ 27 มิ.ย.หรือไม่


 


ศาล ปค.เรียก ไชยา ให้ถ้อยคำกรณีวิจารณ์คำสั่งศาล


เว็บไซต์เดลินิวส์ - 27 มิ.ย. นายสมชัย วัฒนการุณ ตุลาการศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ให้ถ้อยคำต่อศาล กรณีนายไชยา ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคำสั่งของศาลปกครองกลาง ในคดีที่นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน์ ประธานคณะกรรมการองค์เภสัชกรรม ( อภ.) กับพวกรวม 5 คน ซึ่งเป็นกรรมการ อภ. ยื่นฟ้อง คณะรัฐมนตรี และนายไชยา เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 และ 2 เรื่องกระทำการโดยมิชอบ ที่มีมติให้ปลดนายวิชัย ประธาน อภ. และกรรมการ อภ. ซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดี ออกจากตำแหน่ง โดยศาลนัดนายไชยาเข้าให้ถ้อยคำ เพื่อไต่สวนกรณีซึ่งอาจเป็นการละเมิดอำนาจศาล ในวันที่ 2 กรกฎาคม เวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาดี 2 ชั้น


 


"เด็กเติ้ง-ฝ่ายค้าน"ประสานเสียง ห่วงรัฐจัดเก็บงบไม่ตามเป้า หวั่นเอกชนไม่มั่นใจ


เว็บไซต์แนวหน้า  - นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทย อภิปรายแสดงความเป็นห่วงที่มีการตั้งงบประมาณผูกพันเพิ่มขึ้นอีก1แสนล้านบาททำให้ประเทศไทยมียอดงบประมาณผูกพันรวมแล้ว 4 แสนล้านบาท ขณะที่รัฐบาลตั้งเป้ามีประมาณการรายรับในปี 2552 เพิ่มขึ้นถึง 9หมื่นล้านบาททั้งที่ประเทศยังมีปัญหาภาวะค่าครองชีพจึงไม่แน่ใจว่าจะเก็บได้ตามที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่ และการประมาณการเงินเฟ้อเพียง3.5 เปอร์เซ็นต์ เป็นการเข้าใจ หรือเขียนผิดพลาดหรือไม่  อยากแนะนำให้สนับสนุนงบประมาณด้านโครงการกีฬาที่สำคัญๆเข้ามาในประเทศไทยเพื่อสร้างความสมานฉันท์ของคนในประเทศอีกทางหนึ่ง สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญมากที่สุดคือเรื่องคุณธรรมและธรรมาภิบาลในการบริหารงานและการโยกย้ายข้าราชการ


 


ต่อมา นายกรณ์ จาติกวณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า โครงสร้างงบประมาณปี 2552 ถอดแบบจากงบประมาณปี 2551 คือเป็นโครงสร้างที่หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยพิจารณาการตั้งงบขาดดุลกว่า 249,500 ล้านบาท แม้ รมว.คลัง ว่าจะบอกถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อลดลง แต่ถ้าพิจารณาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และยัง ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงตามมาด้วย และหากพิจารณางบประมาณยังพบปัญหา รายรับที่ไม่พอ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน ซึ่งน่าห่วงกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งแทบจะเห็นอนาคตของประเทศได้ว่าการลงทุนต้องยอมรับสภาพการขาดดุลต่อเนื่องไปอีกหลายปี ฉะนั้น รัฐบาลต้องรีบหันมาพิจารณาหารายได้ให้ประเทศ และต้องสามารถตอบโจทย์ว่าจะหาเงินส่วนไหนมาลงทุนแทนเงินของรัฐบาล อาทิ เพิ่มการแข่งขัน เปิดการลงทุนจากภาคเอกชนเพิ่ม และไม่ส่งสัญญาณที่ทำให้ภาคเอกชนเกิดความไม่มั่นใจ อาทิ กรณีรัฐบาลจะซื้อคืนรถบีทีเอสจากเอกชน


 


นายกรณ์ อภิปรายต่อว่า รายได้หลักกว่า 80 เปอร์เซ็นของรายรับรัฐบาลมาจากการเก็บภาษี แต่จะเห็นว่าปัญหาของรัฐบาลคือ ฐานภาษีที่สามารถเก็บได้เพียง 15 เปอร์เซ็นของจีดีพีประเทศ ซึ่งถือว่าต่ำมากถ้าเทียบกับประเทศค้างเคียง ซึ่งตนอยากเสนอว่ารัฐบาลควรพิจารณารายรับที่มาจากรัฐวิสาหกิจโดยเฉพาะปตท. ถ้าปรับสัดส่วนการจ่ายเงินปันผลให้รัฐบาลของ ปตท.เพิ่มเป็น 50 เปอร์เซ็น เงินปันผลที่จะมาถึงรัฐบาลก็จะได้เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งรัฐบาลจะได้ประโยชน์มาก


 


ขณะที่นาย นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ดัชนีความก้าวหน้าของชีวิตคนทั้ง 76 จังหวัด ที่อ้างอิงกับรายงานพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ที่ทำการสำรวจประเทศไทยตลอดระยะเวลา 2 ปีจนปีสุดท้ายปี 2550 พบว่ารัฐบาลยังไม่ให้ความสนใจต่อการพัฒนาชีวิตมนุษย์มากนัก โดยพบว่าชีวิตของคนจะมีความก้าวหน้าวนเวียนอยู่ที่จังหวัดใหญ่ๆเช่น กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งเมืองท่องเที่ยวต่างๆ นอกจากนี้ ยังพบว่าภาคอีสานที่ถือว่าเป็นฐานเสียงสำคัญของรัฐบาล 10 ปีที่ผ่านมา ดัชนีความก้าวหน้าของคนภาคอีสานนี้ไม่มีความก้าวหน้าขึ้นเลย จึงอยากทวงถามเรื่องนี้ต่อรัฐบาลว่า ได้ให้ความสำคัญต่อชีวิต ความก้าวหน้าของคนในประเทศบ้างหรือไม่


 


"อภิสิทธิ์" ถล่มงบปี 52 ห่วงศก.ผันผวนส่งผลเงินเฟ้อสูง


เว็บไซต์คมชัดลึก - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ว่า การเสนอร่างพ.ร.บ.รายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2552 นี้ รัฐบาลไม่ได้เสนอภายใต้การบังคับของรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 ซึ่งในปีต่อไปคงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง หรือจัดทำพระราชบัญญัติติงบประมาณ และเอกสารประกอบให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไว้ ว่า รายการนำเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณนั้น จะต้องมีเอกสารประกอบ ซึ่งประกอบไปด้วยรายละเอียดหลายอย่าง นอกจากนี้ยังเคร่งครัดในเรื่องของงบกลาง เพราะไม่ต้องการให้ฝ่ายบริหารสามารถบริหารเงินงบประมาณโดยตั้งเป็นลอยๆ


 


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในส่วนของสาระในส่วนของงบประมาณปี 2552 จากการพูดถึงการประเมินภาพรวมทางเศรษฐกิจ ถือเป็นการส่งสัญญาณในการกำหนดท่าทีในเรื่องนโยบายการคลังอย่างสำคัญ ว่าเศรษฐกิจจะได้รับการบริหารจัดการไปในทิศทางไหน ซึ่งตนเป็นห่วงในเรื่องภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งมีความผันผวนค่อนข้างมาก และมีความรู้สึกว่า เมื่อรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศในช่วงแรกได้ รัฐบาลก็ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปส่วนหนึ่งผ่านมาตราการทางภาษี จึงได้จัดทำงบประมาณแบบขาดดุล แต่ในขณะนี้ความกังวลมันอาจจะไปในเรื่องของเงินเฟ้อมากกว่าเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นรัฐบาลคงจะต้องระมัดระวังว่า เมื่อตั้งงบประมาณแบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วคงจะต้องมีการประเมินเป็นระยะ ๆ ซึ่งตนไม่ห่วง ว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจจะไปเติมเงินเฟ้อมากนัก เพราะยังมองว่าเงินเฟ้อส่วนใหญ่ยังมาจากทางด้านต้นทุนเป็นหลัก เพราะฉะนั้นก็ยังไม่ใช่การสะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่ร้อนแรง แต่รัฐบาลควรมีแผนสำรองไว้เช่นเดียวกัน ว่าในกรณีที่ภาวะเงินเฟ้อมันกระทบต่อความเชื่อมั่น เพราะบางที่อาจจะต้องลดการขาดดุลทางการคลังหรือการงบประมาณหากจำเป็น


 


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2552 มีแนวโน้มขยายตัวประมาณร้อยละ 5.5 อัตราเงินเฟ้อร้อยละ 3.5 ตนไม่แน่ใจว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรงการคลัง จะกล้ายืนยันต่อสภานี้ไหมว่า ปีหน้าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 เพราะตัวเลขล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทย ขณะนี้เงินเฟ้อถ้าเทียบในเดือนเมษายน เทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะนี้ประมาณร้อยละ 6.2 แล้วก็นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ ว่าเงินเฟ้ออาจจะขึ้นไปถึงร้อยละ 7 หรือมากกว่านั้น ซึ่งการคาดการณ์ว่า ปีหน้าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 อยู่บนสมมติฐานว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ที่ระดับใด อยากให้ชี้แจงและให้ความมั่นใจว่า ที่คิดว่าเงินเฟ้อปีนี้ประมาณ 6-7% จะลงไปครึ่งหนึ่งเหลือเพียงร้อยละ 3.5 มีเหตุผลอะไรและมีมาตรการอะไรมารองรับเรื่องนี้


 



รมต.กัมพูชาปัดได้ที่รอบปราสาท ยันไทยไม่เสียดินแดน


เว็บไซต์เดลินิวส์ - 27 มิ.ย. นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงพนมเปญในวันนี้ โดยปฏิเสธคำกล่าวอ้างของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ว่าไทยแอบยกพื้นที่ใกล้กับปราสาทพระวิหาร และสนับสนุนกัมพูชาให้ยื่นต่อองค์การยูเนสโกจดทะเบียนปราสาทหินอายุ 900 ปีนี้เป็นมรดกโลก เพื่อแลกกับการให้สัมปทานแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย


 


นายฮอร์ นัมฮง กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกันเลย พร้อมกันนี้เขายังย้ำว่า ประเทศไทยไม่ได้เสียดินแดนเลยแม้แต่น้อย แต่กลุ่มพันธมิตรฯ กำลังใช้ประเด็นนี้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในการโค่นล้มรัฐบาล แต่การทำเช่นนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อความร่วมมือและมิตรภาพที่มีกับกัมพูชาได้


 


 






เศรษฐกิจ


 


ราคาน้ำมันพุ่งทะลุนิวไฮ$141 ดึงให้ตลาดหุ้นตกทุกภูมิภาค


ผู้จัดการรายวัน -  ราคาน้ำมันดิบ ไลท์ สวีทส่งมอบเดือนสิงหาคมขยับขึ้นอีก 1.71 ดอลลาร์สหรัฐฯมาอยู่ที่ 141.35 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหนึ่งบาร์เรลเมื่อเวลา 9:25 GMT หรือเท่ากับ 16.25 นาฬิกาตามเวลาในประเทศไทย ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดลอนดอนก็เพิ่มขึ้น 1.56 ดอลลาร์สหรัฐฯมาอยู่ที่ 141.39 หลังพุ่งแตะระดับ 141.98 มาแล้ว เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น


 


ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นนี้เป็นการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์เพราะตลาดตะวันตกยังคงไม่เปิดทำการ และเป็นการทะยานขึ้นจากราคาปิดตลาดเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (26) ที่ทั้งไลท์สวีทและเบรนท์พุ่งขึ้นไปมากกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหนึ่งบาร์เรลมาแล้ว โดยสรุปราคาน้ำมันดิบไลท์สวีทและเบรนท์พุ่งขึ้นเกือบ 7 ดอลลาร์สหรัฐต่อหนึ่งบาร์เรลภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง


 


สาเหตุของการทะยานขึ้นครั้งใหม่ก็คือ คำพูดของประธานคนปัจจุบันของโอเปก ชาคิป เคลิลซึ่งเป็นรัฐมนตรีพลังงานของอัลจีเรีย เคลิลออกมาคาดการณ์ในระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของฝรั่งเศสว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจจะขึ้นไปแตะระดับ 150-170 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหนึ่งบาร์เรลในช่วงหน้าร้อนของโลกตะวันตกที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน


 


นักวิเคราะห์พากันชี้ด้วยว่าความล้มเหลวของการประชุมระหว่างประเทศผู้ผลิตและผู้ใช้น้ำมันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้แม้กระทั่งเรื่องพื้นฐานที่ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำมันมีราคาพุ่งขึ้น ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปอีก


 


ผลจากราคาน้ำมันทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงรุนแรง เมื่อวันพฤหัสบดีดัชนีดาวโจนส์ของตลาดหุ้นนิวยอร์คก็ร่วงไปมากกว่า 358 จุดหรือมากกว่า 3% ขณะที่ดัชนีหลักของยุโรปก็ปิดในแดนลบทั้งหมด ส่วนตลาดหุ้นเอเชียในวันศุกร์ (27) ติดตัวแดงกันทุกกระดานจากแรงฉุดของตลาดตะวันตกและความตระหนกจากราคาน้ำมันที่ยังคงพุ่งขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความกังวลในตัวเลขเงินเฟ้อและมาตรการควบคุมเศรษฐกิจมหภาพเข้มงวดที่รัฐบาลต่าง ๆจะออกมาในอนาคตเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อ


 


นักวิเคราะห์ยังกล่าวอีกว่า เมื่อภาพรวมเงินเฟ้อของโลกย่ำแย่ลงอย่างรวดเร็วจากราคาเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่ทะยานขึ้นตลอดเวลา ก็จะส่งผลกระทบไปถึงผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เกือบทุกประเทศ และทำให้นักลงทุนต้องย้ายเม็ดเงินของตนเองจากตลาดหุ้นเข้าไปไว้ในตลาดโภคภัณฑ์มากขึ้นโดยเฉพาะน้ำมัน ทองคำและธัญพืช เพราะเป็นที่ที่ผลกระทบของเงินเฟ้อมีน้อยมาก และเมื่อมีเงินทุนมหาศาลย้ายเข้ามาพักในตลาดโภคภัณฑ์ก็จะผลักให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทะยานขึ้นต่อไปอีก


 


น้ำมันมีลุ้นเฉียดลิตรละ60บาทหากตลาดโลกพุ่ง200ดอลล์-จี้เร่งลอยตัวแอลพีจี


เว็บไซต์คมชัดลึก - บางจากฯ ชี้แนวโน้มน้ำมันตลาดโลกอาจพุ่งถึง 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อาจดันราคาปลีกในประเทศสูงถึง 58-59 บาทต่อลิตร ด้าน "ปิยสวัสดิ์" จี้รัฐเร่งลอยตัวก๊าซแอลพีจี แนะควรปรับให้เป็นราคาเดียว เพราะยากต่อการควบคุม


 


ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานที่ปรึกษาของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงานสัมมนาเรื่อง "Energy Crisis : Thailand Economic Scenario" หัวข้อ วิกฤติราคาน้ำมันกับทิศทางเศรษฐกิจไทย จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ว่า ราคาน้ำมันจะทรงตัวในระดับสูงตลอดไป เนื่องจากกำลังการผลิตและความต้องการที่ตรึงตัว และข้อจำกัดของกำลังการกลั่น ขณะเดียวกันความต้องการใช้ก็ยังไม่ชะลอตัวเท่าที่ควร ที่สำคัญ คือ ท่าทีของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ออกมาระบุว่า ราคาน้ำมันจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 150-170 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งมีความเป็นไปได้ แต่เชื่อว่าคงไม่ปรับไปถึง 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล


 


"สิ่งที่ต้องดำเนินการในขณะนี้ คือ รัฐบาลต้องใช้มาตรการราคา ทำให้ราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพื่อให้การใช้มีประสิทธิภาพ ดังนั้น ราคาพลังงานที่อุดหนุนอยู่ต้องยกเลิกทั้งหมด โดยเฉพาะก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ แอลพีจี และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ เอ็นจีวี ในส่วนของแอลพีจี จะเห็นได้ว่าราคาที่ถูกอุดหนุนต่ำกว่าความเป็นจริงมาก และการอุดหนุนทำให้ราคาแอลพีจีต่ำกว่าราคาน้ำมันเตา จึงส่งผลให้การใช้แอลพีจีสูงขึ้นมาก หากปล่อยสถานการณ์อย่างนี้ต่อไป ปัญหาจะรุนแรงมากขึ้น" ดร.ปิยสวัสดิ์กล่าว


 


ส่วนกรณีที่กระทรวงพลังงานเตรียมปรับราคาแอลพีจีเป็นสองราคาในเดือนกรกฎาคมนั้น เห็นว่าควรปรับขึ้นไปให้เป็นราคาเดียว เนื่องจากการทำเป็นสองราคาจะควบคุมไม่ได้ นอกจากนี้ ปัญหาที่จะต้องเตรียมรับมืออีกประการ คือ ค่าไฟฟ้าจะต้องปรับสูงขึ้นอย่างมากในระยะไม่เกิน 3 ปี หลังจากนี้ เนื่องจากสัญญาจัดซื้อก๊าซธรรมชาติจะหมดอายุในเร็วๆ นี้ และเมื่อมีการทำสัญญาใหม่ ราคาจัดซื้อใหม่จะสูงขึ้น


 


ด้าน ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกมีโอกาสจะปรับขึ้นไปได้อีก และมีโอกาสแตะที่ 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในระยะยาว เพราะปัจจุบันทราบว่ามีการให้ค่าพรีเมียมสำหรับการซื้อขายน้ำมันที่ระดับ 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หากไปอย่างนั้น ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลในประเทศจะขึ้นไปถึง 58-59 บาทต่อลิตร หรืออย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 50 บาทต่อลิตร


 


อย่างไรก็ตาม ระยะใกล้นี้ราคาน้ำมันมีโอกาสไปถึงระดับ 150-170 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้ระดับราคาน้ำมันในประเทศปรับขึ้นอีกประมาณ 2 บาทต่อลิตร มาอยู่ในระดับ 44-45 บาทต่อลิตร ดังนั้น มาตรการพลังงานทดแทนจึงจำเป็นต้องดำเนินการให้เกิดเป็นผลรูปธรรม โดยเฉพาะการใช้เอทานอลผสมในน้ำมันเบนซินที่ 85% หรือ อี 85 ซึ่งจะเข้ามาเป็นอีกทางเลือกให้แก่ประชาชน แต่ยังมีข้อจำกัดหลายประการที่ต้องใช้เวลาในการหาข้อสรุป


 


 


 






ต่างประเทศ


 


แผ่นดินไหว 6.7 ริกเตอร์ ที่หมู่เกาะอันดามัน


เว็บไซต์แนวหน้า - เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง บริเวณหมู่เกาะอันดามัน ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเคยเกิดเหตุแผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์สึนามิมาก่อน โดยเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.7 ริกเตอร์


 


ดินดาวอังคารใช้ปลูกพืชได้


เว็บไซต์สยามรัฐ - นายซามูเอล  คูนาเวส นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยทัฟต์ส ในสหรัฐฯ  กล่าวว่า จากการตรวจสอบตัวอย่างดินบริเวณขั้วเหนือของดาวอังคาร โดยยานอวกาศฟีนิกซ์ขององค์การนาซา  ปรากฏว่า  ดินบริเวณดังกล่าว สามารถปลูกพืชผักต่างๆ เช่น  หน่อไม้ฝรั่ง  ถั่วเขียว  และผักกาด ได้ เพราะมีสภาพแวดล้อมคล้ายกับดินตามสวนหลังบ้านบนโลกมนุษย์ ปราศจากพิษภัยต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของพืชต่างๆ นอกจากนี้   จากการตรวจสอบแร่ธาตุต่างๆ   ในดินบริเวณขั้วเหนือของดาวอังคารโดยยานฟีนิกซ์  ยังพบด้วยว่า ประกอบด้วยแมกนีเซียม โปแตสเซียม และโซเดียม ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญของพืชและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net