Skip to main content
sharethis

องค์การฮิวแมนไรท์วอชท์ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลคุ้มครองผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลไม่ให้ถูกทำร้ายจะต้องมีการสืบสวนเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงโดยกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล


 


ทั้งนี้ แถลงการณ์ ระบุว่า นับตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา กลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลได้ใช้กำลังเข้าโจมตีการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ มากกว่า 10 ครั้ง โดยเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นที่อุดรธานี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยให้มีการทำลายทรัพย์สิน และทำร้ายร่างกาย จนทำให้ผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมของพันธมิตรฯได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 13 ราย


 


นางอีเลน เพียร์สัน รองผู้อำนวนการแผนกเอเชียขององค์การฮิวแมนไรท์วอตช์ กล่าวว่า ทางการไทยไม่ได้คุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนเกี่ยวกับการชุมนุมอย่างสันติ การที่รัฐบาล และทางการไทยปล่อยให้กลุ่มอันธพาลที่สนับสนุนรัฐบาลสามารถใช้ความรุนแรงได้อย่างเสรีเช่นนี้ เป็นการคุกคามต่อประชาธิปไตย


 


"ทางการไทยควรเร่งสืบสวนเหตุการณ์ที่มีการใช้กำลังเข้าโจมตีการชุมนุมของพันธมิตร เพื่อนำตัวผู้ที่รับผิดชอบ และเจ้าหน้าที่ที่เพิกเฉยต่อการป้องกันเหตุการณ์เหล่านั้นมาลงโทษตามกฎหมาย"


 


แถลงการณ์ยังระบุว่า เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายของนายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรและสหกรณ์ และส.ส. จังหวัดอุดรธานี พรรคพลังประชาชน ได้นำกลุ่มประชาชนมากกว่า 1,000 คนจากเครือข่ายของชมรมคนรักอุดรเข้าใช้กำลังทำร้ายร่างกาย และทำลายทรัพย์สินของผู้เข้าร่วมการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประมาณ 200 คน ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ อำเภอเมือง อุดรธานี โดยกลุ่มประชาชนที่มาจากฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลมีดาบ ขวาน มีด แท่งเหล็ก ท่อนไม้ และหนังสติ๊กเป็นอาวุธ ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดความรุนแรงนั้น สถานีวิทยุ FM 97.5 อุดรธานี ได้ออกอากาศปลุกเร้ากระตุ้นให้มีการใช้ความรุนแรงต่อฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาตั้งแต่ช่วงเช้า


 


ทั้งนี้ จากหลักฐาน ภาพข่าวและปากคำของพยานที่อยู่เหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่นที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาสาสมัครรักษาดินแดนประมาณ 500 นายนั้น ไม่ได้พยายามที่จะป้องกัน และยุติความรุนแรงอย่างจริงจังแต่อย่างใด ถึงแม้จะเห็นผู้ชุมนุมฝ่ายพันธมิตรถูกรุมทำร้ายจนเกือบเสียชีวิตอยู่ต่อหน้าต่อตาก็ตาม และเจ้าหน้าที่ยังปล่อยให้อันธพาลจากกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลเผาทำลายทรัพย์สินของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกด้วย


 


นับตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม เป็นต้นมา ประชาชนหลายหมื่นคนเข้าร่วมการชุมนุมของพันธมิตรฯ ซึ่งกล่าวหารัฐบาลของนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวชว่า ฉ้อราษฎร์บังหลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ และมีพฤติกรรมไม่รักชาติ ถึงแม้การชุมนุมของพันธมิตรจะใช้ภาษาที่รุนแรง และมีการปิดถนนเพื่อชุมนุมยืดเยื้อในกรุงเทพฯ รวมทั้งการปิดถนนบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน แต่การชุมนุมส่วนใหญ่ก็ดำเนินไปโดยปราศจากความรุนแรง


 


อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล ซึ่งมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับ ส.ส.พรรครัฐบาลได้ใช้กำลังเข้าโจมตีการชุมนุมของฝ่ายพันธมิตรถึง 11 ครั้ง ที่กรุงเทพฯ อุดรธานี สกลนคร เชียงใหม่ ศรีสะเกษ เชียงราย มหาสารคาม และบุรีรัมย์ ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหาย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม นายการุณ ใสงาม อดีตส.ว. ต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะ เพราะถูกยิงด้วยหนังสติ๊ก


 


จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่า ทางการไทยมีความจริงจัง และจริงใจที่จะดำเนินการใดๆ ต่อผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์รุนแรงเหล่านั้น ถึงแม้บางครั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จะรับปากว่าจะสืบสวน และจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายก็ตาม


 

นางเพียร์สัน กล่าวว่า รัฐบาลของนายสมัครควรคุ้มครองสิทธิในการชุมนุมอย่างสันติ ซึ่งเป็นส่วนประกอบเบื้องต้นของระบอบประชาธิปไตย และเป็นสิทธิที่ได้รับการรับประกันโดยรัฐธรรมนูญของไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net