Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


ศาลปกครองนัดไต่สวนฉุกเฉิน ด้าน 3 รมต.หวย หนีเบิกความ ไม่มาศาล


ไทยรัฐ - เมื่อวันที่ 18 ส.ค. เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ศาลปกครองสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ นายเกษม คมสัตย์ธรรม ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ฐานะตุลาการเจ้าของสำนวนออกบัลลังก์ไต่สวนฉุกเฉินคดีที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา พร้อมด้วยนายสุวัตร อภัยภักดิ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ และคณะ รวม 9 คน ยื่นฟ้อง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน และนายอนุรักษ์ จุรีมาศ รมช.คมนาคม และ ครม. ในข้อหากระทำการโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เนื่องจากผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 มีเจตนาจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ภายหลังจากที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) ซึ่งมี ผู้ถูกฟ้องที่ 1-3 ร่วมเป็นจำเลยด้วย ตัวแทนกลุ่มพันธมิตรฯ ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกเพิกถอนมติ ครม. เมื่อวันที่ 29 ก.ค. และ 5 ส.ค. กับห้ามผู้ถูกฟ้องทั้ง 3 กระทำการใดๆ อันเป็นการใช้อำนาจหน้าที่สถานะความเป็นรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะพิจารณาตามบทบัญญัติของกฎหมาย


 


อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาไต่สวนคดีนี้ ปรากฎว่ามีเพียงฝ่ายพันธมิตรฯ คือนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ นายคำนูณ สิทธิสมาน สมา-ชิกวุฒิสภา นายสุวัตร อภัยภักดิ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ นายถาวร เสนเนียม และนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เดินทางมาเบิกความต่อศาล ขณะที่รัฐมนตรีทั้ง 3 คน และ ครม.ไม่ได้เดินทางหรือแต่งตั้งตัวแทนมาร้องคัดค้านคำฟ้องแต่อย่างใด ต่อมาภายหลังการไต่สวนนานกว่า 2 ชั่วโมง นายสุวัฒน์ อภัย-ภักดิ์ ทนายความกลุ่มพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า หากศาลปก-ครองสูงสุดมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว พันธมิตรฯจะไปฟ้องศาลอาญาเอาผิดตามมาตรา 157 ตามประมวลกฎหมายอาญาต่อไปในทันที ขอให้รัฐมนตรี 3 คน พิจารณาเองว่าจะดำรงตำแหน่งต่อไปหรือไม่


 


ทางด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบผลการพิจารณาของศาลปกครอง ซึ่งตนก็รออยู่ แต่ถ้าผลออกมา ก็พร้อมจะรับฟังคำตัดสินของศาล ซึ่งวันนี้ (18 ส.ค.) ยังไม่เห็นคำสั่งศาล และจะเดินทางเข้าร่วมประชุมคณะรัฐ-มนตรี (ครม.) ตามปกติ


 


วันเดียวกัน เมื่อเวลา 18.00 น. ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นายสัก กอแสงเรือง อดีตโฆษกคตส.แถลงภายหลังการหารือนัดพิเศษกับอดีตกรรมการคตส.ทั้ง 11 คนว่า จากกรณีที่มีนักการเมืองและนักกฎหมายของผู้เกี่ยวข้องได้ให้ข่าวต่อสื่อ ต่างกรรม ต่างวาระ รวมถึงการแสดงความคิดเห็นของสื่อ โดยมีสาระสรุปว่า การที่ คตส.อายัดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกฯ 6.9 หมื่นล้านบาท และการดำเนินการให้ทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้าน ตกเป็นของแผ่นดินนั้น คนของ คมช. และคตส.หวังได้รับสินบน 25 เปอร์เซ็นต์ ของยอดรวมคิดเป็นเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท นั้น อดีตกรรมการ คตส. ซึ่งเป็นผู้ถูกพาดพิง จึงขอแถลงการณ์ให้ทราบทั่วกันว่า ระเบียบ คตส.ว่าด้วยการจ่ายสินบน ในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของ คตส.ปี 2549 มีเฉพาะสินบน ไม่มีรางวัล ฉะนั้น เจ้าหน้าที่รัฐและ คตส.จึงไม่มีสิทธิ์รับสินบน และเงินรางวัลใดๆทั้งสิ้น โดยระเบียบดังกล่าวต่างจากระเบียบอื่นๆ เช่น ระเบียบศุลกากร ยาเสพติด หรือการฟอกเงิน ที่จะจ่ายสินบนแก่ผู้แจ้งเบาะแส และจ่ายรางวัลแก่เจ้าหน้าที่ แต่ระเบียบ คตส.จะจ่ายสินบน เฉพาะผู้แจ้งเบาะแสเท่านั้น หลังจากดำเนินคดีเป็นที่สิ้นสุดในชั้นศาล ขอยืนยันว่า ที่มาของระเบียบดังกล่าวมาจากกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 25 (5) และตั้งแต่ คตส.ออกระเบียบดังกล่าวระหว่างวันที่ 14 ธ.ค. 2549-30 มิ.ย. 2551 ยืนยันว่าไม่มีผู้แจ้งเบาะแสจากระเบียบดังกล่าวแต่อย่างใด จึงไม่มีผู้ได้รับสินบนดังกล่าว


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความพยายามจะแก้กฎหมายเกี่ยวกับศาลอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ สามารถสู้คดีได้ในชั้นอุทธรณ์ และชั้นฎีกา เช่นเดียวกับคดีอาญาทั่วไป มีความเหมาะสมหรือไม่ นายสักตอบว่า ระบบการไต่สวนในคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีที่มาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 และได้มีการเปลี่ยนแปลง จากระบบการกล่าวหาในศาลอาญาทั่วไป มาเป็นระบบไต่สวนในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยให้ผู้พิพากษาศาลฎีกาเลือกองค์คณะรวม 9 คน ให้ทำการไต่สวนหาความจริง แทนคู่ความในระบบศาลอาญาทั่วไป ดังนั้น องค์คณะจึงไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบ 3 ชั้นศาลได้เช่นเดียวกับศาลอาญาทั่วไป อีกทั้ง พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งใช้ตั้งแต่ปี 2542 ถึงปัจจุบันรวม 8 ปี จึงไม่เข้าใจว่า ผู้ที่เสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงถึงได้มีความรู้สึกช้าเช่นนี้


 


อดีต คมช.โต้รับสินบน 1.9 หมื่นล้าน


ไทยรัฐ - ด้าน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่าอดีต คมช.จะได้รับเงินสินบนที่ชี้มูลคดี คตส. 25% หรือ 19,000 ล้านบาท ของเงินที่ถูกอายัด 6.9 หมื่นล้านบาท หากสามารถยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณได้ว่า เรื่องนี้อดีต คมช.ยังไม่ได้คุยกัน และยังไม่ทราบรายละเอียด ไม่ทราบว่าคนที่ออกมาพูดมีจุดประสงค์อะไร แต่ถ้าเรื่องนี้มีน้ำหนัก จะต้องมีคนดำเนินการ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ตน เพราะส่วนที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ คือสำนักงานเลขาธิการ คมช. ที่เกี่ยวข้องกับ คตส. หากเรื่องนี้ดูเป็นจริงเป็นจังต้องให้ความสำคัญ แต่บางทีอาจเป็นการพูดลอยๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ นายวิชิตระบุนั้น ตนไม่เคยได้ยิน แต่ใจคนเรามีร้อยแปด


 


พลังประชาชนลุ้นยุบไม่ยุบ "วิฑูรย์" มั่นใจรอดโดนใบแดง


โลกวันนี้ - นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า การประชุม กกต. วันที่ 19 ส.ค. นี้น่าจะสามารถลงมติในสำนวนคดียุบพรรคพลังประชาชนได้ เพราะได้แจกผลสรุปของอนุกรรมการสอบสวนยุบพรรคชุดที่มีนายประทีป เปรื่องวงศ์ เป็นประธาน พิจารณาเสร็จ และส่งให้ตนในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ทั้งนี้ การพิจารณาดังกล่าวจะใช้มาตรฐานเดียวกับกรณียุบพรรคชาติไทยและมัชฌิมาธิปไตย หาก กกต. มีมติยุบพรรค ทั้งนี้ หาก กกต. ทั้ง 5 คนมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันให้ยุบพรรค ขั้นตอนต่อไปต้องส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาภายใน 30 วัน เพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อไป แต่หากยังติดขั้นตอนที่ไม่ชัดเจนต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาร่วมกัน


 


"ยืนยันว่าการทำงานของ กกต. ไม่เคยลงมติตามกระแส และไม่กดดัน แม้พรรคพลังประชาชนจะยอมรับว่าพรรคถูกยุบ จึงเตรียมตั้งพรรคเพื่อไทยไว้สำรอง แต่ กกต. ดำเนินการทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงตามหลักฐาน ไม่ได้ต้องการทำให้ใครเดือดร้อน อยากให้บ้านเมืองเข้ารูปเข้ารอย ทุกอย่างที่ทำต้องเป็นธรรม"


 


นายอภิชาตกล่าวถึงกรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ ขณะนี้อนุกรรมการยังไม่ส่งสำนวนมาให้ กกต. เนื่องจากยังสอบปากคำพยานไม่เสร็จ จึงต้องให้เวลาอนุกรรมการ แต่ยืนยันว่าจะเร่งพิจารณาโดยเร็วที่สุด ซึ่งกระแสข่าวที่ว่า กกต. จะยกคำร้องของนายวิฑูรย์นั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากต้องพิจารณาจากความเป็นจริง และคงไม่สามารถบอกก่อนได้ว่าจะยกคำร้องหรือไม่ ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุม ซึ่งการให้สัมภาษณ์ของ กกต. แต่ละคนเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น


 


ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์มั่นใจว่าจะไม่ถูกยุบพรรคเพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแจกตั๋วหนังนั้น นายอภิชาตกล่าวว่า อนุกรรมการจะตรวจสอบว่ามีข้อมูลพอที่จะเชื่อมโยงไปถึงพรรคหรือไม่ แต่จะไม่มีการนำไปเปรียบเทียบกับกรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีต ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ที่ถูกใบแดงไปก่อนหน้านี้


 


สำหรับการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งซ่อมของ น.ส.ละออง ติยะไพรัช ส.ส.เชียงราย นายอภิชาตกล่าวว่า ต้องรอ กกต.จังหวัดรายงานผลว่ามีเรื่องการทุจริตหรือไม่ ก่อนรับรองผลได้ใน 30 วัน


 


ด้านนายวิฑูรย์กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะได้รับใบแดงว่า เชื่อมั่นว่า กกต. จะไม่ถูกแทรกแซง และโดนแทรกแซงไม่ได้แน่นอน โดยส่วนตัวมั่นใจว่าหากพิจารณาตามพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายเชื่อว่า กกต. จะให้ความเป็นธรรมแน่นอน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าที่มีการกล่าวหาว่าตนและ ส.ส.พรรคแจกตั๋วหนังและปราศรัยนั้น ข้อเท็จจริงไม่ใช่การปราศรัย แต่เป็นเพียงการประชุมอบรมผู้ช่วยหาเสียงเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของ กกต. ทุกประการ


 


นายวิฑูรย์กล่าวว่า ส่วนที่นายสมบัติ รัตโน อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชน อ้างว่ามีหลักฐานสำคัญเป็นซีดีที่ชี้ชัดว่าตนและพวกแจกตั๋วหนังนั้น ความจริงคือซีดีของนายสมบัติก็คือซีดีที่ตนมีอยู่ โดยเนื้อหาในซีดีไม่มีอะไรที่บ่งชี้ว่าตนและพวกแจกตั๋วหนัง ไม่มีการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายเลือกตั้งแน่นอน


 


"ที่รายการความจริงวันนี้ระบุว่าเอาซีดีดังกล่าวมาเปิดให้ประชาชนดูเพื่อเอาผิดผมนั้น กลายเป็นว่าพอรู้ว่าซีดีดังกล่าวไม่มีข้อมูลที่จะเอาผิดผมได้ ก็เลยไม่เอามาเปิดให้ประชาชนดูตามที่พูดไว้ ดังนั้น ประเด็นนี้จึงไม่มีอะไรน่าห่วง" นายวิฑูรย์กล่าว


 


 






คุณภาพชีวิต


 


ภาคีเครือข่ายเหล้า ดีเดย์ 25 ส.ค. แจ้งดำเนินคดีบริษัทโฆษณาโลโก้


เว็บไซต์มติชน - เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม นายสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่จนถึงปัจจุบันผ่านไป 6 เดือน ในทางปฏิบัติกลับยังไม่มีการดำเนินการใดๆ กับบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งๆ ที่พบว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมาย เช่น โฆษณาภาพโลโก้ หรือแสดงผลิตภัณฑ์ให้เห็น ดังนั้น ในวันที่ 25 สิงหาคม เครือข่ายภาคประชาชนจะเป็นตัวแทนทำหน้าที่ตรวจสอบการกระทำผิด หากพบว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายทั้งการโฆษณา การจัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม จะแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที โดยไม่รอให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกกฎกระทรวงมาบังคับใช้


 


"ขณะนี้เหลือรอให้นายกรัฐมนตรีลงนามในคำสั่ง แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ เพราะมัวแต่ทะเลาะกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และใช้เวลาในการตอบโต้" นายสงกรานต์กล่าว


 


ด้าน นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ กรมควบคุมโรค สธ.กล่าวถึงการออกกฎกระทรวง ประกาศ และระเบียบ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ว่า อยู่ระหว่างนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาเป็นครั้งที่ 2 หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงทีมบริหาร สธ.ฝ่ายการเมือง โดยได้ยื่นหนังสือตามขั้นตอนไปยังอธิบดีกรมควบคุมโรค ปลัด สธ. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์ จะถึงมือนายกรัฐมนตรี


 


"ระหว่างที่กฎกระทรวงหรือระเบียบต่างๆ ยังไม่แล้วเสร็จ แต่กฎหมายมีผลบังคับใช้ไปแล้ว ซึ่งขณะนี้โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ฝ่าฝืนมีการโฆษณากันเกลื่อน ประชาชนที่พบเห็นโฆษณาขวดเหล้า แก้วเหล้า ชัดเจนหรือมีการโฆษณาลด แลก แจก แถม หรือขายในที่ห้ามขาย ก็สามารถแจ้งดำเนินคดีกับตำรวจได้โดยไม่ต้องรอกฎกระทรวงออกมากำกับ" นพ.สมานกล่าว


 


 


"สมิทธ" เตือนใต้ก็อาจเจอ "สตอมเซิร์จ"


ไทยโพสต์ - ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้ไปบรรยายพิเศษในหัวข้อ "ความเสี่ยงของภัยพิบัติทางธรรมชาติในภาคใต้"  ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี เมื่อวันที่  18  สิงหาคมนี้  ก่อนจะให้สัมภาษณ์ว่า  พื้นที่ชายแดนภาคใต้ถือเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว  แต่สึนามิอาจเกิดขึ้นตามแนวชายฝั่งอ่าวไทยได้  เนื่องจากนักธรณีวิทยาประเทศญี่ปุ่นค้นพบว่า  อีก  50  ปีข้างหน้าอาจเกิดภัยสึนามิในพื้นที่ทะเลอ่าวไทยได้ หากเกิดแผ่นดินไหวระดับ  7  ริกเตอร์ขึ้นไป ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 4 จุดแผ่นดินไหวรุนแรงที่มีการค้นพบ


 


ดร.สมิทธยังได้เตือนประชาชนให้ระวังภัยธรรมชาติจากน้ำและคลื่น  หากเกิดพายุรุนแรงพัดเข้าฝั่ง หรือสตอมเซิร์จ (Storm Surge) ในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากภาวะโลกร้อนและน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทำให้สภาพอากาศและกระแสน้ำเย็นในมหาสมุทรเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้พายุในทะเลภาคใต้มีความรุนแรงขึ้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางการเคลื่อนที่ได้ อย่างไรก็ตาม การแจ้งเตือนนี้เป็นเพียงการแจ้งให้มีการป้องกันเตรียมพร้อมรับมือเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกแต่อย่างใด


 


ก่อนหน้านี้ ดร.สมิทธได้แจ้งเตือนกรุงเทพมหานครและจังหวัดบริเวณอ่าวไทย ให้ระวังภัยพิบัติจากสตอมเซิร์จจนมีการซ้อมรับมือในหลายพื้นที่


 


วันเดียวกัน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือเหตุการณ์พายุคลื่นยักษ์ซัดชายฝั่ง (Storm Surge) ร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตย่านฝั่งธนบุรี  จำนวน  15  เขต และผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำ ว่า ในย่านฝั่งธนบุรีจะมีพื้นที่ติดกับชายฝั่งทะเลและติดกับจังหวัดใกล้เคียง เช่น  จังหวัดสมุทรปราการ  โดยมีพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่เสี่ยง  ได้แก่  เขตบางขุนเทียน ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ  จอมทอง  และเขตบางนา  ซึ่งมีรัศมีจากชายฝั่งประมาณ  15-20  กิโลเมตร  กำหนดตามแนวคลองสนามไชยที่ต่อเนื่องกับคลองมหาไชย และแนวถนนพระราม 2


 


ทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่า  โอกาสที่จะเกิดเหตุพายุคลื่นยักษ์ซัดชายฝั่งในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนนี้  มีค่อนข้างน้อยไม่ถึงร้อยละ  10  เหตุการณ์พายุคลื่นยักษ์ซัดชายฝั่งจะแตกต่างจากการเกิดสึนามิ ซึ่งก่อนเกิดเหตุจะทราบล่วงหน้า 4-6 วัน ทำให้มีเวลาเพียงพอต่อการรับมือ  ทั้งนี้ กทม.ได้มอบหมายให้แต่ละเขตเร่งชี้แจง ทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับพายุคลื่นยักษ์ เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก รวมถึงหารือแนวทางการให้ความช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายสิ่งของ หรืออพยพประชาชนหากเกิดเหตุขึ้น  โดยแต่ละเขตจะได้ประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานราชการและเอกชนในพื้นที่ต่อไป


 


ด้านนายวีระยุทธ  เอี่ยมอำภา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมเจ้าหน้าที่จากศูนย์ป้องกันภัยพลเรือนจังหวัด และผู้เกี่ยวข้อง ตรวจพื้นที่ริมเขื่อนหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ซึ่งเป็นจุดรับลมทะเล หลังจากนายสมิทธ ธรรมสโรช ระบุว่า สมุทรสาครเป็นหนึ่งในจังหวัดพื้นที่เสี่ยง


 


ผวจ.สมุทรสาครกล่าวว่า  แม้ศูนย์อุตุนิยมวิทยาทางทะเล กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับพิเศษว่า  เหตุการณ์นี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ แต่จังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ และเตรียมการป้องกันไว้เบื้องต้น  โดยมอบหมายให้ศูนย์ป้องกันภัยพลเรือนจังหวัดเป็นผู้เตรียมความพร้อม  และชี้แจงชาวประมงในจังหวัด รวมถึงผู้อยู่ชายฝั่ง เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกเกินไป  แต่ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง จังหวัดสมุทรสาครที่เป็นอ่าวตัว ก.ลึกเข้ามานั้น ไม่น่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงมาก ดังนั้น ประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ควรตื่นตัวมีความพร้อมไว้ตลอดเวลา


 


ดร.อานนท์  สนิทวงศ์  ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลก  แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  (START)  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกระแสวิตกกังวลเกี่ยวกับการเกิดคลื่นพายุหมุน (Storm Surge) ขึ้นฝั่งที่ จ.สมุทรปราการ จนอาจเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ว่ามีความเป็นไปได้น้อยมาก โดยการออกมาเตือนให้เฝ้าระวังปรากฏการณ์ เป็นการคาดการณ์ตามช่วงเวลาที่มักเกิดพายุ ประกอบกับเป็นช่วงที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงพัดผ่าน และมีฝนตกมากจึงทำให้มีการพูดถึงมากในสังคม


 


ดร.อานนท์กล่าวว่า  พื้นที่  จ.ประจวบคีรีขันธ์  ชุมพร สุราษฎร์ธานี ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงที่มีโอกาสเกิดคลื่นพายุหมุน  จากลักษณะกายภาพที่เป็นอ่าวปิดน้ำลึกเข้ามาในแผ่นดินระยะทางยาว  โดยเฉพาะที่  อ.บางสะพาน และลักษณะที่ราบชายฝั่งที่แบนราบซึ่งเสี่ยงน้ำท่วม ประกอบกับน้ำจืดที่หนุนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป  ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ระดับน้ำจะขึ้นสูงสุดในรอบปีช่วงดือนธันวาคม ประมาณ 1 เมตร จึงควรมีการเตรียมรับมือ


 


 






เศรษฐกิจ


 


น้ำมันลงตามหา "เจ๊เกียว" ควั่ก!


ไทยรัฐ - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันทุกรายได้แจ้งปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มดีเซลลง 60 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันนี้ (19 ส.ค.) ส่งผลให้ ดีเซลอยู่ที่ 33.04 บาทต่อลิตร บี 5 เป็น 32.34 บาทต่อลิตร ซึ่งถือเป็นราคาที่ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือนกว่า นับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.เป็นต้นมา ขณะที่กลุ่มเบนซินไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้สาเหตุมาจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกและสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์วันที่ 15 ส.ค.ได้ปรับลดลงค่อนข้างแรงส่งผลให้ค่าการตลาดของผู้ค้าดีเซลสูงถึง 3.14 บาทต่อลิตร ขณะที่เบนซินเฉลี่ยกว่า 2 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ค่าการตลาดรวมทุกผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 2.92 บาทต่อลิตร จากเดิมค่าการตลาดเฉลี่ยวันที่ 15 ส.ค. อยู่ที่ 2.50 บาทต่อลิตรเท่านั้น ทั้งนี้ หากราคาสิงคโปร์ปรับลดลงอีกผู้ค้าจะสามารถปรับลดราคาขายปลีกทั้งเบนซินและดีเซลอีกครั้งใน 1-2 วันนี้


 


นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกดีเซลครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่ 16 ติดต่อกันรวมกลุ่มเบนซินลดลงไปแล้ว 10.40 บาทต่อลิตร และกลุ่มดีเซลลดลงไปแล้วถึง 11.40 บาทต่อลิตร


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมที พล.ท.หญิงพูน-ภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณาถึงแนวทางการเรียกเก็บเงินกลุ่มดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวานนี้ (18 ส.ค.) เพื่อเสริมสภาพคล่องหลังเม็ดเงินกองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง ต้องมีการอุดหนุนพลังงานและแอลพีจีทำให้มีกระแสเงินสดเหลือไม่มากนัก แต่ปรากฏว่า รมว.พลังงานได้แจ้งเลื่อนการประชุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด


 


ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมช.คลัง เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมกรมสรรพสามิตว่า ในเร็วๆนี้ จะหารือกับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯและ รมว.คลัง เพื่อขอให้พิจารณายกเว้นภาษีสำหรับอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากเบนซินมาเป็นอี 85 เพื่อให้รถยนต์ที่วิ่งตามท้องถนนปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงได้ โดยไม่ต้องผ่านการผลิตรถยนต์จากโรงงานหรือต้องนำเข้ารถยนต์ สำเร็จรูปจากต่างประเทศที่มีราคาแพง


 


นอกจากนี้ ยังจะเสนอให้ รมว.คลังพิจารณาเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเหมือนเดิมหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพราะปัจจุบันราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงประกอบกับ 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาลทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกถูกลง 7-8 บาทต่อลิตรแล้ว หากปรับภาษีสรรพสามิตขึ้นไปจัดเก็บเท่าเดิม ก็จะทำให้ประชาชนตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างประหยัดได้โดยประเมินว่า 6 เดือนของมาตรการนี้จะทำให้กรมสรรพสามิตสูญเสียรายได้ 32,000 ล้านบาท


 


ขณะเดียวกัน นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะเดินหน้าลดภาษีสรรพสามิตตามมาตรการ 6 เดือน 6 มาตรการต่อไป แม้ว่าขณะนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะเริ่มปรับลดลง ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนและลดแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังคงต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันไปอีกระยะว่าราคาน้ำมันจะมีทิศทางลดลงอย่างต่อเนื่องหรือไม่


 


ด้านนายทองอยู่ คงขันธ์ เลขาธิการสหพันธ์ การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออก กล่าวว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องทำให้ผู้ประกอบการขนส่งที่เป็นสมาชิกของสหพันธ์ฯ เริ่มทยอยปรับลดอัตราค่าขนส่งลงประมาณ 3-5% ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้อัตราค่าขนส่งสอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงและช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าของประเทศ


 


นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อัตราค่าขนส่งในปัจจุบันมีแนวโน้มลดลงทั้งจากปัจจัยราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องและการที่ผู้ประกอบการเริ่มใช้รถบรรทุกที่ติดตั้งระบบเอ็นจีวี ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันยังมีสัดส่วนน้อยประมาณ 15,000 คัน จากจำนวนรถบรรทุกทั้งหมด 740,000 คัน แต่ผู้ประกอบการรถบรรทุกได้ใช้วิธีการเฉลี่ยต้นทุนของต้นทุนรถบรรทุกที่ใช้ดีเซลกับต้นทุนรถบรรทุกที่ใช้เอ็นจีวีเพื่อกำหนดอัตราค่าขนส่งให้เป็นธรรมกับผู้ใช้บริการ


 


ขณะที่นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถร่วมโดยสาร กล่าวยืนยันว่า แม้ว่าขณะนี้น้ำมันดีเซลจะปรับราคาลดลงเหลือลิตรละ 33.04 บาทต่อลิตรแล้วนั้น ในส่วนของรถร่วมโดยสารก็จะไม่สามารถปรับราคาค่าโดยสารลง เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางผู้ประกอบการได้เสนอขอปรับราคาค่าโดยสารมาโดยตลอด ตั้งแต่ราคาน้ำมันลิตรละ 20 กว่าบาท ก็ได้ปรับราคาค่าโดยสารไปเพียง 3 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ซึ่งขั้นราคาค่าโดยสารที่มีการเก็บขณะนี้ยังถือว่าต่ำกว่าราคาน้ำมันที่ได้ปรับไปแล้วหลายขั้น


 


ก่อนหน้านี้ นางสุจินดาได้เดินทางมายังกระทรวงคมนาคมเพื่อขอให้ปรับราคาค่าขนส่งขึ้นทุกครั้งที่น้ำมันขึ้น แต่พอน้ำมันลงมาแล้วกว่า 16 ครั้ง ปรากฏว่านางสุจินดายังไม่มีนโยบายลดค่าโดยสารแต่อย่างใด


 


เปิดรับคนเดินโพยหวยบนดินวันแรก สมัครกว่าแสน


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - กองสลากฯเปิดรับคนเดินโพยหวยบนดินที่หัวหมากวันแรกคึกคัก มียอดสมัครกว่าแสนราย นายณัฐศักดิ์ ทับทิมทอง โฆษกหวยบนดิน สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า การเปิดให้ผู้สมัครคนเดินโพยลงทะเบียนข้อมูลเบื้องต้นผ่านอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 11-17 สิงหาคมนี้ ได้ผ่านไปแล้ว และวันนี้กำหนดให้นำมายื่นด้วยตัวเอง ระหว่างวันที่ 18-20 และ21-22 ส.ค.ที่อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก


 


โดยผู้ที่สมัครคนเดินโพยต้องนำใบสมัครที่กรอกข้อความจนครบถ้วน พร้อมเอกสารมายื่นด้วยตัวเองตามวันเวลาที่ระบุไว้เท่านั้น โดยต้องพิมพ์ใบสมัครพร้อมติดรูปถ่ายหน้าตรง ไม่สวมแว่น ไม่สวมหมวก ขนาด 2 นิ้ว 1 รูป ที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน บนใบสมัครให้เรียบร้อย เพื่อนำไปลงทะเบียนเป็นผู้เดินจำหน่าย พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานประกอบการสมัครและลงทะเบียน ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-สกุล หรือคำนำหน้านาม (ถ้ามี) และรูปถ่ายขนาด 2นิ้วเหมือนกับที่ติดในใบสมัครอีก 2 ใบ


 


สำหรับการรับสมัครในวันแรก มีประชาชนประสงค์เดินทางมาสมัคร วันที่ 18 ส.ค.ประมาณ 18,000 คน วันที่ 19 แจ้งมาสมัคร 20,000 คน จึงขอเตือนให้ประชาชนเตรียมเอกสารต่างๆ มาให้ครบถ้วน จะได้ไม่เสียเวลาในการเดินทางมาสมัคร สำหรับการเปิดรับสมัครในต่างจังหวัด สำนักงานสลากฯ ขอดูผลสรุปการสมัครการเปิดรับให้ชัดเจนก่อน จากนั้นจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง


 


ทั้งนี้ ยอดลงทะเบียนคนเดินโพย เมื่อปิดระบบรับลงทะเบียนในเวลา 16.00น. มีผู้สนใจลงทะเบียนรวม 103,800 คน แบ่งเป็นคนทั่วไป 102,800 คน และคนพิการ 1,000 คน ทั้งนี้ กองสลากได้ตั้งเป้าไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะมีคนสมัครเดินโพยถึง 3 แสนคน แต่เนื่องจากมีการวางระเบียบให้คนเดินโพยรับผิดชอบแทนผู้ขายสลากในหลายส่วน รวมทั้งส่วนแบ่งก็น้อย จึงไม่ได้ผู้สมัครตามเป้า


 


 






ต่างประเทศ


 


บุชร้องรัสเซียถอนทหารออกจากจอร์เจีย


เดลินิวส์ - ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช แห่งสหรัฐ ออกแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ ขณะพักผ่อนอยู่ที่บ้านพักในไร่ส่วนตัวที่รัฐเทกซัส เรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารออกจากดินแดนของจอร์เจียโดยทันที หลังจากประธานาธิบดีดมิตรี เมดเวเดฟ แห่งรัสเซีย ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงกับจอร์เจียแล้ว


 


อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวมาว่า กองกำลังรัสเซียเริ่มต้นการถอนทหารออกจากจอร์เจีย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ออกมาปฏิเสธข่าวรัสเซียถอนกำลังทหารออกจากภูมิภาคเซาท์ ออสเซเทียของจอร์เจีย และว่า ตอนนี้การถอนทหารอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเท่านั้น ซึ่งยังไม่มีการเริ่มต้นปฏิบัติ แม้ว่าก่อนหน้านี้ พลตรีวยา ชิสลาฟ บอริซอฟ ผู้บัญชาการกองทัพรัสเซีย กล่าวต่อผู้สื่อข่าวที่นอกเมืองกอรีของจอร์เจียว่า ทหารบางส่วนของรัสเซีย ได้ถูกถอนออกจากพื้นที่แล้ว


 


ด้าน นายอเล็กซานเดอร์ ควิตาชวิลี รัฐมนตรีสาธารณสุขจอร์เจีย กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิต 182 ศพ ซึ่งประกอบด้วยพลเรือน 67 ราย จากความขัดแย้งเรื่องดินแดนกับรัสเซีย รัฐมนตรีสาธารณสุขจอร์เจีย กล่าวอีกว่า ความขัดแย้งในครั้งนี้ยังทำให้มีผู้บาดเจ็บ 479 คน ซึ่งรวมถึงพลเรือน 157 คน ด้วย และว่า จำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมาจากพื้นที่ในส่วนดินแดนของจอร์เจีย


 


แต่ทางการรัสเซียระบุว่า มีผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 2,000 ศพ ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนชาวรัสเซียที่ถูกฆ่าตายในดินแดนเซาท์ ออสเซเทีย ที่ต้องการแยกตัวเป็นอิสระจากจอร์เจีย ซึ่งเป็นชนวนเหตุขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับจอร์เจียในครั้งนี้


 


วันเดียวกัน นายเดวิด คาเมรอน ผู้นำฝ่ายค้านอังกฤษ เรียกร้องรัฐบาลให้งดออกวีซาแก่มหาเศรษฐีชาวรัสเซียที่นิยมมาชอปปิงในกรุงลอนดอน เพื่อแสดงการสนับสนุนรัฐบาลจอร์เจีย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net