Skip to main content
sharethis

 






การเมือง


ส.ส.ปชป.แหกค่าย ขึ้นเวทีแดงจี้ยุบสภา


เมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้ (10 เม.ย.) นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ผูกผ้าพันคอสีแดง ขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทำเนียบฯ โดยกล่าวโจมตี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และได้ร้องขอให้นายอภิสิทธิ์ ประกาศยุบสภา หรือ ลาออก เพื่อเป็นของขวัญ ให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะเห็นว่าหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ และไม่สมควรจะร่วมประชุมผู้นำอาเซียนต่อไป ทั้งนี้หากยังอยู่ในตำแหน่ง จะมาร่วมปราศรัยเวทีเสื้อแดง เพื่อขับไล่รัฐบาลต่อไป


นายเกียรติกร กล่าวอีกว่า ตนพร้อมที่จะออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากภายในพรรคไม่เคยฟังเสียงหรือข้อเสนอแนะใดๆ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศ แม้จะรู้ว่าเป็นผู้ที่ทำให้รัฐบาลถูกโจมตี ซึ่งเมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนก็ได้ตัดสินใจงดออกเสียงให้นายกษิต จนถูกกดดันให้ลาออกจากคณะทำงานวิปรัฐบาล ทั้งที่การตัดสินใจเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.


ขณะที่แกนนำฯ และกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ปรบมือให้กำลังใจ พร้อมแสดงอาการสะใจที่เห็น ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ แปรพักตร์ขึ้นเวทีของกลุ่มคนเสื้อแดง ภายหลังนายเกียรติกร กล่าวปราศรัยแล้ว นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำฯ ได้นำเสื้อสีแดง เขียนว่า ความจริงวันนี้ สวมใส่ให้กับนายเกียรติกร ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ชุมนุมอย่างกึกก้อง


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงจากเวทีใหญ่ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ประมาณ 800 คน เคลื่อนขบวนมารวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อสนธิกำลังกับกลุ่มแท็กซี่ ที่มีกำลังกว่า 100 คัน และรถบัสโดยสารอีกนับสิบคัน จากนั้นได้ขนมวลชนทั้งหมดเดินทางไปเสริมกำลังทัพคนเสื้อแดงที่พัทยา โดยแกนนำฯ ประกาศจะรวมพลกันที่พัทยาเหนือ เวลา 06.00 น. วันนี้ จากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปยังสถานที่ประชุมอาเซียนบวก 3 และบวก 6 ทันทีโดยมั่นใจว่าเมื่อมีผู้ชุมนุมมากขึ้น จะไม่มีใครกล้าดักทำร้ายอีกแน่นอน


ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์


สตง.ชี้ติดตั้ง"ไฟฟ้าพลังโซลาร์"ส่อทุจริต ส่งป.ป.ช.สอบ


แหล่งข่าวจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 เมษายน ว่า สตง.ได้ตรวจสอบการจ้างเหมาพร้อมติดตั้งระบบไฟฟ้าด้ายเซลล์แสงอาทิตย์ ตามโครงการเร่งรัดขยายบริหารไฟฟ้าโดยระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Home System : SHS) จำนวน 6 ประกาศประกวดราคา วงเงิน 3,814.11 ล้านบาท จากวงเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,625.28 ล้านบาท ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่ได้โอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พบพฤติการณ์น่าเชื่อว่ามีการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบกีดกันผู้เสนอราคาบางราย และเอื้อประโยชน์กับผู้เสนอราคารายใดรายหนึ่ง ส่งผลทำให้มีการจัดซื้อจัดจ้างในราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น มากกว่า 112.84 ล้านบาท ซึ่ง สตง.ส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว


แหล่งข่าวกล่าวว่า จากการตรวจสอบขยายผลตรวจสอบไปยังการดำเนินงานโครงการนี้ ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2550 มีครัวเรือนเป้าหมายที่ต้องดำเนินการติดตั้งระบบ 203,000 ครัวเรือน ใน 73 จังหวัด โดย กฟภ.เป็นผู้ติดตั้งระบบ SHS และส่งมอบให้ อปท.รับผิดชอบดูแล ซึ่งจากการสุ่มตรวจ อปท. จำนวน 422 แห่ง ในพื้นที่ดำเนินโครงการ 60 จังหวัด ซึ่งมีครัวเรือนที่ได้รับการติดตั้งระบบ SHS จำนวน 72,647 ระบบ คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,816.18 ล้านบาท พบว่ามีงานหลายแห่ง ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ขาดการดูแลรับผิดชอบ บางพื้นที่ระบบถูกทิ้งร้างไม่มีการใช้ประโยชน์ ทำให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณไม่คุ้มค่า อีกทั้งยังเสียโอกาสในการสะสมรายได้จากการจัดเก็บค่าบำรุงเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการระบบอย่างน้อยปีละ 38.39 ล้านบาท


แหล่งข่าวกล่าวว่า การติดตั้งระบบ SHS ให้แก่ครัวเรือนก็ไม่เข้าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เนื่องจากมีการติดตั้งให้กับครัวเรือนที่ใช้ระบบไฟฟ้าปกติได้ หรือติดตั้งกับสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ใช่บ้านเรือน เช่น คอกสัตว์ โรงรถ ศาลาที่พัก เป็นต้น อีกทั้งยังมีครัวเรือนที่ไม่ได้ใช้งานระบบ SHS เนื่องจากมีระบบไฟฟ้าปกติเข้าถึงภายหลังการติดตั้งเพียงปีเศษ และมีบางแห่งนำระบบไปใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานมาก เช่น พัดลม ตู้เย็น ปั๊มน้ำ เป็นต้น ทำให้ระบบจ่ายไฟได้ในระยะสั้นลงและอาจชำรุดเสียหายได้


 


 


แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สตง.ทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รีบแก้ไข ปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เกิดความคุ้มค่า รวมถึงเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง และให้ทำหนังสือแจ้งกลับมารายงานผลให้ สตง.รับทราบภายใน 60 วัน และจะตรวจสอบอย่างใกล้ชิดต่อไป


ที่มา: มติชนออนไลน์


"มาร์ค-ฮุนเซน" จูบปากหวานชื่น นายกฯไทยพร้อมเยือนเขมร 18 เม.ย. สานต่อสร้างถนน-เขื่อน


หารือทวิภาคี "ไทยเ-เขมร" ชื่นมื่น "มาร์ค-ฮุนเซน" จูบปาก ผู้นำไทยพร้อมเยือนกัมพูชา 18 เมษายนนี้ ต่างฝ่ายต่างเสียใจเหตุปะทะกันที่ชายแดน พร้อมสานต่อความคืบหน้าสร้างถนน 1.4 พันล้าน - เขื่อนสตึมงัม


เมื่อวันที่ 10 เมษายน นายปณิธาน วัฒนายากร รักษาการโฆษกรัฐบาล แถลงผลการหารือทวิภาคีระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาทีว่า


สาระสำคัญคือการหารือถึงปัญหาตามแนวชายแดน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้แสดงความเสียใจต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนบริเวณเขาพระวิหาร และเห็นพ้องกันที่จะกำหนดแนวทางในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นเป็นปัญหาซ้ำอีก ทั้งนี้ 2 ฝ่ายได้ตกลงกันที่จะระบุกองกำลังและจุดตรวจความมั่นคงภายในพื้นที่ ซึ่งฝ่ายปฏิบัติการก็ได้ประสานกันอย่างดี


นายปณิธานกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไทยยังตกลงที่จะไปเยือนกัมพูชาในวันที่ 18 เมษายนนี้ โดยจะเข้าเฝ้าสมเด็จสีหมุนี ประธานวุฒิสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา เพื่อหารือทวิภาคีในประเด็นต่างๆ สมเด็จฮุน เซน สอบถามความคืบหน้าความร่วมมือลงทุนก่อสร้างถนนสาย 38 ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยแจ้งว่าได้อนุมัติแล้ว 1.4 พันล้านบาท และให้ไทยช่วยพิจารณาการลงทุนเขื่อนสตึมงัม ที่จะเชื่อมทางจันทบุรี ตราด และเขตเศรษฐกิจอีสเทิร์นซีบอร์ด ทั้งนี้ สมเด็จฮุน เซน ได้ชื่นชมความสำเร็จของนายกรัฐมนตรีไทยในฐานะประธานอาเซียนในการผลักดันนโยบายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมจี 20 ซึ่งในการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาครั้งนี้ก็จะหารือเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของโลกด้วย


ระหว่างการพบปะของสองผู้นำในครั้งนี้ครั้งนี้ รัฐบาลไทยยังได้ส่งมอบวัตถุโบราณคืนให้กัมพูชา 1 ชิ้น จากจำนวน 7 ชิ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรของไทยยึดได้จากการลักลอบนำเข้าประเทศไทยเมื่อปี 2543 หลังจากที่ครม.มีมติเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ให้ส่งมอบคืนให้กับกัมพูชา โดยส่วนที่เหลือจะส่งมอบให้ระหว่างการเดินทางเยือนกัมพูชาของนายกรัฐมนตรีต่อไป


ที่มา: มติชนออนไลน์


 






เศรษฐกิจ


ผู้นำเอเชียคาดหวัง สรุปกองทุนฉุกเฉิน ใน พ.ค.


ผู้สื่อข่าวรายงานวานนี้ (10 เม.ย.) ว่าการประชุมเอเชียตะวันออก (EAS) สมาชิก 16 ประเทศ คือ ประชาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) 10 ประเทศ บวกคู่เจรจา 6 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้เริ่มขึ้นแล้ว ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และต่อเนื่องถึงวันที่ 12 เม.ย. โดยกำหนดการประชุม เริ่มจาก รมว.ต่างประเทศอาเซียนหารือแนวทางผลักดัน มุ่งสู่การรวมกลุ่มประชาคมทางการเมือง และความมั่นคง จากนั้นผู้นำอาเซียนจะหารือชาติคู่เจรจา เน้นเรื่องมาตรการรับมือวิกฤติการเงินโลก และร่วมฟังบรรยายสรุป จากผู้นำธนาคารโลก (World Bank) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) สหประชาชาติ (UN) และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB)


ทั้งนี้ การประชุม EAS ยังจะติดตามผลหลายเรื่อง ที่มีการหารือบนเวทีจี 20 ที่กรุงลอนดอนของอังกฤษ รวมทั้งการเข้มงวดระเบียบการเงินโลก ส่วนหัวข้อหารืออื่นๆ จะมีเรื่องการค้า ความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน การรับมือหายนะภัยทางธรรมชาติ ขณะที่ร่างวาระการประชุม ระบุว่า ผู้นำเอเชียหวังใช้เวทีนี้ เร่งสรุปรายละเอียดกองทุนฉุกเฉิน มูลค่า 120,000 ล้านดอลลาร ์เพื่อต่อสู้วิกฤติการเงินในอนาคต ให้จบภายในเดือน พ.ค. ศกนี้ ซึ่งเป็นช่วงการประชุมนัดหน้า ที่เกาะบาหลี ของอินโดนีเซีย เพื่อเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป


ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์


 






ต่างประเทศ


ระทึก!กัปตันเรือเหยื่อโจรสลัดโซมาเลียพยายามหนีแต่ไม่รอด


โซมาเลีย - ระทึก! กัปตันเรือเหยื่อโจรสลัดโซมาเลีย พยายามหลบหนีจากการถูกจับเป็นตัวประกัน แต่สุดท้ายไม่รอดถูกเหล่าวายร้ายช่วยกันล็อกตัวจนหมดอิสรภาพอีกครั้ง


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายริชาร์ด ฟิลิปส์ ซึ่งเป็นกัปตันเรือบรรทุกสินค้าเมิร์สก์ แอละแบมา ชาวสหรัฐฯ ได้ถูกกลุ่มโจรสลัดโซมาเลีย ถูกจับตัวไปอีกครั้ง หลังจากที่เขาพยายามหลบหนีออกมาจากการถูกจับเป็นตัวประกัน ด้วยการกระโดดลงเรือชูชีพ แต่ปรากฏว่ากลุ่มโจรสลัดได้ช่วยกันตัวเขาได้อีก ก่อนที่จะหลบหนีไปได้


ขณะเดียวกัน ทางด้านนายโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ หรือเพนตากอน กล่าวว่า จะพยายามนำตัวกัปตันฟิลิปส์กลับมาในสภาพปลอดภัยให้ได้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จะคำนึงถึงสวัสดิภาพของตัวประกันเป็นลำดับแรก


ที่มา: http://www.siamrath.co.th


ปลาดิบอัดฉีด1.5แสนล้านดอลล์กระตุ้นศก.


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายทาโร อาโสะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจฉุกเฉินของประเทศอย่างเป็นทางการ คิดเป็นมูลค่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณกว่า 5.25 ล้านล้านบาท เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่กำลังประสบภาวะวิกฤติอยู่ในเวลานี้ รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน


รายงานข่าวแจ้งว่า เงินจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว ยังจะนำไปใช้ในเรื่องการสนับสนุนด้านพลังงานสะอาด รวมทั้งเสริมสร้างสวัสดิภาพด้านสุขภาพของประชาชน ตลอดจนผู้สูงอายุด้วย


ที่มา: http://www.siamrath.co.th






คุณภาพชีวิต


หัวลำโพงคึกคักคนกลับสงกรานต์


หยุดเดินรถไฟหาดใหญ่ไปโก-ลก หลังเจ้าหน้าที่รถไฟถูกยิงดับ  บรรยากาศการเดินทางกลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง มีประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยว เดินทางมาใช้บริการโดยสารกลับบ้าน ซึ่งขณะนี้ยังมีปริมาณผู้โดยสารไม่มากนัก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังทำงานเป็นวันสุดท้าย ก่อนที่จะหยุดยาว เพื่อเดินทางไปร่วมฉลองเทศกาลสงกรานต์กับครอบครัว


นอกจากนี้ยังมีประชาชนให้ความสนใจใช้บริการรถไฟฟรีจนแน่นทุกขบวน ส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้คาดว่าจะมีประชาชนทยอยเดินทางมาใช้บริการกันมากขึ้นในช่วงค่ำของวันนี้


ขณะเดียวกันนายมานิตย์ นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณะสุข ได้นำขบวนดาราจัดกิจกรรมรณรงค์ ปลอดเหล้า พร้อมแจกถุงผ้าแห่งความปลอดภัย ให้กับประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ เพื่อให้ฉลองเทศกาลและเดินทางด้วยความระมัดระวัง


นายทนงค์ศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์ภาคใต้การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และผู้โดยสาร หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบยิงขบวนรถไฟที่ 463 พัทลุง-สุไหงโก-ลก อ.ระแงะ นราธิวาส เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่รถไฟเสียชีวิต 1 คนและบาดเจ็บอีก 3 คน


ขณะนี้กำลังเคลียร์ขบวนรถไฟที่ยังตกค้างอยู่ในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 4 ขบวนคือ ขบวนรถเร็ว172 สุไหงโก-ลก-กรุงเทพฯ ขบวนรถด่วน38 สุไหงโก-ลก- กรุงเทพฯ และขบวนรถท้องถิ่นอีก 2 ขบวน และในวันพรุ่งนี้จะหยุดเดินรถไฟทั้งหมด ตั้งแต่สถานีหาดใหญ่ถึงสถานีสุไหงโก-ลก แต่ในส่วนของขบวนรถจากสถานีหาดใหญ่ไปยังภาคใต้ตอนบน และกรุงเทพฯ ยังให้บริการตามปรกติทุกขบวน.


ที่มา: http://www.posttoday.com


คมนาคมส่งคนกลับบ้านทั้งทางบกและอากาศ


นายโสถณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมความพร้อมการรองรับประชาชนเดินทางกลับบ้าน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ โดยมีการตั้งเป้าหมายว่าจะไม่มีผู้โดยสารตกค้าง หรือรอการให้บริการภายในสถานีขนส่ง ทั้งสถานีรถโดยสารและรถไฟรถไฟ เกินกว่า 4 ชั่วโมง  โดยจะมีการเพิ่มเที่ยวรถพิเศษในเส้นทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 27 ขบวน เพื่อรองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางเฉลี่ยวันละ 5,000 คน ด้านบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นั้น จะมีการเพิ่มเที่ยวบิน เตรียมเพิ่มเที่ยวบินเป็น 30 เที่ยวบินต่อวัน จากเดิม 23 เที่ยวบินต่อวัน


นายสุรชัย ธารสิทธิพงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ คาดว่าจะมียอดผู้โดยสารที่ใช้บริการของการขนส่งสาธารณะทุกระบบ จำนวน 1,600,000 ล้านคน โดยในส่วนของการใช้บริการรถโดยสารของ บขส.จะมีมากที่สุด ประมาณ 1,200,000 คน ซึ่งบขส.ก็ได้มีการเตรียมความพร้อม โดยจัดรถไว้รองรับจำนวน 30,000,000 เที่ยว ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น จะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ดูแลอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับประชาชน


ด้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ทล.จะยกเว้นค่าธรรมเนียมในการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษสายมอเตอร์เวย์ (กรุงเทพ - ชลบุรี สายใหม่) และวงแหวนรอบนอกตะวันออก (บางปะอิน - บางพลี) ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 10 เม.ย.ถึง 12.00 น. วันที่ 16 เม.ย.2552 ตามที่กระทรวงคมนาคม ได้ประกาศเป็นกฎกระทรวง ซึ่งจะทำให้ ทล.สูญรายได้จากค่าผ่านทางวันละประมาณ 8-10 ล้านบาท หรือประมาณ 70 ล้านบาท ตลอด 10 วัน


อย่างไรก็ตาม ทล.ได้ตั้งศูนย์บริการทางหลวง,แฬะให้บริการที่พักริมทางหลวงทั่วประเทศ 789 แห่ง มีเจ้าหน้าที่ให้บริการจำนวน 8,000 นาย จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่เร็วเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ จำนวน 410 ชุด และจัดหน่วยซ่อมบำรุงเพื่อซ่อมอุปกรณ์งานทางหรือทางที่ชำรุดเป็นหลุมบ่อ จำนวน 330 ชุด พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากผู้รับจ้างทุกโครงการให้หยุดงานก่อสร้างชั่วคราว เพื่อคืนพื้นผิวจราจร ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.-16 เม.ย.นี้


ขณะเดียวกัน นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.กล่าวว่า คาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระหว่างวันที่ 9-18 เม.ย. รวมกว่า 1,200,000 คน เนื่องจากมีสายการบินทั้งในประเทศและต่างประเทศขอเพิ่มเที่ยวบินพิเศษในช่วงสงกรานต์ 10 วัน สูงถึง 527 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้า-ออกจำนวน 312 เที่ยวบิน เที่ยวบินภายในประเทศ เข้า-ออกจำนวน 215 เที่ยวบิน โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 900,000 คน ผู้โดยสารภายในประเทศ 300,000 คน ลดลงจาก ช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปี 2551 ที่มีผู้โดยสารใช้บริการ 1,233,000 คน หรือลดลงประมาณ 2.70%


ทั้งนี้ทอท.ได้มีการเตรียมความพร้อมด้านการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น รถเข็นกระเป๋ากระจายตามจุดต่าง ๆ ประมาณ 5,355 คัน ส่วนการรักษาความปลอดภัยได้เพิ่มเจ้าหน้าที่ และเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนตามจุดต่าง ๆ และในจุดตรวจค้นซึ่งต้องขอความร่วมมือผู้โดยสารในระหว่าง ผ่านเครื่องเอ็กซ์เรย์ด้วย-


ที่มา: พิมพ์ไทย


รถตู้อนุสาวรีย์ฯยังมีบริการ-บขส.มีรถเสริมตลอดวัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 เม.ย.) จากการชุมนุมปิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งถือเป็นจุดศูนย์กลางที่ประชาชนจะใช้บริการรถตู้สาธารณะไปยังต่างจังหวัดนั้น ส่งผลให้ผู้บริการรถตู้สาธารณะมีการปรับเปลี่ยนสถานที่จอดให้บริการจากเดิมที่จอดให้บริการโดยรอบอนุสาวรีย์ฯ เป็นบริเวณใต้ทางด่วนอนุสาวรีย์ฯ แทน


ทั้งนี้ ผู้บริการรถตู้สาธารณะ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ผู้โดยสารน้อยลง 40% เนื่องจากผู้โดยสารส่วนใหญ่ไม่ทราบว่า ยังมีรถตู้ให้บริการรถอยู่หรือไม่


ด้าน บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) มีการเพิ่มเที่ยวรถเสริมออกต่างจังหวัดตลอดทั้งวัน ซึ่งในส่วนของรถเสริมนั้นจะมีบริการตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 13 เม.ย. โดยประชาชนสามารถซื้อตั๋วและรอขึ้นรถได้ ส่วนผู้ที่จองตั๋วแล้วทาง บขส.แนะนำว่า ควรมาถึงก่อนเวลาเพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทางตามเวลา ทั้งนี้ หลังจากที่นายกฯ ได้ประกาศให้วันนี้เป็นวันหยุดราชการ 1 วัน ทาง บขส.คาดว่า จะมีประชาชนเดินทางออกต่างจังหวัดจำนวนมาก


ที่มา: http://www.dailynews.co.th

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net