Skip to main content
sharethis
สหพันธ์ประชาชนเสรีเพื่อประชาธิปไตยและแนวร่วมประชาชนปกป้องประชาธิปไตย แจงการปฏิรูปการเมืองกับการเลือกตั้งฯ ไม่ใช่คู่ขัดแย้งที่ประชาชนต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน พร้อมประกาศยืนยันกำหนดอนาคตประเทศ ผ่านการเลือกตั้ง
 
24 ธ.ค.2556 สหพันธ์ประชาชนเสรีเพื่อประชาธิปไตยและแนวร่วมประชาชนปกป้องประชาธิปไตย (นปป.) ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 5 เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่าง การปฏิรูปการเมือง กับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แสดงทรรศนะต่อการเคลื่อนไหวของ กปปส.เพื่อต่อต้านการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.2556 ชี้การปฏิรูปการเมืองกับการเลือกตั้งฯ ไม่ใช่คู่ขัดแย้งที่ประชาชนจะต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน
 
พร้อมประกาศยืนยันถึงความจำเป็นในการที่ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพประชาธิปไตย โดยต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน และปราศจากการแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบ เพื่อใช้อำนาจอธิปไตยในการกำหนดอนาคตของประเทศ โดยผ่านการเลือกตั้ง
 
แถลงการณ์มีรายละเอียด ดังนี้
 
 
แถลงการณ์ ฉบับที่ ๕
 
เรื่อง  ความสัมพันธ์ระหว่าง การปฏิรูปการเมือง กับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
 
ตามที่ กปปส. พยายามต่อต้านขัดขวางการจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เพราะต้องการให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปประมาณ ๑ ปี พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้มีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลคนกลาง-คนดี   ขึ้นมาบริหารประเทศ และดำเนินการปฏิรูปการเมือง ตามที่ทราบกันแล้วนั้น
 
สหพันธ์ประชาชนเสรีเพื่อประชาธิปไตย (สปป.) และแนวร่วมประชาชนปกป้องประชาธิปไตย (นปป.)
 
ขอแสดงทรรศนะดังนี้
 
·         การปฏิรูปการเมือง กับการเลือกตั้งฯ มิใช่คู่ขัดแย้ง ที่ประชาชนจะต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง  หากแต่ทั้งสองเรื่องดังกล่าวต่างก็มีบทบาทในทางสนับสนุนซึ่งกันและกัน  จึงไม่ต้องเลือกว่าจะเอาอย่างใดก่อน หรือ อย่างใดหลัง  ตามที่ กปปส.พยายามชี้นำต่อสังคม โดยจัดให้สองเรื่องนี้เป็นคู่ขัดแย้งกัน  แต่ตรงกันข้าม เราเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการทั้งการปฏิรูปการเมือง กับการเลือกตั้งฯ ควบคู่กันไป นับตั้งแต่การเสนอแนวนโยบายการปฏิรูปฯ ของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ส่งผู้สมัครลงสนามเลือกตั้ง ตั้งแต่ช่วงการณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทั่วไป  ๒  กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
 
·         การปฏิรูปการเมือง กับการเลือกตั้งฯ เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน เป็นรูปแบบและเนื้อหา  เป็นกระบวนการและเป้าหมาย  เป็นสิ่งที่มิอาจจะพรากออกจากกันได้ เพราะต่างกำหนดซึ่งกันและกัน  ต่างส่งผลสะเทือนซึ่งกันและกัน  ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเปรียบเสมือนลมหายใจคู่กับร่างกาย ที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ เราจำเป็นต้องมีลมหายใจอยู่ตลอดเวลามิว่ายามหลับ หรือยาม ตื่น เราจึงมิอาจเห็นด้วยกับการเลื่อน การเลือกตั้งฯ ออกไปเกินกว่าที่ รัฐธรรมนูญ อนุญาต หากกระทำดังนั้นเท่ากับการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง ไม่เคารพต่อ สิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
 
·         ระบบประชาธิปไตย เป็นดั่งลมหายใจของสังคมที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ มิว่าเพื่อผลประโยชน์ของผู้ใด เพราะ ....
 
๓.๑  ระบอบประชาธิปไตย คือเนื้อดินอันอุดมที่พร้อมจะให้การปฏิรูปฯ ได้หยั่งรากลงไปอย่างมั่นคง ดังนั้น องค์กร หรือ สถาบันทางการเมืองใดๆ ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนการปฏิรูปฯ ควบคู่กับภาคประชาชน  ล้วนจำเป็นต้องได้รับฉันทานุมัติจากกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย  ซึ่งมิใช่การบีบบังคับ  ปล้นชิงด้วยความป่าเถื่อน ล้มล้างหลักนิติรัฐนิติธรรม
 
๓.๒  กระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย  ย่อมสามารถสะท้อนเจตจำนงทางการเมืองของประชาชนทุกกลุ่ม ทุกองค์กร ตลอดทั้งปัจเจกบุคคล ได้โดยทั่วถึงและเท่าเทียม  ซึ่งจะทำให้เนื้อหาสาระในการปฏิรูปฯ สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ขึ้นต่อประชาชน และรับผิดชอบต่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่โดยตรง  พร้อมทั้งการเคารพต่อเสียงข้างน้อยด้วย
 
๓.๓  ในทางกลับกัน หากการปฏิรูปการเมืองจะต้องดำเนินการในสภาวะที่บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย  คือ เป็นการบริหารโดยนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ที่มาจากการแต่งตั้ง โดยผู้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ  ย่อมไม่มีหลักประกันอันใดเลยที่จะรับรองว่าดอกผลของการปฏิรูป  จะก่อเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อประชาชน  แม้กระทั่ง “มวลมหาประชาชน” ที่อุทิศตนเข้าร่วมการชุมนุมภายใต้การนำของ กปปส.ก็ไม่ได้รับผลตอบแทนอันใดที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย
 
๓.๔  การเลือกตั้งผู้แทนปวงชนในทุกระดับชั้น คือ รูปแบบพื้นฐานที่สุด ที่สะท้อนถึงการเคารพหลักการขั้นมูลฐานของระบอบประชาธิปไตย นั่นคือ “ ความเสมอภาคเท่าเทียมกันทางการเมือง”  ซึ่งมีรูปธรรมในทางปฏิบัติที่คุ้นเคยกันดีนั่นคือ “1  คน =  1 เสียง”  และเป็นที่ยอมรับว่าเสียงข้างมากเป็นเสียงชี้ขาดไม่ว่ายากดีมีจน  ไม่ว่าหญิงหรือชาย ไม่ว่าจะมีทรรศนะทางการเมืองเช่นไร ฯลฯ  ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน 
 
ด้วยเหตุดังกล่าวมาแล้วนี้  สหพันธ์ประชาชนเสรีเพื่อประชาธิปไตย ( สปป.)  และ แนวร่วมประชาชนปกป้องประชาธิปไตย (นปป.) ขอประกาศยืนยันถึงความจำเป็นในการที่ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพประชาธิปไตย โดยต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน และปราศจากการแทรกแซงจาก “อำนาจนอกระบบเหนือกฎหมาย” เพื่อใช้อำนาจอธิปไตย ในการกำหนดอนาคตของประเทศ โดย ผ่านการเลือกตั้งฯ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
 
ทั้งนี้  เพื่อใช้กระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย ดำเนินการปฏิรูปการเมือง สร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ในลำดับต่อไป
 
กป.ปส. ไม่มีสิทธิ์ผูกขาดการปฏิรูปฯ  อำนาจอธิปไตยเป็นของทุกคน
 
 
ปกป้องการเลือกตั้ง  ปกป้องประชาธิปไตย  ด้วยความเด็ดเดี่ยวมั่นคง
 
สหพันธ์ประชาชนเสรีเพื่อประชาธิปไตย ( สปป.)
แนวร่วมประชาชนปกป้องประชาธิปไตย (นปป.)
แถลง  ณ  วันที่  ๒๔  ธันวาคม  ๒๕๕๖  อนุสรณ์สถานบ้านช่องช้าง  อำเภอบ้านนาสาร  จังหวัดสุราษฎร์ฯ
 
 
 
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net