Skip to main content
sharethis

'พรรคประชาธิปัตย์' เปิดเวทีปราศรัยใหญ่นัดแรก เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2562 ประเดิม กทม. 'ชวน' ระบุ ส.ส. ถูกดูดออกจากพรรคไปถึง 17 คน ชูผลงานในอดีต ขอคะแนน ส่ง 'อภิสิทธิ์' สร้างความก้าวหน้าในอนาคต

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2562 ที่ผ่านมาว่า เมื่อเวลา 18.00 น. พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดปราศรัยใหญ่ครั้งที่ 1 ในพื้นที่ กทม. ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ทันทีหลังปิดรับสมัครเลือกตั้งไปแล้ว โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และ แกนนำคนสำคัญของพรรค อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค เข้าร่วมปราศรัย พร้อมด้วย การเปิดตัวกลุ่ม New dem กลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรคให้ประชาชนเป็นที่รู้จัก ตลอดจนการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้แทนจากภาคต่างๆ และการเปิดวิสัยทัศน์ของทีมประชาธิปัตย์แก้จนสร้างคนสร้างชาติ โดยมีประชาชนมาร่วมฟังกว่า 2,000 คน 

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวย้ำถึงข้อท้าทายของพรรคที่มีอดีต ส.ส. ถูกดูดออกจากพรรคไปถึง 17 คน พร้อมยกถึงผลงานของพรรคประชาธิปัตย์ตลอดที่ทำงานการเมือง ทั้งการขยายโอกาสทางการศึกษาไปทั่วทุกภูมิภาค กองทุนกู้ยืมทางการศึกษา การกระจายการบริการด้านสาธารณสุขที่ทั่วถึง การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ จึงให้ความมั่นใจว่า ทุกนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์นำเสนอสามารถทำได้จริง พรรคประชาธิปัตย์เองจะปฏิบัติกับทุกภาคอย่างเท่าเทียมกัน เพราะประชาธิปัตย์ไม่เลือกปฏิบัติ และขอให้ประชาชนลงคะแนนให้ แม้จะไม่ชนะเขตแต่ก็ส่งผลให้คะแนนในสัดส่วนบัญชีรายชื่อเพิ่มมากขึ้น ขอให้เชื่อว่า ประชาธิปไตยไม่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ และขอให้ นายอภิสิทธิ์ ได้รับโอกาสสร้างความก้าวหน้าในอนาคต

นอกจากนี้ ทีมจัดทำนโยบายประชาธิปัตย์ แก้จน สร้างคน สร้างชาติ นำโดย นายกรณ์ จาติกวณิช นำเสนอนโยบายทางเศรษฐกิจ โดยยกผลงานของพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยฟื้นฟูเศรษฐกิจในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยการแก้ปัญหาอย่างมืออาชีพ มีผู้แทนทั่วทั้งประเทศที่คอยรับฟังปัญหาประชาชน และสะท้อนมายังฝ่ายบริหารเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างนโยบายประกันรายได้เกษตรกร นโยบายโฉนดชุมชนเพื่อเข้าถึงที่ทำกิน การโอนหนี้นอกระบบมาไว้ในระบบ

คำต่อคำการปราศรัย 'อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ'

เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ ได้ถอดคำปราศรัย ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ และผู้เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ณ อาคารชาญชัย อะเคเดียม มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2562 ไว้ดังนี้

กราบสวัสดีพี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน ทั้งที่อยู่ในอาคารแห่งนี้ ทั้งที่ติดตามการปราศรัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นตามจุดต่างๆ ที่พรรคฯ ได้จัดขึ้น ทั้งที่เชียงใหม่ ขอนแก่น โคราช ชลบุรี สงขลา หรือหาดใหญ่ ทั้งที่ติดตามจากการถ่ายทอดจากเฟสบุ๊คของพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้ก็ดึกพอสมควรนะครับ กราบขอบพระคุณที่ติดตามการปราศรัยของพวกเรามาตั้งแต่ช่วงเย็น ผมก็ไม่ทราบว่ากองเชียร์หมดแรงหรือยัง (เสียงเชียร์ สู้ๆ)

อยากจะเรียนกับพี่น้องอย่างนี้ครับ วันนี้เป็นวันสำคัญในทางการเมืองของประเทศไทย เพราะเมื่อถึงช่วงเย็นของวันนี้ถือว่าเป็นการปิดรับสมัครเลือกต้้ง ทั้งในส่วนของ ส.ส. ในเขตเลือกตั้งต่างๆ ทั้งในส่วนของ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ทั้งในส่วนของการเสนอชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นเมื่อหมดเวลาราชการช่วงเย็นของวันนี้แปลว่าเราทราบชัดเจนแล้ว ว่าแต่ละพรรคการเมืองได้ตัดสินใจส่งผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 2 ระบบ และเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี รอก็เพียงแต่ให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติ แล้วก็คงจะประกาศเป็นทางการอีกครั้งก่อนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ แต่เป็นเรื่องแปลก กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ พี่น้องคนไทยและประเทศไทย ผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมา 5 ปีที่ผ่านมา

จริงๆ มากกว่า 5 ปี เราเผชิญกับปัญหาการเมืองที่ล้มเหลว มีการใช้อำนาจในทางไม่ชอบ พยายามจะไปรับรองการทุจริต คอร์รัปชัน ประชาชนไม่ยอม เกิดการชุมนุมการต่อต้าน นำไปสู่สถานการณ์ที่บานปลาย สุดท้ายเกิดการรัฐประหาร หลังจากนั้นคณะรัฐประหาร ใช้เวลาในการจัดทำรัฐธรรมนูญ จัดทำกฎหมายลูก ดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ เป็นเวลาเกือบ 5 ปีเต็ม ระหว่างทางมีความไม่แน่นอน มีความหวั่นไหวเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นจะยุบพรรคการเมืองต่างๆ มั้ย หรือการสร้างกติกาต่างๆ ขึ้นมามากมาย จนทำให้หลายคนบ่นว่า แล้วพรรคการเมืองจะดำเนินงานทางการเมือง เติบโตได้หรือไม่ ให้เริ่มต้นยืนยันสมาชิกกันใหม่หมด มีกติกาใหม่ๆ เข้ามา ซึ่งประชาชนไม่คุ้นเคย เช่น การเก็บเงินค่าสมาชิก มีการกำหนดว่าจะส่ง ส.ส. ได้ต้องมีสมาชิกจำนวนเท่านั้น จำนวนเท่านี้ กระจายไปทุกจังหวัด

วันนี้ถึงแปลกไงครับ รับสมัครกันมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์จนถึงวันนี้ ปกติพรรคการเมืองต่างๆ ปราศรัยใหญ่กันไปแล้วครับ แต่วันนี้มีพรรคการเมืองเดียวที่ยืนปราศรัยใหญ่อยู่กับพี่น้องประชาชน คือพรรคประชาธิปัตย์ (เสียงปรบมือ)

เราผ่าน 5 ปีมาไม่เหมือนพรรคการเมืองอื่น เราไม่เคยปิดพรรค ที่เราไม่ปิดพรรค เราไม่ได้ฝ่าฝืนกฎหมาย เราไม่ได้สร้างความวุ่นวาย เราไม่ได้ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับใคร แต่ผม ผู้บริหารพรรคบอก เราไม่ปิดพรรค เพราะหน้าที่นักการเมืองไม่มีวันหยุด (เสียงปรบมือ) ไม่ให้ทำกิจกรรมทางการเมืองไม่เป็นไร แต่ทุกข์ของประชาชนที่เดินเกิดขึ้นทุกวันๆ พวกเราทุกคนต้องติดตาม ประเด็นไหนประสานงานได้ – เดินหน้า เริ่มตั้งแต่ท่านประธานที่ปรึกษาเลยครับ อดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย ทำหนังสือถึงกระทรวงคมนาคมเรื่องถนนหนทาง ทำหนังสือถึงรัฐบาลว่าปล่อยให้รายได้ครัวเรือนของพี่น้องประชาชนในหลายจังหวัดลดลงได้อย่างไรต่อเนื่อง

ถ้าเรื่องไหนไม่สามารถประสานได้ พูดความจริงครับ เราไม่เคยหยุดวิพากษ์วิจารณ์ หรือให้ความเห็น บางครั้งก็ในเชิงบวก อะไรที่รัฐบาลดำเนินการเราเห็นว่าดี เราก็ว่าดี อะไรที่ผิดหลักการ อะไรที่จะเสียหาย เราไม่เคยหวั่น เราก็พูดวิจารณ์ตรงไปตรงมาด้วยความสุจริตใจ เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีคำขวัญว่า “สจฺจํเว อมตา วาจา” เมื่อเป็นเรื่องจริงเราพูดได้ตลอดเวลา และคำพูดนั้นอยู่กับเราตลอดไป

5 ปีที่ผ่านมาจึงเป็น 5 ปีที่เราเรียนรู้ความทุกข์ของประชาชน 5 ปีที่ผ่านมา เป็น 5 ปีที่เราไปคลุกคลีและแสวงหาว่าทุกข์ของประชาชนเราจะแก้ไขได้อย่างไร ดังนั้นมาถึงวันนี้กระบวนการการเลือกตั้งเริ่มขึ้นแล้ว เรามายืนตรงนี้ครับพี่น้องครับว่า เราพร้อมเดินหน้าทำงานให้กับประชาชน ส.ส. เที่ยวนี้ 350 เขต ประชาธิปัตย์ส่ง 350 คนครับ (เสียงปรบมือ) บัญชีรายชื่อมี 150 คน ประชาธิปัตย์ส่ง 150 คนครับ (เสียงปรบมือ) นายกรัฐมนตรี มีคนเดียว ประชาธิปัตย์ส่งคนเดียวครับ (เสียงปรบมือ)

นี่คือมาตรฐานของพรรคการเมือง ไม่ว่าที่ผ่านมา 5 ปีจะเกิดความสับสนอย่างไรก็ตาม ประชาธิปัตย์ไม่เคยสับสน เพราะเราเป็นพรรคการเมืองที่เป็นสถาบัน มีระบบที่ชัดเจน และไม่เคยหยุดยั้งในการพัฒนา ผมมายืนตรงนี้ไปอยู่ในบัญชีของผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผมมาจากการเลือกตั้งของสมาชิกทั่วประเทศกว่าแสนคนที่ไปลงคะแนน (เสียงปรบมือ)

มาตรฐานเหล่านี้มันจะมาเกี่ยวข้องกับภารกิจ แก้จน สร้างคน สร้างชาติ อย่างไร วันนี้นะครับ ผมจะมาชี้ให้เห็นว่ามันสำคัญอย่างไร นโยบายหลายท่านพูดไปแล้ว มีรายละเอียดเยอะ ผมไม่พูดซ้ำ แต่ผมอยากจะบอกว่าจากวันนี้ ถึง 24 มีนาคม ผมเชื่อว่าหลายพรรคจะเริ่มมาพูดคล้ายๆ กับประชาธิปัตย์ อาจจะเอาความคิดเราไปบ้าง อาจจะคิดตรงกันบ้าง และผมเชื่อว่าจะมีหลายพรรคจะพูดเหมือนเรา แต่พยายามเสนอบางสิ่งบางอย่างให้มันดูหวือหวากว่า

ผมอยากจะบอกว่า สิ่งแรกที่ผมบอกว่า ความเป็นสถาบัน ความเป็นหลักของพรรคประชาธิปัตย์ มันมีความแตกต่าง ก็คือผมไม่เคยเชื่อว่านโยบายเดียวกัน ใครก็ทำได้ นโยบายเดียวกัน ใครก็พูดได้ครับ แต่ไม่ใช่ใครก็ทำได้ ถ้าไม่มีความเชื่อ ถ้าไม่มีอุดมการณ์ ถ้าไม่มีใจที่จะทำนโยบายเหล่านั้น มันไม่เกิดขึ้นหรอกครับ ถามว่าที่ว่าจะแก้จนกันวันนี้ หลายเรื่องที่พูด ทำไมท่านถึงเชื่อถือได้ว่าประชาธิปัตย์จะทำ แก้จนเราพูดตั้งแต่ คนที่จนที่สุด ไม่มีที่ดินทำกิน ประชาธิปัตย์ทำมาแล้วไงครับ สปก. 4-01 โฉนดชุมชน แก้ปัญหา เป็นรัฐบาลพรรคเดียวที่แก้ปัญหาที่ดินแบบยั่งยืน คำนึงถึงคนไม่มีที่ทำกิน คนไม่มีที่อยู่อาศัย แต่ไม่อนุญาต และไม่ยอมให้ที่เหล่านี้ไปตกอยู่ในมือของนายทุน วันนี้เราก็ต่อยอดเป็น “โฉนดสีฟ้า” เพื่อที่จะทำให้นอกจากมีความมั่นคงในเรื่องของการอยู่ทำกินแล้ว เอาไปใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินได้ ผ่านธนาคารที่ดินที่รัฐบาลประชาธิปัตย์เป็นคนเริ่มต้นตั้งไว้ (เสียงปรบมือ)

แหล่งน้ำ กองทุนน้ำชุมชน เป็นแนวคิดที่ประชาธิปัตย์ตกผลึกแล้วว่าพี่น้องทั่วอีสาน พี่น้องภาคเหนือและอีกหลายๆ ภาค ถ้าขืนรอการขยายระบบชลประทานตามปกติ อีกนานกว่าจะลืมตาอ้าปากได้ และยุคนี้ทำโครงการขนาดกลาง ขนาดใหญ่ทำยาก แต่สมัยท่านนายกฯ ชวน เป็นนายกฯ ครั้งแรก แนวคิดเรื่องการขุดสระน้ำในไร่นาเกิดขึ้น เพียงแต่ตอนนั้นขาดกลไก วันนี้เราตกผลึก มีกองทุนน้ำชุมชน เอาไปใช้ให้ชุมชนตัดสินใจกันเอง จะทำตรงไหน เอาเงินตรงนี้ไปทำ แต่มีกติกาว่าจะเอาน้ำไปถึงคนอื่นๆ เพื่อนบ้านในชุมชนอย่างไร พรรคอื่นไม่เคยพูด ไม่เคยคิด ไม่เคยทำเรื่องนี้

นโยบายแก้จน ในเรื่องของพืชผลการเกษตร มีรัฐบาลประชาธิปัตย์รัฐบาลเดียวที่ทำโครงการให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้ เกษตรกรไทยไม่ขาดทุน มีกำไร ก็คือยุคที่ทำโครงการประกันรายได้ ทำแล้วประเทศไม่ล่มจม ทำแล้วพืชผลที่ค้าขายกันตามปกติไม่เสียหาย ไม่ทำลายกลไกการค้า ไม่ทำลายขีดความสามารถในการแข่งขันของพืชผลของไทย ทำแล้วไม่มีสต็อค มันล้นอยู่ในมือรัฐบาล สำคัญที่สุด ทำแล้วไม่มีการทุจริต คอร์รัปชัน (เสียงปรบมือ)

วันนี้ใครๆ ก็พูด จะช่วยเกษตรกร แต่ไม่มีใครบอกช่วยอย่างไร ประชาธิปัตย์บอกแล้ว เพราะเคยทำแล้ว และจะปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น วันนีเรายังเอาแนวคิดนี้ขยายมาถึงแรงงาน พี่น้องจำนวนมากทำงาน ค่าจ้าง ค่าแรง เงินเดือน รายได้ ไม่พอค่าครองชีพ แต่จะไปคาดคั้น บังคับให้นายจ้างขึ้นค่าแรง เราก็เห็นมาแล้วครับ ผู้ผลิตอยู่ไม่ได้ สุดท้ายค่าแรงไม่ได้สูงขึ้น แต่ตกงาน โรงงานย้ายฐานการผลิตไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน

วันนี้แนวคิดประชาธิปัตย์แก้จน ก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นเรามาดู เท่าไหร่พี่น้องอยู่ได้ แสน 2 หมื่นบาทต่อปี ไม่ได้ตามนั้น รัฐบาลเติมให้ไม่เป็นภาระผู้ประกอบการ และไม่ทำให้ราคาสินค้าวิ่งขึ้นไปดักรอการขึ้นค่าแรง ผมเห็นทุกคนก็พูด พี่น้องต้องรายได้ดีกว่านี้ ต้องรายได้ดีกว่านี้ แต่ไม่มีรูปธรรม ไม่มีวิธีการ ไม่มีแนวทาง ซึ่งเราก็ไม่ได้พูดลอยๆ แต่เอาหลักการที่เราเคยทำ เราเคยปฏิบัติมาแล้ว

ส่วนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ความจริงดูเหมือนจะเอาหลักประกันรายได้ไปนั่นแหละ แต่ทำแล้วทำไม่เป็นระบบ ทำแล้วใช้คำง่ายๆ ว่า ทำไม่เป็น (เสียงปรบมือ) รัฐบาลประกาศต้นปี ภายในปีนี้คนจนจะหมดไป สำรวจรอบแรก โผล่มา 11 ล้านคน สำรวจรอบ 2 เพิ่มเป็น 14 ล้านคน พอเข้าฤดูหาเสียง หาเสียงว่าเดี๋ยวจะมีคนจนเพิ่มอีก 2 ล้านคน เพื่อมาแจกเงิน แก้จน ไม่ได้ใช้วิธีทำให้คนจนมา 4 ปี แล้วแจกเงินปีที่ 5 นะครับ แก้จน ต้องทำอย่างที่ประชาธิปัตย์เสนอ ให้ทุกคนมีรายได้ อยู่ภาคเกษตร อยู่ภาคแรงงาน แต่ถ้าตกหล่นจริงๆ สวัสดิการเราไม่ปฏิเสธ คุณจุรินทร์พูดไปแล้ว เราจะเพิ่มเงินให้แต่สำคัญกว่านั้น ให้เงินคนยากคนจนทั้งที ไปห้ามเขาซื้อของจากคนยากคนจนด้วยกันทำไม (เสียงปรบมือ) เราจะปลดข้อจำกัดนี้เพื่อให้เงินหมุนเวียน และนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นประกันรายได้ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ อสม. เราก็ไม่เคยบังคับแบบนี้ นั่นคือบทพิสูจน์ว่า เรารู้วิธีการบริหารในการที่จะทำตรงนี้

สร้างคน เหมือนกันครับ เด็กแรกเกิด พูดกันไปแล้ว เกิดปั๊บ รับสิทธิ์เงินแสน จริงๆ ตรงนี้ เป็นเพราะประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับเด็กเล็กมาโดยตลอด ท่านนายกฯ ชวน เริ่มอนุบาลชนบท ผมมาทำเรื่องศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกตำบล วันนี้ดูแลตั้งแต่เขาแรกเกิด ปรับปรุงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้ครอบคลุม ปรับปรุงโรงเรียนในระบบ อาหารกลางวัน ก็ประชาธิปัตย์เริ่มไว้ ให้ถึง ป.6 วันนี้ก็ให้เป็น ม.3 ให้อาหารเช้าด้วย นมโรงเรียนประชาธิปัตย์ก็เริ่มไว้ แต่ยังขออนุญาตนะครับ โตแล้วยังต้องหาดื่มเอง ตอนนี้ยังให้ถึงแค่ ป.6

เรียนฟรี ก็ประชาธิปัตย์อีกนั่นแหละครับ ตั้งแต่ตอน 6 ปี 9 ปี 12 ปี 15 ปี วันนี้ให้ถึง ปวศ. กองทุนกู้ยืม ปรับปรุงการบริหารต่อยอดกันไป และการเรียนรู้ตลอดชีวิต คูปอง 1 ล้านใบ 3,500 บาท เราก็จะดำเนินการ คุณภาพการศึกษาไม่ว่าจะทักษะเรื่องภาษา ทักษะเรื่องเทคโนโลยี และสำคัญที่สุดทักษะการคิด วิเคราะห์ สำหรับโลกปัจจุบัน เรามีความพร้อม เพราะเราให้ความสำคัญสูงสุดกับคนมาโดยตลอด

ถ้าถามผมว่า ที่ผ่านมาทำไมรัฐบาลพรรคอื่นเขาไม่ค่อยทำเรื่องพวกนี้ เขามองว่า กว่าจะเห็นผลมันระยะยาวครับ กว่าคนจะสูงขึ้น 11 เซ็นนี้ มันยาวเกินไป เขาไม่สนใจ เพราะส่วนใหญ่เป็นพรรคเฉพาะกิจ แต่พรรคประชาธิปัตย์รู้ครับ เราทำอะไรวันนี้ อีก 10 20 30 40 ปี เราก็ยังต้องรับผิดชอบ เพราะเราจะอยู่คู่กับการเมืองไทย ประเทศไทย และประชาชนไทย (เสียงปรบมือ)

ฉะนั้นการ แก้จน สร้างคน สร้างชาติ ที่ผมบอกว่า ทำไมประชาธิปัตย์จึงควรจะเป็นคนทำนี้ ข้อแรกก็คือ เพราะเราเชื่อในเรื่องเหล่านี้จริงๆ เราเข้าใจเรื่องเหล่านี้จริงๆ คลุกคลีกับเรื่องยาง เรื่องปาล์ม เรื่องประมง สำหรับคนภาคใต้
คลุกคลีกับเรื่องแหล่งน้ำในภาคอีสาน คลุกคลีกับเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยว เรามีประสบการณ์ และเราทำมาให้เห็นแล้ว พรุ่งนี้ที่ทุ่งสง ผมก็จะไปคุยละเอียดเรื่องยาง เรื่องปาล์ม เรื่องประมง และเราไม่ทิ้งสักปัญหานะครับ ใครอยากฟังเรื่องอ้อย เรื่องมะพร้าว เรื่องอะไร เราเตรียมคำตอบไว้หมด นั่นคือเหตุผลข้อที่ 1

ข้อที่ 2 เรามีความพร้อมด้านบุคลากร พี่น้องจะเห็นว่า เริ่มปราศรัยมาช่วงเย็น เราเริ่มต้นด้วยการมีตัวแทนจากทุกภูมิภาค เราเป็นพรรคการเมืองระดับชาติ และเราไม่มีพรรคสาขา เราไม่มีพรรคนอมินี ไม่มีพรรคลูก พรรคหลาน เราไม่คิดเอารัดเอาเปรียบเล็กๆ น้อยๆ กับระบบที่เกิดขึ้น เราตรงไปตรงมา เราถือว่าเป็นพรรคระดับชาติ รับใช้คนทั้งชาติ ส่งครบทุกเขตเลือกตั้ง ตั้งใจทำงานให้คนไทยทุกคน (เสียงปรบมือ)

ถัดมาวันนี้ท่านก็ได้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์นอกจากจะมีคนจากทุกภาค ยังมีคนจากทุกรุ่น จากรุ่นอาวุโส จนถึงกลุ่มที่เรียกว่า NEWDEM เราสืบทอด สืบสานอุดมการณ์กันมา ท่านนายกฯ ชวนบอก อีกไม่กี่วันท่านครบ 50 ปี จะมีที่ไหนครับ ที่จะมีคนที่มีประสบการณ์ ความชำนาญ และที่สำคัญคือความทุ่มเทที่ยังมีให้กับประชาชนทุกวินาทีที่จะให้ความคิด ให้สติกับพวกเราดีๆ อย่างบุคลากร อย่างท่านนายกฯ ชวน หลีกภัย (เสียงปรบมือ) 

ผมก็ไม่ได้เพิ่งเข้ามานะครับ หน้าตาอาจจะยังดูเด็กอยู่ (เสียงปรบมือ) ผมก็อยู่มา 27 ปีแล้ว ตอนนี้ผมก็เริ่มสีขาวบ้าง มีคนถามว่าทำไมไม่ย้อม ผมบอกกลัวเดี๋ยวสับสนว่า ผมหรือ “ไอติม” (เสียงปรบมือ)

เป็น 27 ปี ที่ผมบอกว่า สั่งสมประสบการณ์มาพอสมควร แต่เมื่อสักครู่ฟัง 4 คนที่มานั่งบนเวทีแล้ว ผมขนลุกนะครับ สิ่งที่เขาพูดทั้ง 4 คน ทำให้ผมนึกว่า ความตั้งใจของเขา กับความตั้งใจของผมในวันนี้แม้ผ่านไป 27 ปี ไม่ต่างกัน (เสียงปรบมือ) เพราะฉะนั้นความมุ่งมั่น ความตั้งใจ บุคลากรแบบนี้ และเมื่อสักครู่ยังมีบุคลากรที่วันนี้ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่ในภาคเอกชน เป็นคนมีชื่อเสียง ที่พร้อมทำงานกับเรา เราจึงมีความพร้อมนอกจากเรื่องประสบการณ์ นโยบายที่ทำมาแล้ว เรามีความพร้อมเรื่องของบุคลากร นี่เป็นอีกเรื่องสำคัญที่ท่านมั่นใจในตัวพรรคประชาธิปัตย์ได้ (เสียงปรบมือ)

แต่ว่าเหนือสิ่งอื่นใดครับ การมีความรู้ความสามารถ การมีคนทุกรุ่น การมีคนทุกภาค หรือการมีประสบการณ์นี้ บางทีก็ไม่พอ สถานการณ์ของบ้านเมืองหลายครั้งต้องยอมรับว่ามีความสลับซับซ้อน วันนี้การเลือกตั้ง ถ้าถามพี่น้องประชาชนที่ผมไปพบมาทั่วประเทศ ถามว่าอยากเลือกตั้งเพราะอะไร เขาตอบอยู่แล้ว 2 อย่าง

1. เขาตอบว่า ขอให้เลือกตั้งแล้วเขาหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่แบบนี้ จริง – ไม่จริงครับ (เสียงปรบมือ)

2. เขาอยากเลือกตั้ง เพราะเขาอยากมีส่วนร่วมในฐานะเจ้าของประเทศ ต้องการให้ระบอบประชาธิปไตยเดินหน้า และเป็นระบอบประชาธิปไตย ที่ 

1. ไม่วกกลับมาเป็นวัฎจักรแบบนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปฏิวัติรัฐประหาร – เลือกตั้ง – มีรัฐบาลเลือกตั้ง – มีทุจริต คอร์รัปชั่น – มีประท้วง – มีปฏิวัติรัฐประหาร วนกันมาอย่างนี้ 10 กว่าปีแล้ว เขาต้องการจะหลุดพ้นจากตรงนี้ แต่แปลกครับ ในขณะที่พี่น้องบอกกับผมอย่างนี้ เวลาเราดูข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ เวลาเราดูนักวิเคราะห์มาพูดถึงการเลือกตั้ง เขากลับไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้ นี่ยังไม่นับว่าความจริงการเลือกตั้งมันควรจะเป็นการเลือกตั้งเพื่อกำหนดทิศทางประเทศอย่างมีวิสัยทัศน์ ว่าประเทศไทยจะทำอย่างไร เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง ประเทศไทยจะทำอย่างไรเมื่อเข้าสู่สังคมสูงวัย ประเทศไทยจะทำอย่างไรเมื่อสังคมเหลื่อมล้ำ ประเทศไทยจะทำอย่างไรเมื่อต้องเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลก - ไม่หรอกครับ

สื่อ นักวิเคราะห์ พูดถึงแต่เกมการเมือง วิเคราะห์กันไปต่างๆ นานา จะบังคับให้เป็นอย่างนั้น จะบังคับให้เป็นอย่างนี้ วิเคราะห์ตั้งแต่กติกาครับ บอกกติกาเที่ยวนี้ ทำให้มันสับสนซะ เขตติดกันพรรคเดียวกันก็คนละเบอร์ บัตรเลือกตั้งก็เรียงมันเสียใหม่ แทนที่จะกาข้างเบอร์ ให้ไปกาข้างชื่อพรรค แถมยังมีระบบจาก 2 บัตรเหลือบัตรใบเดียว วิธีคำนวนคะแนน ประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้ ไม่เข้าใจหรอกครับว่าจะได้ ส.ส. เท่าไหร่ ก็วิเคราะห์กันไปว่า อ้อ นี่ทำให้พรรคเล็ก นี่ทำให้พรรคมีจำนวนมาก แล้วก็เสนอสูตรสารพัด เอาสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเข้ามาด้วย วิเคราะห์ว่าจะสืบทอดอำนาจกันมั้ย บางพรรคบางกลุ่ม แตกพรรคอย่างที่ว่า หวังบางสิ่งบางอย่าง มีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น

ประชาชนเริ่มสับสนครับว่า ตกลงเลือกตั้งเพื่อใคร ผมจะบอกกับพี่น้องประชาชนวันนี้ครับ ท่านต้องไปเลือกตั้งเพื่อตัวท่านเอง และเพื่อประเทศไทยเท่านั้น (เสียงปรบมือ) และผมจะบอกว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่ละคร ไม่มีใครมาเขียนสคริปต์ให้ท่านได้ ประชาชนต้องเป็นคนเขียนสคริปต์ เขียนบทด้วยตัวท่านเอง (เสียงปรบมือ) ไม่เชื่อทุกคนลองเลือกประชาธิปัตย์สิครับ จะเป็นพรรคใหญ่ให้ดู (เสียงปรบมือ)

อนาคตอยู่ในมือท่าน ถามว่า แล้วภาวการณ์แบบนี้ ที่มีความสับสนบ้าง มีความรู้สึกอะไรหลายอย่างบ้างนี้ จะพึ่งใคร ผมบอกมีพรรคการเมืองเดียว ในประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับพี่น้องประชาชนมายาวนานอย่างนี้ มีพรรคการเมืองเดียวในประเทศไทย ที่ผ่านร้อน ผ่านหนาว กับปัญหาการเมืองต่างๆ มาจนถึงทุกวันนี้ ผ่านกระทั่งวิกฤติสงครามในอดีต ผ่านการรัฐประหารมานับครั้งไม่ถ้วน ผ่านวิกฤติเศรษฐกิจใหญ่ระดับโลกมาแล้ว 2 ครั้ง ผ่านวิกฤติการเมืองที่มีการปลุกระดมกันเข้ามา ใช้กำลังกันมากมายครับ พี่น้องไปดูสิครับ พรรคไหนในที่สุดเป็นผู้กอบกู้วิกฤติ (เสียงปรบมือ)

ผมเป็นนายกรัฐมนตรีเที่ยวที่แล้ว ต่อจากท่านนายกฯ ชวน ที่เป็นนายกฯ ของประชาธิปัตย์ก่อนหน้านั้น เข้าบริหารประเทศในวันที่เศรษฐกิจมันติดลบ กรณีของท่านเงินสำรองเกือบหมดประเทศ กรณีของผมส่งออก ท่องเที่ยว กำลังดิ่ง เลข 2 หลักนะครับ ติดลบ 10% ติดลบ 15% แต่เรากอบกู้วิกฤติมาได้ แม้กระทั่งในยุคที่ผมต้องเผชิญกับการประท้วง กับการใช้วิธีการมากมาย สกัดกั้นไม่ให้ผมทำงาน (เสียงปรบมือ)

และแม้ในภาวะวิกฤติอย่างนั้น เราไม่เคยลืมคำพูด ผมเข้าไป 1 ปีกว่าหลังเลือกตั้ง เศรษฐกิจดิ่งเหวแล้ว เกิดวิกฤติในระดับโลกขึ้นมา แต่ผมเข้าไป ผมไม่ลืมว่าตอนผมหาเสียงตอนเลือกตั้งปี 50 ผมบอกไว้ว่า ต้องเรียนฟรีให้ได้ ต้องมีเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุถ้วนหน้าให้ได้ ต้องเริ่มต้นให้ค่าตอบแทน อสม. ให้ได้ และพูดไว้ด้วยว่า ทำให้เสร็จภายใน 99 วัน แม้มีวิกฤติเศรษฐกิจ แม้มีคนมาล้อมทำเนียบ 99 วัน ผมทำเสร็จหมดทุกเรื่องที่พูด (เสียงปรบมือ) 

ห้วงเวลาที่เผชิญวิกฤติหลายอย่าง ไม่ง่ายหรอกครับ แต่เราไม่ทิ้งหลักการ ไม่ผิดคำพูด และไม่หวั่นไหว สถานการณ์การเมืองที่รุนแรงในช่วงรัฐบาลผมไม่ได้นำไปสู่สงครามกลางเมือง ไม่ได้นำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ได้นำไปสู่ภาวะที่ความขัดแย้งจะเกิดรอยแผลจนกระทั่งประเทศไทยไม่สามารถจะกลับมาได้ เราจัดการให้ประเทศเดินต่อได้ เดินเข้าสู่การเลือกตั้งเมื่อปี 54 อย่างเรียบร้อย นี่คือพรรคการเมืองที่ท่านทั้งหลายสามารถมั่นใจได้ว่าเราไม่หนีปัญหาไปไหน และเราพร้อมเผชิญทุกสถานการณ์ (เสียงปรบมือ)

บางคนบอกว่า ผู้นำประชาธิปัตย์อาจจะดูไม่เข้มแข็งหรือเปล่า ขออภัยครับ ผมกับท่านนายกฯ ชวน ถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นคนสุภาพ (เสียงปรบมือ) ผมไม่ได้คิดว่าการขึ้น มึง – กู แปลว่าผมจะเข้มแข็งขึ้น ผมไม่ได้คิดว่าถ้าเสียงดังแปลว่าจะทำให้สิ่งที่พูดมันถูกต้องขึ้น แต่เราเอาความจริงมาพูด เราให้เกียรติทุกคน และเราต้องการให้สังคมเรานี้ เป็นสังคมที่เดินไปข้างหน้าด้วยเหตุด้วยผล อย่างมีสติ (เสียงปรบมือ) 

วันนี้ผมจึงบอกว่า ประเทศไทย สังคมไทยต้องตั้งหลักให้ได้ เราสับสน วนเวียนกับการเมืองที่มันผิดปกติมา 10 กว่าปีแล้ว วันนี้ถึงเวลาที่พาประเทศไทยเข้าสู่มาตรฐานสากล ความเป็นสถาบันของพรรคการเมืองจึงจะเป็นหลักให้ท่านได้

ถ้าท่านสับสนกับการเมือง ท่านต้องหาพรรคที่มีหลักการ เพราะหลักการจะเป็นวิธีเดียวที่จะขจัดความสับสน (เสียงปรบมือ) ถ้าท่านว้าเหว่ ท่านต้องหาพรรคการเมืองที่ไม่ทิ้งท่าน อยู่กับท่าน ผ่านร้อน ผ่านหนาว ร่วมทุกข์ ร่วมสุขมากับท่าน พรรคประชาธิปัตย์เป็นเพื่อนท่านได้ (เสียงปรบมือ)

วันนี้ถ้าเราตั้งหลัก ตั้งสติกัน เรามีโอกาสครับ เรามีโอกาสแล้ว ที่จะผลักดันให้ประเทศของเรามีความเจริญก้าวหน้าได้ หลักการง่ายๆ ของประชาธิปัตย์ 1. ประชาชนเป็นใหญ่ และ 2. ประชาธิปไตยสุจริต (เสียงปรบมือ)

ประชาชนเป็นใหญ่ เพราะตั้งแต่ภายในพรรค ความสัมพันธ์ของเรากับสมาชิกกับประชาชน ระบบของเราคือประชาชนเป็นใหญ่ มีสิทธิ์ มีเสียง มีส่วนร่วม เรารับฟัง เราให้ท่านมีโอกาสในการเลือก และมีส่วนร่วมตลอดเวลา วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้คนที่ทำงานในฐานะรัฐบาลเข้าใจปัญหาของประชาชนอย่างถ่องแท้ และแก้ปัญหาได้ตรงจุด

ประชาชนเป็นใหญ่ในที่นี้ คือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ นั่นหมายความว่าพรรคการเมืองอย่างประชาธิปัตย์เราไม่ได้พูดนะครับว่า เฉพาะคนที่เลือกเราเป็นใหญ่ เราไม่พูดนะครับว่า เฉพาะคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นใหญ่ เราทำงานให้ทุกคน และเราทำงานให้อนาคต เราลงทุนให้กับอนาคตของประเทศอย่างเป็นระบบ เพราะเราจะอยู่คู่ประเทศไทย (เสียงปรบมือ)

ประชาธิปไตย ทำไมต้องสุจริต ก็เพราะที่เราเดินเวียนวนอยู่อย่างนี้ เพราะเราขาด ขาดคนที่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย แล้วเข้ามาตามกระบวนการประชาธิปไตย และบริหารด้วยจิตวิญญาณของความเป็นนักประชาธิปไตย ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ครับ ประชาธิปัตย์เข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็ต้องการที่จะให้กระบวนการประชาธิปไตยให้เราเข้าไปทำงานให้ท่าน เข้าไปแล้วยืนยันครับ เพราะประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมาทุกครั้ง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกฯ มาแล้วทั้ง 4 คน เราไม่มีมลทินเรื่องการทุจริต คอร์รัปชัน (เสียงปรบมือ)

เราไม่มีประวัติของการที่จะไปแทรกแซงสื่อ ทำลายองค์กรอิสระ ขจัดการตรวจสอบ ข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงกันข้าม หรือทำอะไรที่จะทำให้พื้นฐานของสังคมประชาธิปไตยต้องเสื่อมถอยลง และนี่คือภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด ภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดว่า ประชาธิปไตยจะมีความยั่งยืน ประชาธิปไตยจะมีความต่อเนื่อง ความยั่งยืน ความต่อเนื่องจากภูมิคุ้มกันตรงนี้แหละครับ คือหนทางที่เราจะสร้างชาติด้วยกันต่อไป 

ฉะนั้นวันนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นของการรณรงค์หาเสียง ซึ่งเพิ่งปิดรับสมัครไปเมื่อเย็นวันนี้ พวกผมจะเดินทางไปพบปะกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ไม่หวั่นไหว (เสียงปรบมือ)

รู้ด้วยว่าการแข่งขันครั้งนี้ ก็คงจะมีความเสียเปรียบอยู่หลายเรื่อง ไม่เป็นไรครับ เพราะเราคิดว่า สุดท้ายประชาชนเป็นคนให้คำตอบ (เสียงปรบมือ) 

แต่เที่ยวนี้เราเดินหน้าด้วยความมุ่งมั่น อุดมการณ์เราชัด แนวทางเราชัด และภารกิจเราชัดแล้ว ผมเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคน 24 มีนา กาให้กับพรรคประชาธิปัตย์ไป แก้จน สร้างคน สร้างชาติ ครับ ขอขอบพระคุณครับ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net