Skip to main content
sharethis

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่ามีเหตุชายหัวเกรียนดักทำร้าย 'ราษฎร' กระดูกร้าว ต้องแอดมิด เจ้าตัวเชื่อเพราะวิจารณ์สถาบันฯ เตรียมเข้าแจ้งความ

9 มี.ค.2564 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ราว 16.00 น. ของ 7 มี.ค.64 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งว่ามีการดักทำร้ายผู้ชุมนุมกลุ่ม #ราษฎรคาทอลิค ซึ่งขณะที่ทราบข่าวนั้น ญาติของผู้ถูกทำร้ายยังไม่สามารถติดต่อผู้ถูกทำร้ายได้ ทราบเบื้องต้นว่าผู้ถูกทำร้ายถูกชายสองคนลอบรุมทำร้ายขณะออกไปทานข้าวกับเพื่อนที่บริเวณเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี

ต่อมาราว 6 โมงเย็น ธนทศ (สงวนนามสกุล) อาชีพพนักงานบริษัท ผู้ถูกทำร้าย ได้ติดต่อเข้ามาขอความช่วยเหลือจากศูนย์ทนายฯ โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ราวบ่ายสอง เขาได้ไปกินข้าวกับเพื่อนที่บริเวณหน้าเมืองทองธานี เสร็จประมาณบ่ายสองยี่สิบ ระหว่างที่เดินทางกลับต้องเดินผ่านซอยเล็กๆ บริเวณแนวก่อสร้างรถไฟฟ้า ซึ่งในซอยไม่มีกล้องวงจรปิด

ระหว่างที่เดินผ่านชายหัวเกรียน 2 คน ซึ่งยืนอยู่บริเวณซอย เขาถูกทั้งสองถีบจากด้านหลัง ขณะที่เพื่อนที่เดินมาด้วยถูกกันออกไป จากนั้นธนทศถูกลากเข้ามุมอับตรงจุดที่คนจะไม่เห็น ก่อนที่จะถูกรุมทั้งเตะ ถีบ เมื่อเขาล้มลงก็ยังถูกเหยียบเข้าที่หัว การรุมทำร้ายดำเนินไปราว 2 นาที ระหว่างนั้นเขาสังเกตเห็นว่าในบริเวณนั้นมีคนขับรถส่งอาหาร 3 คน ลักษณะหัวเกรียนเหมือนกัน ซึ่งเห็นเหตุการณ์ที่เขาถูกทำร้าย เขาพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่กลับไม่มีใครเข้าช่วย สุดท้ายคนร้ายทั้งสองขึ้นมอเตอร์ไซค์หนีไป ธนทศพยายามจะถ่ายคลิปแต่ถ่ายไม่ทัน แต่เพื่อนของเขาจำทะเบียนรถของคนร้ายได้ เป็นรถทะเบียนกรุงเทพมหานคร

จากนั้น พนักงานบริษัทรายนี้ได้ขอความช่วยเหลือจากคนขับรถส่งอาหาร 3 คน ที่เห็นเหตุการณ์ โดยบอกว่า คนที่มาทำร้ายเป็นโจร น่าจะมาปล้น แต่กลับถูกตั้งคำถามกลับ จนทำให้เขารู้สึกว่า ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์อาจจะเป็นพวกเดียวกับคนร้าย และอาจเป็นไปได้ที่จะเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ

“ทั้ง 3 คนตอบกลับว่า พวกเขาไม่เชื่อว่าเป็นโจรที่มาทำร้ายผม บอกให้ผมเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงโดนลอบทำร้าย ผมรู้สึกว่ามันแปลกๆ มันไม่น่าใช่ เห็นคนโดนทำร้ายแต่กลับมาตั้งคำถามว่า ไปทำอะไรมาถึงโดน ทั้ง ๆ ที่เราบอกไปแล้วว่าเป็นโจร แต่เขาก็ไม่เชื่อ ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาอัดคลิปทั้ง 3 คนไว้”

“เขาพูดจนผมรู้สึกว่าเขาอาจเป็นสายตำรวจที่มายืนอยู่แถวนั้น ผมก็เลยเลือกที่จะตามคนร้ายไปดีกว่า”

ธนทศเล่าว่า เขาไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ที่โดนทำร้ายน่าจะเป็นเพราะการโพสต์เกี่ยวกับสถาบันฯ เพราะตนไม่เคยโพสต์ว่าร้ายใครเป็นการส่วนตัว ตัวเขาเองก็ไม่ได้มีปัญหาใดๆ กับที่ทำงานหรือเพื่อนฝูง อย่างไรก็ตาม วันก่อนหน้าที่เกิดเหตุการณ์ลอบทำร้าย เจ้าตัวได้เข้าร่วมการชุมนุมที่บริเวณด้านหน้าของศาลอาญาฯ ด้วย

ภายหลังจากเหตุการณ์ ธนทศตัดสินใจขึ้นรถแท็กซี่ติดตามคนร้ายไป ต่อมาเมื่อไม่สามารถติดตามตัวคนร้ายได้ เขาจึงตัดสินใจกลับบ้านเพื่อปรึกษาครอบครัวเรื่องการเข้าแจ้งความและการรักษาพยาบาล ซึ่งเมื่อเขาไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล นอกจากอาการฟกช้ำ แพทย์ยังพบว่า มีกระดูกร้าวด้วย และให้เขาต้องแอดมิดเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน หมอแจ้งว่าต้องพักฟื้นสามอาทิตย์ ในช่วงเย็นของวันนั้นเอง ทำให้ธนทศไม่สามารถเข้าแจ้งความด้วยตัวเองได้ ต้องมอบอำนาจให้ญาติไปแทน

“สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมมันคือการพยายามทำร้ายคุกคาม ทั้ง ๆ ที่ผมก็ไม่ใช่นักเคลื่อนไหว เป็นแค่ประชาชนคนธรรมดา อาชีพเป็นพนักงานบริษัท ไม่ได้เป็นแกนนำการชุมนุม ไม่เคยขึ้นปราศรัย มันคือความไม่เป็นธรรม เป็นการละเมิดสิทธิขั้นร้ายแรงกับประชาชนที่เพียงแค่เห็นต่างจากรัฐ”

“เพื่อนที่ผมมอบอำนาจให้เข้าแจ้งความเล่าว่า ทางตำรวจบอกว่า ไม่พบว่ามีทะเบียนรถดังกล่าว และให้ผมหาหลักฐานมาเพิ่ม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกประจำวันไว้ เขาแจ้งว่า ถ้าผมอาการดีขึ้น จะเข้ามาสอบปากคำที่โรงพยาบาล”

“เพื่อนยังเล่าอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีท่าทีที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาบอกกับเพื่อนว่าทำไมผมถึงไม่รีบมาแจ้งความ แจ้งอีกว่าให้หาหลักฐานมาเพิ่ม เหมือนเขาไม่เชื่อว่าคนที่ทำร้ายผมจะไม่รู้จักกับผมมาก่อน”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net