Skip to main content
sharethis

'ก้าวไกล' หาเสียงชลบุรี ขอเป็นบ้านใหม่ ที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเลือกตั้งที่จะมาถึง - 'เพื่อไทย' หาเสียงกาฬสินธุ์ ขอเกิน 251 ที่นั่ง เอาชนะเสียง ส.ว. - 'ปิยบุตร' คาดพรรคก้าวไกล ได้ ส.ส. 30 คน เลือกตั้ง 66 ต้องโหนร่วมรัฐบาลเพื่อไทย

19 ก.พ. 2566 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค นำ ส.ส. และแกนนำพรรค ลงพื้นที่ อ.บางแสน จ.ชลบุรี เพื่อหาเสียง พร้อมเปิดตัวนโยบายและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จ.ชลบุรี

โดยนายพิธา กล่าวหาเสียงตอนหนึ่งว่า พรรคก้าวไกลขอเป็นบ้านใหม่ ที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดให้คนชลบุรีในการเลือกตั้งที่จะมาถึง พร้อมกับเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.  ชลบุรี พรรคก้าวไกล ทั้ง 10 เขต ได้แก่

นายวรท ศิริรักษ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 1

นายชวาล พลเมืองดี ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 2

น.ส.นภัสวรรณ มณีรัตน์โรจน์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 4

นายสหัสวัต คุ้มคง ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 5

นายจรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.ชลบุรี ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 6 ปั

นายยอดชาย พึ่งพร ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 7

นางสาวนิชนันท์ วังคะฮาต ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 8

นายกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 9 และ

นางสาววรรณิดา นพสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี เขต 10

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในกิจกรรมหาเสียงของพรรคก้าวไกล ได้ชูนโยบายหวยใบเสร็จ เป็นนโยบายการซื้อสินค้าร้านค้ารายย่อยครบ 500 บาท ต่อหนึ่งใบเสร็จ ผู้ซื้อสินค้ารับฟรีหวย 1 ใบเพื่อไว้ชิงโชค เป็นโชค 2 ชั้น ได้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสินค้า ซึ่งนโยบายหวยใบเสร็จเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย และเป็นการกระจายโอกาสไปยังธุรกิจฐานราก นอกจากนั้น ยังมี นโยบายผ้าอนามัยฟรี  เพราะต้องการลดค่าใช้จ่าย ในส่วนของค่าผ้าอนามัย

'เพื่อไทย' หาเสียงกาฬสินธุ์ ขอเกิน 251 ที่นั่ง เอาชนะเสียง ส.ว. 

19 ก.พ. 2566 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทยแจ้งข่าวว่า พรรคได้เปิดเวทีปราศรัย ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ ณ ที่ว่าการอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นำโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยครอบครัวเพื่อไทย นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย ส.ส.กาฬสินธุ์ ได้แก่ นางบุญรื่น ศรีธเรศ นายคมเดช ไชยศิวามงคล และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กาฬสินธุ์ ประกอบด้วย นายวิรัช พิมพะนิตย์ นายพลากร พิมพะนิตย์ นางยรรยงค์รัตน์ ไชยศิวามงคล นายพีระเพชร ศิริกุล นายทินพล ศรีธเรศ นายประเสริฐ บุญเรือง โดยมีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยอย่างเนื่องแน่นกว่า 25,000 คน

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประชาชนมีความทุกข์จากการบริหารของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทุกข์ที่ 1 ข้าวของราคาแพง ทุกข์ที่ 2 คือหนี้สิน ที่ประช่าชนมีหนี้เฉลี่ยคนละ 500,000 บาท ทุกข์ที่ 3 คือยาเสพติดระบาด ยุคนี้ทุกอย่างแพงหมดยกเว้นยาบ้า 5 เม็ดร้อย รวมทั้งการแก้ไขอาชญากรรมทางไซเบอร์ ด้วยนโยบาย1 ตำบล 1 คนคอมพิวเตอร์ เพื่อดูแลระบบ ให้ความรู้พี่น้อง ประชาชนไม่ให้เป็นเหยื่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ ซื้อของตกปกแน่นอน

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า การเดินทางมาที่จังหวัดกาฬสินธุ์ของพรรคเพื่อไทย เพื่อมาอธิบายนโยบายในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวกาฬสินธุ์ และรู้สึกคิดถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะเคยมาที่กาฬสินธุ์ มาร่วมงานผ้าไทยนานาชาติ ซึ่งตนเห็นผ้าภูไทที่คัดเลือกมาสวยงามเป็นอย่างมาก ซึ่งนายกฯยิ่งลักษณ์เคยใส่ผ้าภูไทยและสวยมากๆ
ทั้งนี้ พี่น้องกาฬสินธุ์มีปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน มีปัญหาหนี้สิน ทั้งการพิสูจน์สิทธิที่เป็นธรรม การจัดหาที่ดินทำกิน การแก้กฏหมายเพื่อให้ประชาชนเกิดความเท่าเทียม มีที่ดินของรัฐไม่ได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งจะทำการจัดสรรให้ได้ใช้ประโยชน์ รวมถึงการปรับฐานเงินเดือน และอัดฉีดงบประมานเข้าระบบ เป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว นโยบายเพื่อแก้ปัญหาให้ชาวอีสานหายจน แต่เกิดรัฐประหาร และมีปัญหาโควิดการจัดการของรัฐบาลไม่ดี ทำให้ประชาชนเป็นหนี้มาถึงทุกวันนี้ ยืนยันนโยบายค่าแรง 600 บาท ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลครบ 4 ปี ค่าแรงได้ 600 บาทแน่นอน และสินค้าการเกษตรต้องราคาขึ้นยกแผงด้วยการเปิดตลาดให้ขายได้ทั่วโลก

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทย จะได้ ส.ส.251 คนขึ้นไป เพราะในการเลือกตั้งปี 2548 ไทยรักไทยได้ 377 ที่นั่งมาแล้ว ครั้งนี้เพื่อไทยต้องการ 251 ที่นั่ง และคาดว่าพรรคเพื่อไทย จะได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรแน่นอน เมื่อถึงเวลาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี พรรคการเมืองต่างๆจะเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี รวมถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมี ส.ว.250 เสียง เตรียมยกมือโหวตให้ แต่หากประธานสภาเป็นเพื่อไทย แม้ ส.ว.ช่วยเลือก แต่ ส.ว.ตามมายกมือช่วยในสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้ การเสนอกฎหมายงบประมาณต่อสภาผู้แทนราษฎร และการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย จะไม่ยกมือสนับสนุนแน่นอน ทั้งนี้ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เพื่อไทยประสบปัญหากว้างขวางคอ ได้แก่

ก้างขวางคอที่ 1 คือ พรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่ฟังเสียงประชาชน ทั้งพรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา พลังประชารัฐ อยากให้ประชาชนจดจำไว้

ก้างขวางคอที่ 2 คือ ส.ว. โดย ส.ว.บางคน ออกมาพูดว่าไม่เอานางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี และแม้เพื่อไทยได้ ส.ส.จำนวนมาก ก็จะไม่โหวตให้ แต่หากเพื่อไทยชได้ ส.ส. 251 เสียงขึ้นไป รับรองว่าพลเอกประยุทธ์ลำบากแน่นอน

“เพื่อไทยต้องการนำเสนอนายกรัฐมนตรี ด้วยมือของพี่น้องประชาชนที่นั่งตรงนี้ และมือของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ขอพี่น้องชาวกาฬสินธุ์เลือกว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของเพื่อไทยให้ครบทั้ง 6 เขต” นายสุทิน กล่าว

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะหมอบราบคาบแก้วแล้วเพื่อจะแพ้เลือกตั้ง จนทำให้ ส.ว. 250 คน ออกมาขู่ว่าจะไม่เลือก แต่จะทำได้อย่างไร เพราะเพื่อไทยชนะแลนด์สไลด์ แม้จะได้เป็นรัฐบาล “ประยุทธ์” ก็เป็นได้เพียงรัฐบาลเสียงข้างน้อย และทันทีพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเราจะปราบยาเสพติดทันที

'ปิยบุตร' คาดพรรคก้าวไกล ได้ ส.ส. 30 คน เลือกตั้ง 66 ต้องโหนร่วมรัฐบาลเพื่อไทย

เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ รายงานว่านายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เขียนบทความ ระบุว่าประชาชนจำนวนมากต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หากสังเกตจากผลการสำรวจความคิดเห็นหรือการรับรู้พูดคุยในกลุ่มแวดวงต่างๆ เชื่อได้ว่า ร้อยละ 60 อยากเปลี่ยนรัฐบาล และจะใช้การเลือกตั้งในปี 2566 นี้เป็นเครื่องมือสำคัญ

การรณรงค์ให้ลงคะแนนแบบยุทธศาสตร์เพื่อให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ กำลังเป็นที่แพร่หลายและได้การยอมรับไปทั่ว

หากดูผลสำรวจความคิดเห็น ก็จะพบว่า คะแนนของพรรคเพื่อไทยและคุณแพทองธารสูงมาก ทั้งในภาพรวมทั่วประเทศ และในทุกพื้นที่ แม้กระทั่งภาคใต้

สำหรับพรรคก้าวไกลเอง คะแนนนิยมอยู่นิ่งอยู่กับที่มาปีเศษแล้ว ผู้อำนวยการนิด้าโพล ได้วิเคราะห์ไว้ในรายการหนึ่งว่า คะแนนของพรรคก้าวไกล เป็น “น้ำเต็มแก้ว” ไม่เพิ่ม ไม่ลด ไม่ว่าเกิดเหตุการณ์ใด เวลาผ่านไปนานเท่าไร คะแนนก็จะอยู่เท่านี้

เรียกได้ว่า คะแนนจากผลสำรวจที่พรรคก้าวไกลได้รับนั้น คือ “แฟนพันธุ์แท้”

หากพรรคก้าวไกลต้องการคะแนนมากกว่านี้ ต้องการมี ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้มากกว่านี้ จำเป็นต้องแสวงหาคะแนนจากกลุ่มผู้ที่ไม่ตัดสินใจ หรือกลุ่มที่ตัดสินใจเลือกพรรคอื่น

จะได้คะแนนส่วนนี้เพิ่มมาได้ พรรคก้าวไกลต้องแก้ปมปัญหาเรื่อง “แลนด์สไลด์”

คนจำนวนมากที่เป็น “แฟนพันธุ์แท้” พรรคเพื่อไทย ย่อมลงคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งสองใบ

แต่มีคนอีกจำนวนมากที่รักเพื่อไทย แต่ก็เห็นประโยชน์ของการมีพรรคแบบก้าวไกล

คนจำนวนมากที่รักทั้งสองพรรค

คนจำนวนมากที่เห็นด้วยกับสิ่งที่พรรคก้าวไกลทำ แต่คิดว่าเป็นการต่อสู้ระยะยาว

หรือคนจำนวนมากชอบพรรคก้าวไกล แต่ไม่คิดว่าจะชนะได้ในเขตเลือกตั้ง ไม่คิดว่าจะชนะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้

คนเหล่านี้ อาจเลือก ส.ส.เขตของพรรคเพื่อไทย และแบ่งมาลงคะแนนบัญชีรายชื่อให้พรรคก้าวไกล

ทั้งหมดนี้เป็นผลพวงจากความคิดเรื่อง “แลนด์สไลด์”

ด้วยระบบเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 400 บ้ญชี 100 ทำให้คะแนนแบบแบ่งเขตของผู้ที่ไม่ได้ลำดับที่ 1 ถูกทิ้งน้ำไปหมด ไม่เหมือนตอนปี 62 ที่ยังนำมาคำนวณเป็น ส.ส.ทั่วประเทศ

และด้วยความคิดที่ว่า หากเพื่อไทยกับก้าวไกลแข่งกันเองในเขตเลือกตั้ง อาจทำให้แพ้ทั้งคู่ จนพรรคประยุทธ์ หรือพรรคอื่นที่อยู่อีกขั้ว ชนะไป ดังปรากฏให้เห็นหลายเขตในการเลือกตั้งปี 62

ประกอบกับ “สวิทช์ สว 250” คนยังทำงานออกฤทธิ์ได้อีก

ทั้งหมดนี้ทำให้ประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนรัฐบาลเลือกที่จะเลือกพรรคเพื่อไทยสองใบ หรือเลือกพรรคเพื่อไทยในแบบเขต เลือกพรรคก้าวไกลแบบบัญชีรายชื่อ

หากสถานการณ์และอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ยังเป็นเช่นนี้ ไปจนถึงวันลงคะแนน พรรคก้าวไกลก็จะได้ ส.ส.เขตน้อยมาก และได้ “ส่วนแบ่ง” จากบัญชีรายชื่อมา รวมยอด สส ทั้งหมด คงไปไม่เกิน 30

หากพรรคก้าวไกลไม่คิดอะไรมาก ได้เท่าไร ก็เท่านั้น รอบนี้ ขอ “เกาะพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล” ไว้ก่อน พรรคก้าวไกลก็ไม่ต้องแก้ไขอะไร ไม่ต้องคิดยุทธวิธีใหม่ ประคองตัวไปจนจบเลือกตั้ง และถ้าไม่มีสัญญาณแปลกๆใดมาขัดขวาง หรือรวมเสียงฝ่ายค้านเดิมเพียงพอ พี่ใหญ่” ก็อาจเมตตาชวน “น้องเล็ก” ไปร่วมรัฐบาล แบ่ง รมต ให้สัก 2-3 ที่

แต่ถ้าพรรคก้าวไกลยังคงต้องการเสียงมากกว่านี้ จำนวน ส.ส.มากกว่านี้ พิสูจน์ตนเองว่าแนวคิดแนวทางที่ทำกันมาตั้งแต่อนาคตใหม่ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ประชาชนเห็นด้วยมาก พรรคก้าวไกลก็ต้องคิดแก้ปมปัญหา “แลนด์สไลด์” ให้ได้

หนึ่ง ทำให้คนจำนวนมากเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีโอกาสชนะในเขตเลือกตั้งสูง ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลจะเข้าที่ 1 ไม่ใช่เข้าที่ 2 หรือที่ 3

หากทำให้คนจำนวนมากเชื่อได้ คนก็จะมาเลือก เพราะ คะแนนนี้ไม่ทิ้งน้ำ ไม่เปล่าประโยชน์ แต่จะทำให้พรรคก้าวไกลชนะ ส.ส.เขต

สอง ขีดเส้นแบ่งใหม่ ไม่ใช่ “ฝ่าย non ประยุทธ์” vs “ฝ่ายประยุทธ์” ไม่ใช่ “ฝ่ายประชาธิปไตย” vs “ฝ่ายเผด็จการ” แบบเดิมๆ

แต่เป็นการสู้กันระหว่าง “พลังเก่า” vs “พลังใหม่” และพรรคก้าวไกล คือ ตัวแทนของพลังใหม่

สร้างความแตกต่างของตนเองออกจากทุกพรรค ทุกขั้ว พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้คนว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องเทคะแนนให้พลังใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลง

ให้คนจำนวนมากตระหนักว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ คือ ความใฝ่ฝันถึงสังคมใหม่ในอนาคต มิใช่วนเวียนอยู่ กับเรื่องเอาทักษิณ ไม่เอาทักษิณ เอาประยุทธ์ ไม่เอาประยุทธ์ วนเวียนอยู่กับปัญหาเดิมๆที่ล้อมสังคมไทย กักขังสังคมไทยไว้ตั้งแต่ 49 ไม่ให้ไปไหน

หากเลือกเส้นทางนี้ การทำแคมเปญ กำหนดยุทธวิธี การคิดคำ ประดิษฐ์คำ ทำม็อตโต้ ชูคำขวัญ ให้เดินตามสองข้อข้างต้น คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงของคณะทำงาน

แต่การเมือง อยู่ที่ความเชื่อ

ผู้คนจำนวนมากต้องเชื่อก่อนว่าจริง เราทำได้จริง

ต่อให้คิดค้นแคมเปญได้ดีเลิศขนาดไหน แต่ถ้าคนไม่เชื่อ แคมเปญนั้นก็เป็นเพียงบันทึกเก็บไว้ใน portfolio

ปัญหาจึงมีอยู่ว่า…

ผู้นำพรรคก้าวไกลมีศักยภาพเพียงพอที่จะทำให้คนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะชนะในเขตเลือกตั้ง ได้หรือไม่?

มีความสามารถเพียงพอที่จะทำให้คนเชื่อโดยพร้อมเพรียงกันว่า ต้องมีพรรคก้าวไกลเป็นตัวแทนของพลังใหม่ในการเปลี่ยนประเทศตั้งแต่รอบนี้ ได้หรือไม่?

เหลือเวลาอีกสามเดือน !!!

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net