Skip to main content
sharethis

เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะไม่นึกไม่คิดไม่ฝันไม่รู้สึกถึงคุณทักษิณ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ได้ดีหรือเจอร้ายหรือเสมอตัวภายใต้ชะตาที่เขาได้กำหนดไว้ให้คุณ มีแต่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วเช่นคุณสมชาย นิละไพจิตร ที่คงจะไม่รู้สึกถึงคุณทักษิณอีกแล้ว

ตอนที่ ๒. มองผลงานคุณทักษิณ

ที่ผ่านมารัฐบาลของคุณทักษิณมีนโยบายและผลงานหลายอย่างที่ผมเห็นด้วย โดยเฉพาะนโยบาย "ประชานิยม" ต่างๆ เช่นนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (๓๐ บาทรักษาทุกโรค) กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารคนจน บ้านเอื้ออาทร โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ โครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุนเรียนต่อต่างประเทศ - เพียงแต่รัฐบาลควรจะได้ดำเนินโครงการเหล่านี้อย่างจริงจัง ให้มีประสิทธิภาพในการลดช่องว่างทางเศรษฐกิจในสังคมไทยและในการสร้างหลักประกันทางสังคมให้กับประชาชน ทั้งยังควรใช้โครงการเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและการพัฒนาชุมชนทั่วประเทศให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น แต่ปรากฏว่าวิธีการดำเนินโครงการต่างๆ กลับมีลักษณะที่ไม่เป็นระบบเท่าที่ควร ทั้งยังขาดมิติด้านการพัฒนาชุมชนแบบยั่งยืนซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลคุณทักษิณขาดความเข้าใจ ดังนั้นผลงานที่เกิดขึ้นจึงค่อนข้างจะผิวเผินอย่างน่าเสียดาย แต่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหาเสียงให้กับพรรคการเมืองของคุณทักษิณ และในการขยายฐานของสมาชิกพรรค

รัฐบาลของคุณทักษิณเป็นรัฐบาลที่ทำงานกระฉับกระเฉง และด้วยประสิทธิภาพและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มากกว่ารัฐบาลก่อนๆ อันนี้เป็นเรื่องที่ถูกใจประชาชนและมีต้นตอมาจากประสบการณ์การเป็นนักบริหารในภาคธุรกิจของคุณทักษิณเอง ซึ่งเป็นผู้ที่ทำงานขยันดียิ่ง และรัฐบาลทักษิณได้กล้าเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการบริหารประเทศในลักษณะที่เสริมอำนาจการสั่งการของรัฐมนตรีต่อข้าราชการและหน่วยราชการในสังกัดซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสมเพราะที่ผ่านมาในหลายสมัยระบบราชการมีอำนาจอิทธิพลครอบงำการบริหารประเทศมากเกินไปเสมือนเป็นรัฐบาลตัวจริงที่มีลักษณะอนุรักษ์นิยมสูง แต่ในกรณีของรัฐบาลทักษิณก็ได้เกิดปัญหาใหญ่จากการที่มีรัฐมนตรีจำนวนหนึ่งเข้าไปใช้อิทธิพลในทางที่ผิดเพื่อแทรกแซงระบบราชการจนกลายเป็นเรื่องยากที่ระบบราชการจะสามารถวางตัวเป็นกลางทางการเมืองและรักษาความเป็นอิสระ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีข่าวเกรียวกราวเรื่องข้าราชการระดับสูงถูกเกณฑ์มารับใช้ผลประโยชน์ของพรรคไทยรักไทยในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา

ผมอยากจะกล่าวตรงๆ ว่าแม้รัฐบาลของคุณทักษิณได้ทำในสิ่งที่ดีหลายอย่าง แต่ความเสียหายที่ได้ก่อแก่ประเทศชาติมีมากกว่าหลายเท่า อันได้แก่

๑. ความเสียหายที่เกิดแก่ระบอบประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาชน
๒. ความเสียหายที่เกิดแก่ความเป็นอิสระของสื่อมวลชนในการเสนอข้อมูลข่าวสารต่อประชาชน
๓. ความเสียหายที่เกิดแก่สิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม
๔. ความเสียหายที่เกิดแก่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
๕. ความเสียหายที่เกิดแก่องค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ

ซึ่งผมจะขยายความในบางประเด็นพอสังเขปดังต่อไปนี้
ในระบอบประชาธิปไตยที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ การมีสื่อมวลชนที่หลากหลายและเป็นอิสระในการเสนอข้อมูลข่าวสารเป็นปัจจัยที่จำเป็นยิ่ง เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสรับรู้เรื่องราวของบ้านเมืองอย่างรอบด้าน แต่ภายใต้รัฐบาลทักษิณสื่อมวลชนได้เสียความเป็นอิสระในการเสนอข่าวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะสื่อวิทยุและโทรทัศน์ เช่น รายการวิทยุโทรทัศน์ที่มีลักษณะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองที่หลากหลายทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ได้ค่อยๆหายไปจากแผงรายการจนแทบจะไม่เหลือ และมีรายการประเภทที่ประจบประแจงรัฐบาลและตำหนิผู้วิจารณ์รัฐบาลเข้ามาแทนที่

สถานีวิทยุหลายแห่งมีคำสั่งหรือมาตรการควบคุมไม่ให้ผู้จัดรายการเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นที่ขัดต่อนโยบายของรัฐบาล (เช่นคำสั่งของสถานีวิทยุ เสียงสามยอด เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ ที่ไม่ให้ออกอากาศความคิดเห็นที่คัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ) สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ซึ่งตั้งขึ้นมาหลังเหตุการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕ เพื่อเป็นสื่อข่าวสารข้อมูลที่เป็นอิสระสำหรับประชาชน ได้ถูกเทคโอเวอร์โดย บริษัทชินคอร์ป ของครอบคัวคุณทักษิณก่อนหน้าการเลือกตั้งปี ๒๕๔๔ ตามด้วยการปลดพนักงานในทีมข่าวของไอทีวีออก ๒๑ คนเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งที่คุณทักษิณครองชัยชนะเป็นครั้งแรก และต่อมาไอทีวีได้พลิกโฉมมาเป็นสถานีโทรทัศน์ที่เน้นรายการบันเทิงเป็นหลักซึ่งเป็นการทรยศต่อเจตนาในการก่อตั้งสถานีโดยสิ้นเชิง

ส่วนหนังสือพิมพ์ที่มีเนื้อหาวิภาควิจารณ์รัฐบาลเกือบทุกฉบับถูกกดดันและเล่นงานด้วยวิธีการทั้งเหนือดินและใต้ดิน เช่น การทำให้ขาดรายได้ด้านโฆษณา หรือกรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินและธุรกรรมของผู้ถือหุ้นใหญ่ในหนังสือพิมพ์ แนวหน้า ไทยโพสต์ และ เนชั่นกรุ๊ป อย่างผิดกฎหมาย เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๔๔ หรือการที่คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทยและรัฐมนตรีคมนาคมได้กวาดซื้อหุ้นของ เนชั่นกรุ๊ป อย่างน่าสงสัยว่าจะเตรียมเทคโอเวอร์ เป็นต้น

แม้จะมีการใช้มาตรการควบคุมสื่อที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอย่างกว้างขวางแต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นการกระทำของคุณทักษิณโดยตรง จึงอาจเป็นการกระทำของคนในรัฐบาลหรือข้าราชการระดับสูงที่ทำกันไปโดยพลการ คุณทักษิณอาจจะอ้างว่าตนไม่เกี่ยว แต่การที่คุณทักษิณอยู่เฉยๆ ไม่ออกมาแก้ปัญหาที่สื่อถูกควบคุมและคุกคาม หรืออยู่เฉยๆ ทั้งๆ ที่สื่อซึ่งครอบครัวของตนเป็นเจ้าของได้ปลดพนักงานออกเนื่องจากการก่อตั้งสหภาพแรงงานและการเรียกร้องความเป็นอิสระในการเสนอข่าว นี่แสดงถึงการละเลยที่จะปกป้องเสรีภาพของสื่อมวลชนตามรัฐธรรมนูญ และน่าจะขัดต่อคำสัตย์ปฏิญาณที่ตนได้ถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เช่นเดียวกัน เมื่อบริษัทชินคอรป์ได้ฟ้องนางสาวสุภิญญา กล้าณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อในคดีแพ่งฐานหมิ่นประมาทและเรียกค่าเสียหายจำนวน ๔๐๐ ล้านบาทอันเนื่องมาจากการแสดงความเห็นเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่บริษัทฯ อาจได้รับจากนโยบายของรัฐบาล คุณทักษิณก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาวและไม่คิดจะช่วยคุณสุภิญญา ทั้งๆ ที่การกระทำของบริษัทนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนของการคุกคามประชาชนทางเสรีภาพในการวิจารณ์หรือตรวจสอบรัฐบาล

การทำสงครามกับยาเสพติดของคุณทักษิณต้องถือเป็นนโยบายที่ดียิ่ง แต่วิธีดำเนินการในช่วงต้นปี ๒๕๔๖ ได้นำไปสู่การฆาตกรรมคนทั่วประเทศไม่น้อยกว่า ๑๓๘๖ คน (ตัวเลขของรัฐบาลเอง) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ฝ่ายปกครองหรือตำรวจสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดแต่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ในศาล ในจำนวนนี้ยังมีผู้ที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดรวมอยู่ด้วย รวมทั้งเด็กเล็ก การที่คุณทักษิณได้กดดันหน่วยราชการเรียกร้องการจัดการเร่งด่วนกับผู้ค้ายา พร้อมขู่ลงโทษข้าราชการในจังหวัดที่มีผลงานหย่อนยาน ได้ทำให้หน่วยตำรวจทั่วประเทศเข้าใจว่าตนได้รับไฟเขียวให้จัดการกับผู้ที่มีข้อสงสัยว่าค้ายาเสพติดได้ตามอำเภอใจ จึงเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนขนานใหญ่ที่สุดใน ๒๐ กว่าปีที่ผ่านมา ที่คุณทักษิณเรียกว่าการ "ฆ่าตัดตอน" แต่ไม่ยอมรับว่าส่วนใหญ่เป็นผลงานของตำรวจ การที่แทบจะไม่มีใครถูกจับมาลงโทษเลยอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจทั่วไปว่ารัฐบาลพร้อมที่จะปกป้องเจ้าหน้าที่ที่ละเมิดสิทธิมนุษยธรรมและละเมิดกฎหมายหากเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์ของชาติ และนี่คือการทำลายสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรมที่ร้ายแรงยิ่ง แต่ขนาดนี้คุณทักษิณก็ยังเป็นที่ชื่นชมของประชาชนจำนวนมาก

ต่อไปนี้ขอยกตัวอย่างเรื่องราวของผู้ที่อาจถูกละเมิดสิทธิตามนโยบายของคุณทักษิณเพื่อให้เห็นภาพเป็นรูปธรรม

ชายข้าราชการในจังหวัดหนึ่ง เคยถูกใบปลิวโจมตีในปี ๒๕๓๙ ว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ครั้งนั้นหน่วยงานที่ผู้นี้สังกัดอยู่ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ผลปรากฏว่าชายผู้นี้ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

จนเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๔๖ ข้าราชการผู้นี้ถูกยิงเสียชีวิตขณะอยู่หน้าบ้านของตนเอง เป็นเวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้านเพราะภรรยาและลูกออกไปซื้อของ

เมื่อภรรยาและลูกทราบเรื่องก็รีบกลับบ้าน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์ชันสูตรได้เดินทางมาถึงก่อนแล้ว และได้เข้าตรวจสภาพศพและสถานที่เกิดเหตุ ขณะนั้นผู้ตายนอนตายในสภาพที่ใส่กางเกงขายาวสีกากี ไม่ใส่เสื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงถอดกางเกงขายาวออกพร้อมทั้งถอดกางเกงใน และได้พลิกกางเกงในออกและพลิกกลับในสภาพเดิม

จากนั้น ศพของชายผู้นี้ถูกนำไปยังโรงพยาบาลเข้าห้องเอ็กซเรย์ และไปยังห้องพิธีกรรมศพตามลำดับ ในห้องพิธีกรรมมีทั้งญาติผู้ตายและเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเคื่องแบบ เจ้าหน้าที่พิธีกรรมศพได้ถอดกางเกงในของผู้ตายโดยรูดจากศพของผู้ตายออกมาจนเป็นเกลียวแล้วทิ้งขยะไป เมื่อทำความสะอาดและตกแต่งศพเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอให้ญาติผู้ตายออกจากห้องพิธีกรรมให้หมดเพื่อจะถ่ายรูปและพิมพ์ลายนิ้วมือ และต่อมาเจ้าหน้าที่ก็ได้เรียกญาติผู้ตายเข้าไปในห้องอีกครั้ง แจ้งว่าพบยาเสพติดอยู่ในซองพลาสติกสีฟ้า บรรจุยาบ้าจำนวน ๙๘ เม็ด และอีก ๒๑ ชิ้นอยู่ที่เป้ากางเกงในของผู้ตายซึ่งถูกทิ้งอยู่ในถังขยะ

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำคำสั่งของเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สั่งยึดอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของผู้ตายและภรรยาไปเพื่อตรวจสอบ และต่อมาบริษัทอเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด อ้างว่าผู้ตายเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจึงใช้สิทธิบอกล้างสัญญาประกันชีวิต

ในด้านการติดตามหาตัวผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า พยานในที่เกิดเหตุได้บอกเพียงรูปพรรณสัณฐานคร่าวๆ ทั้งที่บริเวณเกิดเหตุอยู่ในเขตชุมชน ห่างจากสถานีตำรวจประมาณ ๓ กิโลเมตร ส่วนหลักฐานได้แก่ หัวกระสุน และปลอกกระสุนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมส่งไปกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเปรียบเทียบว่าใช้ยิงมาจากปากกระบอกเดียวกับคดีอื่นที่มีประวัติเก็บไว้หรือไม่ แต่กองพิสูจน์หลักฐานตอบว่าไม่สามารถตอบได้เนื่องจากระบบฐานข้อมูลของกองพิสูจน์หลักฐานชำรุดใช้การไม่ได้

เมื่อรัฐบาลทักษิณต้องเผชิญกับสถานการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อต้นปี ๒๕๔๗ ได้มีการส่งหน่วยตำรวจจากส่วนกลางเข้าไปควบคุมสถานการณ์และหาข่าวในพื้นที่ ปรากฏว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับหน่วยราชการบางส่วนได้เกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ในรูปแบบของการ " อุ้ม" แล้วฆ่าหรือหายตัว แม้แต่ทนายสมชาย นิละไพจิตร ผู้กล้าหาญที่ว่าความให้บรรดาผู้ต้องหาชาวมุสลิมก็ต้องหายไปอย่างน่าเชื่อว่าได้เสียชีวิตไปแล้ว ถึงจะไม่ใช่คำสั่งหรือความต้องการของคุณทักษิณ แต่ในความเห็นของผมคุณทักษิณหนีไม่พ้นการมีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อยู่ดี

ต่อมาได้เกิดกรณีกรือเซะกับการตายหมู่อย่างปริศนาของทีมฟุตบอลอำเภอสะบ้าย้อย และกรณีตากใบที่มีการตายหมู่ของผู้ชุมนุมทั้งระหว่างและภายหลังการสลายการชุมนุม ข้อเท็จจริงหลายอย่างในเหตุการณ์ทั้งสองนี้ยังมีความคลุมเครือเนื่องจากรัฐบาลไม่ได้เปิดให้สื่อมวลชนทำการค้นหาและเสนอข้อมูลโดยอิสระ

การที่รัฐบาลได้ตอบโต้ความรุนแรงของผู้ก่อการร้ายด้วยการใช้ความรุนแรงที่กระจายไปยังผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง เป็นการช่วยหาแนวร่วมให้กับผู้ก่อการร้ายและอาจมีผลทำให้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ขยายตัวไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้เป็น เวลายาวนานอีกหลายปีข้างหน้า นี่คือผลงานของรัฐบาลทักษิณที่ประชาชนจำนวนมากได้ให้ความชื่นชม

รัฐบาลทักษิณได้พยายามสกัดกั้นการแสดงออกของประชาชนตามรัฐธรรมนูญและตามหลักประชาธิปไตยโดยการสลายการชุมนุมของสมัชชาคนจนหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยการข่มขู่ว่าจะดำเนินการจับกุมผู้ที่ชุมนุมต่อต้านประธานาธิบดีบุชของสหรัฐอเมริกาในช่วงที่บุชมาร่วมการประชุมเอเพ็ค (พร้อมการสร้างกระแสกล่าวหาผู้ชุมนุมว่าเป็นบุคคลที่ไม่รักชาติ) และโดยการบีบผู้บริหารของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตให้ดำเนินการทางวินัยกับพนักงาน กฟผ.ที่รวมตัวกันชุมนุมต่อต้านแผนงานของรัฐบาลที่จะแปรรูป กฟผ.โดยการนำกิจการทุกส่วนเข้าไปขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

เรื่องของการแทรกแซงวุฒิสภาและองค์การอิสระต่างๆ โดยคนของรัฐบาลทักษิณเป็นที่ทราบกันทั่วไป ในกรณีของวุฒิสภานั้น รัฐบาลสามารถควบคุมเสียงของส.ว.ได้มากกว่ากึ่งหนึ่งทุกครั้งที่มีการลงคะแนนในเรื่องที่มีความสำคัญต่อรัฐบาล ทั้งนี้โดยการใช้อิทธิพลในรูปแบบต่างๆ ตามระบบอุปถัมภ์เพื่อทำลายความเป็นอิสระทางเมืองของวุฒิสภาและประกันความอยู่รอดของรัฐบาล

ขอยกตัวอย่าง ทุกครั้งที่มีการเลือกคณะบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งต่างๆในองค์กรอิสระเช่นคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นต้น บรรดาสมาชิกวุฒิสภาที่อยู่ใต้อิทธิพลของฝ่ายบริหารจะได้รับโผที่ชี้นำการเลือกตั้งของพวกเขา ซึ่งจะปรากฎเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนในช่วงของการนับคะแนนเมื่อผลการขานคะแนนในบัตรเลือกตั้งต่างๆ ออกมาตรงกันเป็นชุดอย่างไม่มีทางเกิดขึ้นได้โดยบังเอิญ ในหมู่ส.ว.กันเองก็เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่ามีส.ว.บางคนได้รับเงินเดือนพิเศษเป็นประจำ และอีกส่วนหนึ่งได้รับค่าตอบแทนพิเศษเฉพาะกิจเป็นครั้งคราว แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ผมเองยังไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้ในขณะนี้

ในกรณีขององค์กรอิสระต่างๆ คนของรัฐบาลได้ใช้อิทธิพลเข้าไปแทรกแซงทั้งกระบวนการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหาที่มีองค์ประกอบตัวแทนจากพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลเป็นปล๊อคโหวต และกระบวนการเลือกตั้งโดยวุฒิสภาดังที่ได้กล่าวถึงแล้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันว่าบุคคลที่ได้รับเลือกเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรเหล่านี้ ซึ่งต้องมีหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล หรือตรวจสอบผลการเลือกตั้งต่างๆ นั้น จะไม่ดำเนินการใดๆ ที่อาจเป็นพิษเป็นภัยต่อรัฐบาลของคุณทักษิณ หรือต่อคนในรัฐบาล หรือต่อพรรคการเมืองของคุณทักษิณ

ผลที่ปรากฏชัดเจนคือบุคคลที่ได้รับเลือกเข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่างๆ ในสมัยของรัฐบาลทักษิณกลายเป็นผู้ที่มีความด้อยทางคุณสมบัติและความน่าเชื่อถือด้านความซื่อสัตย์สุจริต เมื่อเทียบกับผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งดังกล่าวในสมัยก่อนรัฐบาลทักษิณ ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าประชาชนค่อนข้างขาดความเชื่อถือในความซื่อสัตย์สุจริตของบุคคลที่เป็นกรรมการในคณะกรรมการการเลือกตั้ง ส่วนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ได้รับเลือกตั้งในสมัยคุณทักษิณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการมีอันเป็นไป ซึ่งเป็นผลกรรมที่ตอบสนองความเห็นแก่ตัวของคณะกรรมการดังกล่าวในการขึ้นเงินเดือนของตัวเองอย่างใจร้อนและอย่างผิดกฎหมาย

สรุปง่าย ๆ คือ รัฐบาลทักษิณได้ปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทำลายชีวิตของคนจำนวนนับพันที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ความผิด ขยายความรุนแรงและความขัดแย้งในภาคใต้ แทรกแซงวุฒิสภาและองค์กรอิสระจนทำให้ไร้ศักยภาพในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล นี่เป็นการกระทำที่พยายามรวบอำนาจแบบเดียวกับรัฐบาลเผด็จการทั้งหลาย และนี่คือการกระทำของรัฐบาลที่ได้รับคะแนนนิยมอย่างท่วมท้นจากประชาชน

(โปรดติดตามตอนต่อไป: "การกำหนดท่าทีต่อรัฐบาลของคุณทักษิณ" ในสัปดาห์หน้า)

หมายเหตุ:

๑. บทความนี้ดัดแปลงเล็กน้อยจากบทความชื่อเดียวกันที่ตีพิมพ์ในหนังสือ "อยู่กับทักษิณ" - บรรณาธิการ : เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายแล้วตามร้านหนังสือทั่วไป

๒. รายได้ทั้งหมดที่ผู้เขียนได้รับจากบทความ "ภายใต้ดวงตะวันของคุณทักษิณ" ที่ตีพิมพ์ในหนังสือ "อยู่กับทักษิณ" ผู้เขียนจะมอบให้คุณสุภิญญา กล้าณรงค์ เพื่อใช้ในการต่อสู้คดีที่ถูกฟ้องหมิ่นประมาท ๔๐๐ ล้านบาทโดยบริษัทชินคอร์ป

จอน อึ๊งภากรณ์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net