เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2548 ที่ศาลอาญา มีการสืบพยานโจทก์คดีอุ้มนาย
โดยหลังจากที่กองบังคับการตำรวจนครบาล (บก.น.) 4 และ 8 ซึ่งเป็นฝ่ายสืบสวนสอบสวนหาพยานที่เห็นเหตุการณ์ในวันที่ 12 มี.ค.47 ได้รับทราบข้อมูลว่าที่เกิดเหตุ น.ส.
พ.ต.ต.
ต่อมาจึงได้มีการนำข้อมูลดังกล่าวเล่าให้ พล.ต.ต.
พ.ต.ต.ทินกร เบิกความด้วยว่า แนวทางการสืบสวนขณะนั้นมีข้อมูลระบุถึงมูลเหตุจูงใจการอุ้มนายสมชายว่า เกี่ยวข้องกับกรณีนายสมชายให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาคดีปล้นปืน-เผาโรงเรียนที่ถูกตำรวจซ้อม โดยยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.
ทั้งนี้ จากตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์บุคคลที่เกี่ยวข้อง พบว่า มีหมายเลขจดทะเบียนของจำเลยทั้ง 5 คนด้วย โดยผลการวิเคราะห์การใช้โทร.เข้า-ออก และจุดพิกัดการใช้โทรศัพท์ของจำเลยทั้งห้าพบว่า วันเกิดเหตุที่ 12 มี.ค.47 หมายเลขโทรศัพท์ของ พ.ต.ท.
และเมื่อเปรียบเทียบการโทร.เข้า-ออกระหว่างจำเลยทั้ง 5 คนในช่วงวันที่ 6-10 มี.ค.47 ปรากฏว่ามีจำนวนน้อยครั้งการโทร.ในวันที่ 12 มี.ค. ที่มีมากประมาณ 75 ครั้ง และเมื่อได้นำผลตรวจสอบจุดพิกัดการใช้โทรศัพท์ของจำเลยทั้งห้า มาเทียบเคียงกับการใช้โทรศัพท์ของนายสมชายทำให้พบว่า มีความสอดคล้องกับข้อมูลสถานที่อยู่ ซึ่งฝ่ายสอบสวนได้ข้อมูลจากพยานที่เกี่ยวข้อง
โดยผลวิเคราะห์จุดพิกัดโทรศัพท์สามารถระบุได้ว่า กลุ่มบุคคลที่ถือโทรศัพท์ตามที่ตรวจสอบนั้นได้ติดตามนายสมชายตั้งแต่ช่วงเช้า ที่ ซ.รัชดาภิเษก 32 ไปขึ้นทางด่วนประชานุกูล แล้วต่อไปที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ กระทั่งย้อนกลับมาที่ ซ.รัชดาภิเษก 32 อีกครั้ง แล้วไปสิ้นสุดที่อาคารเอฟบีที คอมเพล็กซ์ ซ.รามคำแหง 65 ที่ยุติเมื่อเวลา 20.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่อัยการนำพยานผู้เชี่ยวชาญการแกะรอยโทรศัพท์มาเบิกความ พร้อมอ้างส่งรายงานบันทึกรายละเอียดหมายเลขโทรศัพท์ต่อศาล ปรากฏว่าทนายความจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลคัดค้านการรับฟังพยานหลักฐานซึ่งเป็นบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้จากบริษัทผู้ให้การบริการต่างๆ ด้วย โดยศาลได้รับคำร้องไว้แต่ยังไม่ได้มีคำสั่งใดๆ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)