หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวว่า "จะช่วยเหลือจังหวัดที่เลือกพรรคไทยรักไทยก่อนนั้น" ทำให้หลายฝ่ายออกมาแสดงความไม่พอใจและคัดค้านคำพูดดังกล่าว โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกมาคัดค้านและเชิญชวนให้ประชาชนเข้าชื่อเพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีที่เลือกปฏิบัติในฐานะผู้นำรัฐบาลแล้ว

ขณะเดียวกันนายสุริยะใส  กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์ประชาธิปไตย(ครป.) กล่าวในเรื่องดังกล่าวว่า "ผมสนับสนุนฝ่ายค้านและประชาชนที่จะเข้าชื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรี เพราะถือว่าคำพูดของนายกฯ ในฐานะผู้นำรัฐบาล ส่งสัญญาณให้เกิดการเลือกปฏิบัติ คล้ายๆ กับแนวคิดแบ่งแยกดินแดน ไม่ต่างจากผู้ก่อการร้ายทางภาคใต้อย่างที่นายกฯเข้าใจ"

นอกจากนี้ นายสุริยะใส ยังมองว่า คำพูดของนายกฯฟังดูตรงไปตรงมาไม่มีเบื้องหลัง แต่ถ้าคิดเหมือนอย่างที่พูดก็จะทำให้เหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้บานปลายไปอีก เพราะไม่มี ส.ส.พรรคไทยรักไทยอยู่เลย อาจจะยิ่งทำให้สูญเสียดินแดนไปจริงๆ และถือเป็นความโชคร้ายของประชาชนใน 3 จังหวัด ที่งบพัฒนาไปไม่ถึง ซึ่งนายกฯ ต้องกลับตัว ยังไม่สายเกินไปที่จะถอนคำพูดหรือขอโทษประชาชน

"คำพูดแบบนี้ ทำให้ชาวอีสานทั้ง 19 จังหวัดซึ่งเลือกพรรคไทยรักไทยประมาณ 98% รู้สึกไม่สบายใจ เพราะทำให้ดูเหมือนว่าภาคอีสานได้รับการพัฒนาและการดูแลอย่างดีจากรัฐบาล แต่เป็นการเข้าใจผิด เพราะประชาชนยังคงยากจนอยู่เหมือนเดิม คนที่เลือกนายกฯเขาก็ไม่อยากให้พูดแบบนี้" นายสุริยะใส กล่าว

ด้าน นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) เห็นว่าคำพูดดังกล่าวของนายกฯนั้นแสดงถึงความสับสน แยกไม่ออกระหว่างบทบาทหัวหน้าพรรคกับนายกรัฐมนตรี จริงๆ แล้วในต่างประเทศ ทันทีที่หัวหน้าพรรคได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีก็จะต้องทิ้งพรรค เพื่อให้พรรคมีอิสระและป้องกันการฉวยโอกาสใช้ประโยชน์จากการเป็นนายกฯด้วย เท่ากับเหยียบเรือ 2 แคม

ทั้งนี้ นายคณิน ยังกล่าวอีกว่า "การที่นายกออกมาพูดแบบนี้เป็นเพราะส่วนหนึ่ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่เคยยับยั้ง ไม่มี กกต.ที่ไหนปล่อยให้นายกฯออกมาพูดตามใจชอบ แถมยังแก้แทนให้อีก ซึ่งทำให้นายกฯได้ใจ ผมเห็นว่า กกต.ต้องร่างกฎหมายแยกผู้บริหารพรรคออกจากผู้บริหารประเทศ ซึ่งถ้ายกมาตรา 303 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมาใช้ก็สามารถทำได้ แต่อยากให้ประชาชนมีการแสดงพลังมากกว่า"