นางราตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมสรุปแนวทางการสำรวจข้อมูลชาวบ้านในที่ดินที่มีกรณีพิพาทกับนายทุนทั้ง 3 ชุมชนว่า แต่ละบ้านมีสมาชิกกี่คน ประกอบอาชีพอะไรบ้าง มีรายได้เดือนละเท่าไร โดยชุมชนบ้านในไร่ นายอำเภอท้ายเหมืองขอแยกไปดำเนินการเอง ส่วนชุมชนแหลมป้อมและทับตะวัน ให้ทางอำเภอตะกั่วป่าเป็นผู้ดำเนินการสำรวจ โดยนัดสำรวจกันในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2549

"พอถึงวันสำรวจข้อมูล กลับมีข้อมูลหลายอย่างที่ต้องกรอกเพิ่มเติมจากที่ตกลงกันไว้ ทั้งยังให้ถ่ายรูปและพิมพ์ลายนิ้วมือลงในเอกสารด้วย ดิฉันเห็นว่าแตกต่างจากข้อสรุปที่ตกลงกันในที่ประชุม จึงบอกให้ชาวบ้านกรอกเฉพาะข้อมูลในส่วนที่ตกลงกันในที่ประชุม ไม่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือและถ่ายรูป นอกจากนี้ในเอกสารยังให้ระบุว่า จะยินยอมหรือไม่ยินยอมให้จัดระเบียบ ดิฉันและชาวบ้านจึงกรอกว่า ไม่ยินยอมให้จัดระเบียบ ทำให้เจ้าหน้าที่ที่มาสำรวจไม่พอใจ" นางราตรี กล่าว

นายพัน หาญทะเล ตัวแทนชาวบ้านชุมชนทับตะวัน เปิดเผยว่า หลังจากประชุมไม่กี่วัน เจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอตะกั่วป่า ได้นำเอกสารมาให้ตนสำรวจและกรอกข้อมูล สำหรับชาวบ้านที่มีคดีอยู่ในศาล ให้กรอกข้อมูลเกี่ยวกับคดีด้วย โดยกลับมาเก็บและถ่ายรูปแต่ละครอบครัว เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2549 ส่วนแบบสำรวจระบุให้กรอกชื่อ และหมายเลขบัตรประชาชน ติดรูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 1 รูป และยังให้พิมพ์ลายนิ้วมือ แต่ชาวบ้านไม่ยอม

นางสาวธิดารัตน์ รัดไว้ ผู้ประสานงานสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เปิดเผยว่า สำหรับการสำรวจข้อมูลที่ดินพิพาทบ้านในไร่นั้น ทางที่ดินอำเภอท้ายเหมืองได้มอบหมายให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เป็นผู้ออกแบบสำรวจ และดำเนินการสำรวจข้อมูล ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร ส่วนที่บ้านทับตะวันกับบ้านแหลมป้อม ทางสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนไม่ได้เข้าไปสำรวจ เพราะทางที่ดินอำเภอตะกั่วไม่ได้ประสานงานให้ช่วยดำเนินการให้

รายงานข่าวจากสำนักงานที่ดินอำเภอตะกั่วป่าแจ้งว่า ขณะนี้การสำรวจข้อมูลชุมชนบ้านแหลมป้อมยังไม่แล้วเสร็จ เพราะชาวบ้านยังลังเลที่จะให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ เช่นเดียวกับที่บ้านทับตะวัน ที่ชาวบ้านไม่ยอมกรอกข้อมูล หรือกรอกข้อมูลในแบบสำรวจไม่ครบ