รายการ Simple Life หรือ "ชีวิตเรียบง่าย" เป็นรายการต้นแบบของ รายการไฮโซบ้านนอก
นำแสดงโดย ปารีส ฮิลตัน ทายาทมหาเศรษฐี ที่เคยพูดว่า
"เธอไม่เคยทำงานแม้แต่วันเดียวในชีวิต" ร่วมกับ นิโคล ริชชี่
Simple life ออกอากาศครั้งแรกทางช่อง FOX Network ในเดือนธันวาคม 2546
ใน Episode แรก ปารีสและนิโคล ใช้ชีวิตอยู่ในฟาร์มในเมืองชนบท
ในรายการนี้ในตอนแรกจึงได้รับความนิยมจากผู้ชมในสหรัฐมากกว่า 13 ล้านคน
เปิดประสบการณ์นักศึกษาธรรมศาสตร์
ในโครงการ "ธรรมศาสตร์ทำนาเศรษฐกิจพอเพียง" ระหว่างเดือนมิถุนายน - ธันวาคม 2549
ภาพจากhttp://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9490000095566&#Opinion
ใครเอ่ย คุ้นๆ
ดร.
ประธานค่ายอาสาพัฒนาชนบท หลายต่อหลายครั้งตลอดชีวิตการเป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์นั่นเอง
ภาพจากhttp://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9490000095566&#Opinion
โดยนายหอกหัก
ภาพข่าวของนักศึกษาและอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมกับเสียงเพลงคนกับควายดังกระหึ่มก้องไปทั่ว "ท้องนา" ของธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ดูจะสร้างความปลาบปลื้มเป็นล้นพ้นแก่ผู้ได้ฟังและได้เห็น
โครงการ "ธรรมศาสตร์ทำนา" เป็นนวัตกรรมของการเรียนรู้นอกห้องเรียนเพื่อให้เข้าใจความยากลำบากของชีวิตเกษตรกรไทย และที่สำคัญได้อ้างว่าเป็นการเรียนรู้แนวคิดเศรษฐกิจแบบพอเพียง
โครงการนี้ควรถูกนับเป็นความคิดที่กล้าหาญและแหวกกรอบจารีตของกระบวนการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยของไทยเป็นอย่างมาก ที่ตามปกติมักให้นักศึกษาอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแต่ครั้งนี้พยายามให้นักศึกษาไปสัมผัสกับจริงที่อยู่ "ที่นั่น"
แต่ก่อนที่น้ำตาจะไหลด้วยความปิติ ควรต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ก่อนว่าโครงการธรรมศาสตร์ทำนาเป็นอย่างไรกันแน่
สิ่งที่นักศึกษาหน้าขาวๆ และอาจารย์หลายคน ซึ่งเข้าร่วมจะได้อย่างแน่นอนก็คือ ความรู้และการปฏิบัติจริงในการปลูกข้าว อย่างน้อยก็รู้ว่าเวลาจะดำนาต้องใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงไปในดินพร้อมกับต้นกล้า รู้ว่าการปลูกต้นข้าวต่างไปจากหญ้าคาอย่างไร รู้ว่าดินในที่นานั้นมีสภาพอย่างไร รู้ว่าอยู่กลางแดดนั้นร้อนอย่างไร
แต่เรื่องต่างๆ เหล่านี้เพียงพอหรือที่จะทำให้นักศึกษาเข้าใจถึงวิถีชีวิตของเกษตรกรไทยได้ เกษตรกรที่ล้มละลายมากว่า 40 ปี เป็นเพราะปัญหาในการปักดำเท่านั้น หรือมีเรื่องอื่นๆ เป็นปัจจัยประกอบอยู่
หากต้องการเข้าใจถึงวิถีชีวิตของชาวนา คงไม่สามารถปลูกข้าวอยู่ข้างๆ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีได้แน่ๆ เพราะความยุ่งยากหรือปัญหาในชีวิตชาวนาไม่ใช่แค่เรื่องวิธีการปลูกข้าวแต่รวมถึงเรื่องอื่นที่เป็นเหตุแวดล้อมอยู่
เช่น การขาดแคลนที่ดินทำกินและการสูญเสียที่ดินทำกินของเกษตรกรรายย่อย ระบบตลาดที่ไม่ช่วยให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งในการต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง ความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศ น้ำท่วมฝนแล้ง ที่ยากจะเกิดขึ้นกับที่นาของธรรมศาสตร์เป็นแน่แท้ หรือแม้กับปัญหาง่ายๆ เช่น ปัญหาปุ๋ยปลอมที่แม้จะซื้อมาจากหน่วยงานของรัฐเองก็ตาม
และอีกมากมายที่ ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีผู้รับผิดชอบโครงการคงรู้เป็นอย่างดีในฐานะที่เคยเป็นประธานค่ายอาสาพัฒนาชนบทหลายสมัย
แต่น่าเสียดายที่นอกจากการดำนาแล้ว ไม่ได้มีกระบวนการอื่นใดอีกเลยที่เชื่อมนักศึกษาเข้ากับโลกที่เป็นอยู่จริง (อย่างน้อยก็ที่เห็นอยู่ในขณะนี้) สิ่งที่นักศึกษาจะได้ก็คือ รู้ว่าขี้โคลนมันเหลว กับดำนานี่มันก็ทำให้ปวดหลังเหมือนกันเนอะ
ดังนั้น อย่าว่าถึงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเลยครับ เอาแค่ให้เข้าใจถึงชีวิตและความยากลำบากของชาวนาก็ห่างไกลแล้ว
กล่าวให้ยืดเยื้อมากยิ่งขึ้นก็คือ โครงการธรรมศาสตร์ทำนาอาจไม่ได้แตกต่างไปจากรายการ "ไฮโซบ้านนอก" เลย คือเพียงเปลี่ยนเอาตัวบุคคลเข้าไปอยู่ในสถานะที่แตกต่างจากที่เป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน จากในห้องเรียนก็ออกไปเป็นท้องนาทั้งที่ควรจะเป็นโอกาสอันดี แต่ไม่เห็นเงื่อนไขให้เข้าใจอะไรได้มากไปกว่าการเป็นแบบกิจกรรมฉาบฉวยเท่านั้น
ยิ่งกว่านั้น รายการไฮโซบ้านนอกอาจยังอยู่ในสภาพที่ดีกว่าเพราะอย่างน้อยก็เข้าไปในเหตุการณ์จริง แม้จะมีการจัดฉากหรือเตรียมการบ้าง ขณะที่ไฮโซธรรมศาสตร์เป็นการสร้าง "ความจริงเสมือน" ขึ้นในมหาวิทยาลัย โดยตัดขาดและไม่สัมพันธ์กับชาวนาเลยแม้แต่คนเดียว เผลอๆ ระหว่างดำนาก็อาจซื้อกาแฟสตาร์บัคมาละเลียดดับความกระหายได้
การขยับให้การเรียนรู้ออกนอกห้องเรียนเป็นสิ่งที่ต้องให้การสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ต้องไม่ทำให้การออกนอกห้องเรียน ดันกลายเป็นว่าไปอยู่ที่รายการเกมโชว์ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ได้สร้างการเรียนรู้อะไรให้เกิดขึ้นเลย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)