Skip to main content
sharethis

รายงานโดย โชคชัย ศิลารักษ์


ศูนย์ข่าวประชาสังคมจังหวัดอุบลฯ


 


 


ประชาไท - สืบเนื่องจากการที่พายุใต้ฝุ่น ช้างสาร ได้พัดผ่านประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดฝนตกชุกในทุกพื้นที่ของจังหวัดนั้น ได้ส่งผลดีต่อเกษตรกรโดยเฉพาะชาวนาเป็นอย่างมาก


 


โดยนางหนูเรียน ชูกลิ่น อายุ 63 ปี ชาวบ้านค้อ ต.หัวเรือ อ.เมือง เปิดเผยว่า การที่เกิดพายุช้างสารนั้นได้แรกนั้นตนเองมีความกังวลเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกรงว่านาข้าวรวมทั้งทรัพย์สินอย่างอื่นจะได้รับความเสียหาย แต่เมื่อพายุพัดเข้ามาแล้วได้ส่งผลดีมากกว่าผลเสีย โดยส่งผลให้มีน้ำขังในนาข้าวที่ปักดำไว้ ประกอบกับฝนได้ทิ้งช่วงมาตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนแล้ว สำหรับในปีนี้ตนเองได้ปักดำข้าวในนาทั้งสิ้นกว่า 25 ไร่ เป็นทั้งข้าวเหนียวและข้าวเจ้า  โดยในขณะนี้บางส่วนอยู่ในระยะท้องและบางส่วนได้ออกดอกแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้ผลดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา


 


"ปีนี้ได้ทำทั้งหว่านและปักดำ โดยจ้างแรงงานวันละ 170 บาท บางคนก็จ้าง 200 บาท ในช่วงเก็บเกี่ยวก็ต้องจ้างอีก เพราะไม่มีแรงงานในครอบครัวเพียงพอ ในขณะเดียวกันการปักดำก็ไม่ทันตามฤดูกาล ซึ่งผลผลิตที่ได้คงต้องนำไปใช้หนี้ ธกส.ที่กู้ยืมมาใช้ประมาณ 7 หมื่นบาท"


 


ด้านนางแดง ธรรมชาติ อายุ 70 ปี ชาวบ้านขี้เหล็ก ต.ขี้เหล็ก ก็เปิดเผยเช่นเดียวกันว่า พายุช้างสารนั้นได้ส่งผลดีต่อชาวนามาก รวมทั้งได้เพิ่มปริมาณน้ำในลำห้วยให้มากขึ้นด้วย ซึ่งตนเองได้ปักดำข้าวในปีนี้ 10 ไร่ และอยู่ในระยะที่ตั้งท้องเช่นกัน


 


ในขณะที่นายภาณุศักดิ์ คำยา เกษตรจังหวัดอุบลราชธานี ได้ให้คำแนะนำในช่วงที่ข้าวตั้งท้องว่า  น้ำมีความสำคัญสำหรับผลผลิตของข้าวมาก การขาดน้ำในระยะนี้จะทำให้ละอองเกสรไม่สมบูรณ์ ข้าวไม่สามารถสร้างเมล็ดได้อย่างเต็มที่ และมีผลทำให้เมล็ดข้าวเป็นท้องไข่ เมล็ดข้าวลีบและหักง่าย เพราะฉะนั้นในระยะดังกล่าวจนถึงก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 10 วัน แปลงข้าวจะขาดน้ำไม่ได้ ซึ่งควรมีระดับน้ำอย่างน้อย 5-15 ซม. เมื่อข้าวออกดอกได้ประมาณ 20 วัน ให้ระบายน้ำออกให้แห้ง เพราะเมื่อเกสรข้าวผสมและสร้างแป้งในเมล็ด ได้ประมาณ 21 วันแล้ว เมล็ดข้าวจะคายน้ำออกเรื่อยๆ เพื่อให้แป้งในเมล็ดแห้ง การระบายน้ำจึงเป็นการช่วยเร่งให้แป้งในเมล็ดข้าวแห้งเร็วขึ้น และทำให้ข้าวสุกพร้อมกัน สะดวกในการเก็บเกี่ยวและได้ข้าวที่มีคุณภาพ


 


ด้านสถานการณ์โดยทั่วไปของจังหวัดอุบลราชธานีจากผลกระทบของพายุช้างสารนั้น สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานี โดยนายสุขสันต์ บุญโทแสง หัวหน้าสำนักงานฯ ได้รายงานผลกระทบต่อทางจังหวัดให้รับทราบว่า ถึงพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายในวันนี้ (3 ต.ค.49) ประกอบด้วย


บ้านหนองแก ต.แจระแม ได้เกิดน้ำท่วมขังซึ่งมีราษฏรได้รับความเดือดร้อนจำนวน 30 ครัวเรือน ที่อำเภอสำโรงได้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ หมู่ที่ 1,6,12 ของตำบลหนองไฮ  ที่อำเภอวารินชำราบ บ้านนาสะแบง ต.หนองกินเพล ซึ่งบ้านเรือนถูกพายุพัดได้รับความเสียหาย 1 หลัง อำเภอพิบูลมังสาหาร เกิดวาตภัยหมู่ที่ 5,7 ตำบลกุดชมพู บ้านเรือนได้รับความเดือดร้อน 2 ครัวเรือน อำเภอบุณฑริก เกิดน้ำท่วมอย่างฉับพลัน บนทางหลวงหมายเลข 2248 สูงประมาณ 80 ซม. ความยาว 150 เมตร รถไม่สามารถสัญจรได้ อำเภอน้ำยืน เกิดน้ำท่วมที่บ้านศรีเมือง ต.ศรีวิเชียร ราษฏรได้รับความเดือดร้อน 18 ครัวเรือน กิ่งอำเภอนาตาล ได้เกิดอุทกภัยถนนลูกรังขาดระหว่างตำบลพังเคน ถึงบ้านดงเปือย ในส่วนของเขตเทศบาลนครอุบลราชธานีนั้น แรงลมทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับกำแพงวัดศรีอุบลรัตนาราม ซึ่งทางเทศบาลได้ขนย้ายต้นไม้ออกจากพื้นที่แล้ว


 


ขณะการช่วยเหลือของทางสำนักงานฯ ได้ประสานให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่รับผิดชอบได้เข้าไปช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว รวมทั้งในวันนี้สำนักงานฯ ได้ร่วมกับกรมทหารราบที่ 6 ได้จัดคาราวานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งประกอบด้วยเรือท้องแบน รถน้ำ ชุดกู้ภัย ซึ่งใช้กำลังทหารทั้งหมดกว่า 200 นาย


 


ด้านแนวโน้มของสถานการณ์นั้น จากการรายงานของศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือประจำวันที่ 3 ต.ค. 2549 พบว่า พายุใต้ฝุ่นช้างสาร ได้พัดผ่านจังหวัดอุบลราชธานีได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว แต่ยังคงมีอิทธิพลและส่งปลกระทบต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและจังหวัดอุบลราชธานีต่อไปอีกในระยะ 1-2 วันนี้ อย่างไรก็ตาม นายวชิระ สมคะแน ผู้อำนวยการส่วนอุทกวิทยา อุบลราชธานี รายงานว่า ขณะนี้แม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านจังหวัดมีระดับที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ตกเพิ่มขึ้น และน้ำเหนือกำลังไหลระบายผ่านมา โดยภาพรวมแล้วสถานการณ์อุทกภัยของจังหวัดอุบลราชธานี ยังอยู่ในภาวะที่ไม่รุนแรงมากนัก ซึ่งระดับน้ำของแม่น้ำมูลที่สะพานเสรีประชาธิปไตยในวันนี้(3 ต.ค.)อยู่ที่ 5.71 เมตรเพิ่มขึ้นจากวานนี้ 50 ซม.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net