Skip to main content
sharethis

(สรุปความศาลจังหวัดสงขลาพิพากษายกฟ้องนายรัชตะ วัฒนศักดิ์และพวกรวม 20 คนในทุกข้อหาในคดีที่เจ้าพนักงานอัยการจังหวัดสงขลาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชนและชาวบ้านเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย รวม 20 คน กรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมชาวบ้านเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อก๊าซฯ ที่ถนนจุติอนุสรณ์ ทางเข้าโรงแรมเจบี อ.หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 )

คำพิพากษาศาลฯ บางส่วนระบุว่า โครงการท่อส่งก๊าซฯและโรงแยกก๊าซฯไทยมาเลเซียนั้นเป็นโครงการใหญ่ที่อาจจะเกิดผลกระทบต่อชุมชนได้ในหลายประการ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญนั้นได้เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วม และเปิดโอกาสให้มีการชุมชนอย่างสงบ

ทั้งนี้ก่อนที่ตัวแทนชาวบ้านเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อก๊าซฯจะเดินทางมาร่วมชุมนุมกันนั้นได้มีการพูดคุยกันระหว่างนายวัชรพันธุ์ จันทร์ขจร กรรมการอำนวยการประสานงานและติดตามผลการปฏิบัติราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กับพล.ต.ต.สัณฐาน ชยนนท์ ผบก.ภ.จว.สงขลา (ขณะนั้น) ถึงเรื่องการเตรียมการชุมนุม โดยได้นายวัชรพันธ์และ พ.ต.ต.นภดล เพ็ชรสุทธิ์ สวป. สภ.อ.จะนะ (ขณะนั้น) ได้เป็นตัวแทนไปเจรจากับนายบรรจง นะแส ผอ.โครงการจัดการทรัพยากรชายฝั่งภาคใต้ จำเลยที่ 4 เพื่อหาทางแบ่งเบาความรุนแรง

ซึ่งได้รับการยืนยันว่าจะเดินทางไปเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านโครงการท่อก๊าซฯ ต่อนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีกำหนดเดินทางมาประชุม คณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 5 ประชุม ครม.ร่วมกับประเทศมาเลเซียที่ โรงแรมเจบี อ.หาดใหญ่ ในวันที่ 20 ธันวาคม 2545 เท่านั้น จากนั้นก็จะเดินทางกลับ

เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยพล.ต.ต.สัณฐาน ชยนนท์ ผบก.ภ.จว.สงขลา(ขณะนั้น)เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และได้มีการเตรียมแผนรักษาความปลอดภัย "แหลมสน "05/2545 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2545 ซึ่งอาศัยแผนรักษาความสงบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ " กรกฎ 45 "

แต่ขณะที่ชาวบ้านได้มารวมตัวกันบริเวณที่เกิดเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อ้างว่า มีข่าวจากสาย ลับยืนยันว่ากลุ่มคัดค้านโครงการท่อก๊าซฯได้วางแผนเตรียมอาวุธเข้าร่วมชุมนุม โดยมีเจตนาที่จะยึดโรงแรมเจบี อันเป็นสถานที่ประชุม ครม.นอกสถานที่ และขัดขวางการประชุม ครม.นอกสถานที่และการประชุมร่วมระหว่าง ครม.ไทยกับมาเลเซียอย่างไม่เป็นทางการ

แต่กลับไม่มีความชัดเจนว่าแผนการชุมนุมดังกล่าวนั้นมีข้อเท็จจริง และรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่อย่างไร สายลับเป็นผู้ใด โจทก์ไม่สามารถนำสายลับนั้นมายืนยันได้ จึงเป็นรายงานข่าวที่เลื่อนลอยไม่อาจรับฟังยืนยันยุติได้ หากขณะเกิดเหตุกลุ่มคัดค้านฯได้จัดเตรียมอาวุธและมีแผนงานเช่นนั้นจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่สามารถที่จะสลายการชุมนุมได้ในเวลาอันรวดเร็วเพียง 15-20 นาทีเท่านั้น

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มคัดค้านฯเป็นเป็นไปตามรัฐธรรมนูญซึ่งอาจจะมีการขึ้นนำพูดผ่านเครื่องขยายเสียงบ้าง แต่ก็เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ไม่เป็นประเด็นที่จะทำให้การชุมนุมกลายเป็นการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปได้

กลุ่มผู้คัดค้านฯไม่มีเจตนาที่จะขับรถทะลุทะลวงไปภายในแผงกั้นจราจรในที่เกิดเหตุ เพราะเมื่อมาถึงก็ได้มีการแยกย้ายไปประกอบกิจวัตรของแต่ละคน จนเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งให้ตำรวจ เข้าไปภายในแผงกั้น เพื่อผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมออกไปจากบริเวณดังกล่าวเนื่องจากเกรงจะกีดขวางการจราจรของ ครม.ที่จะเข้าร่วมประชุม แต่ ไม่ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนตามแผน "แหลมสน" เพื่อให้กลุ่มผู้คัดค้านทราบตามขั้นตอนที่ระบุเอาไว้

ชาวบ้านซึ่งไม่ทราบเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รุกเข้ามาในแผงกั้น จึงได้ลุกขึ้นประจันหน้าและมีสิ่งของถูกขว้างมาจากด้านหลังของกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใส่ตำรวจจึงเกิดเหตุการณ์ขึ้น จึงยกฟ้องจำเลยทั้ง 20 คนพร้อมริบของกลาง อย่างเช่นไม้ธง กรรไกร มีด เป็นต้น และคืนทรัพย์สินที่ถูกยึดไปเป็นของกลาง อย่างเช่นรถยนต์ เครื่องปั่นไฟ เครื่องขยายเสียง

ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net