ประชาไท - วานนี้ (9 พ.ย.2549) นางสาว
"สำหรับเอฟทีเอที่กำลังทำและมีแผนว่าจะทำ หลังจากนี้จะต้องมีการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้มากขึ้น จัดสัมมนาและทำประชาพิจารณ์เพื่อศึกษารายละเอียดรอบด้านก่อนเสนอ ครม. ส่วนเอฟทีเอที่ไทยลงนามและมีผลบังคับใช้ไปแล้วกับหลายประเทศคงต้องมีการดำเนินการต่อไป ส่วนเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่นไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีการลงนามในรัฐบาลชุดนี้ คงต้องให้ ครม.พิจารณา ซึ่งคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายละเอียดก่อนการลงนามมากนัก" นางสาวชุติมากล่าว
นอกจากนี้ จากการที่กระทรวงพาณิชย์ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการศึกษาพิจารณากำหนดรูปแบบการบริหารจัดการกองทุนเพื่อการปรับตัวของอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการทำเอฟทีเอ ที่มีอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นประธานนั้น จะมีการหารือศึกษาและกำหนดรูปแบบขึ้นมาโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการกรอบในการช่วยเหลือแหล่งเงินทุนที่สนับสนุน เพื่อให้ได้แผนงานในการตั้งกองทุนฯ ให้ดีที่สุด คาดว่าจะสามารถส่งแผนงานให้กับ ครม.พิจารณาได้ในต้นปี 2550
นางชุติมากล่าวว่า นายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.กระทรวงพาณิชย์ จะเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีการค้ากลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ครั้งที่ 18 วันที่ 15-16 พ.ย.นี้ ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ซึ่งไทยกำหนดจะยกประเด็นเศรษฐกิจพอเพียงชี้แจงต่อที่ประชุมเพื่อย้ำว่านโยบายดังกล่าวไม่ได้ขัดกับหลักการเปิดเสรี แต่จะช่วยสนับสนุนการค้าให้เป็นธรรมมากขึ้น
สำหรับประเด็นการประชุมของเอเปกในระดับรัฐมนตรี การพิจารณาความเป็นไปได้เขตการค้าเสรีในกรอบเอเปก เนื่องจากมีความพยายามของสมาชิกบางประเทศผลักดันให้ที่ประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปกได้หารือเกี่ยวกับการนำแผนเอเปกไปสู่เอฟทีเออย่างจริงจังในปีหน้าที่ประเทศออสเตรเลีย
นอกจากนี้ จะมีการรับรองแผนงาน 2 เรื่อง คือ แผนปฏิบัติการฮานอยที่ว่าด้วยการนำไปสู่เป้าหมายโบกอร์ และแผนการอำนวยความสะดวกทางการค้าว่าด้วยการลดต้นทุนการทำธุรกรรมทางการค้าภายในภูมิภาคให้ลดอีก 5% ในปี 2553
ที่มา: http://www.thaipost.net
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)