5 มิ.ย. 50 - เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (4 มิ.ย.) น.ต.
"ทั้งนี้โดยผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวคนใดคนหนึ่งจะเป็นผู้เรียกประชุมก็ได้แต่ต้องมีจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งจึงเป็นองค์ประชุม ... ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งใดในวรรคสองให้ผู้ดำรงตำแหน่งที่มีอยู่เป็นองค์ประกอบของการประชุมได้ โดยให้ถือจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของผู้ดำรงตำแหน่งที่มีอยู่เป็นองค์ประชุม"
พิเชียร เสนอพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เหตุมีภัยบ่อนเซาะต้องทำนุบำรุงพระศาสนา
จากนั้นได้อภิปรายประเด็นศาสนาพุทธ โดยกลุ่มของนายพิเชียร เสนอให้เพิ่มเติมถ้อยคำในมาตรา 2 ใหม่ว่า "ประเทศไทยมีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ"
นายพิเชียร กล่าวว่า ปัจจุบันมีภัยคุกคามและการบ่อนเซาะพระพุทธศาสนามากขึ้น ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ กระแสความเชื่อเรื่องลัทธิต่าง ๆ รวมทั้งกระแสโลกาภิวัฒน์ วัตถุนิยม บริโภคนิยมมีมากเกินไป และบ่อนทำลายและคุกคามความอยู่รอดของพระพุทธศาสนา จึงจำเป็นที่จะต้องบัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญก้าวหน้าวัฒนาสถาพรสืบไป
เสนอเรียกชื่อ "รัฐธรรมนูญ 2540 แก้ไขเพิ่มเติม
ในช่วงบ่ายได้พิจารณาคำขอแปรญัตติในกลุ่มของนายวัชรา หงส์ประภัศร ที่เสนอขอแก้ชื่อของรัฐธรรมนูญที่จากเดิมคือ "รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช
นาย
ส.ส.ร.เสนอให้ รธน.คุ้มครองทุกคนรวมคนข้ามชาติ สมคิดแย้ง ชี้มีกฎหมายอื่นคุ้มครองแล้ว
ต่อมานาย
แต่นายสมคิดแย้งว่า ผู้ร่างรัฐธรรมนูญตั้งใจจะคุ้มครองเฉพาะคนไทยเพราะคนต่างชาติไม่สามารถมาเข้าถึงข้อมูลเราได้ และไม่มีสิทธิได้เรียนฟรี 12 ปี ซึ่งคนไทยจะได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน แต่คนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยก็จะมีกฎหมายคุ้มครองเขา
นอกจากนี้ นายสุรชัย ได้ขอแปรญัตติใน ม.14 ว่าด้วยคุณสมบัติขององคมนตรีที่แต่เดิม กำหนดว่าห้ามเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรรมการองค์กรอิสระ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่เป็นสมาชิกหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง ไม่แสดงการฝักในพรรคการเมืองใดๆ แล้ว ต้องไม่เป็นกรรมการและนายกสภามหาวิทยาลัย ด้วย
ส.ส.ร.เสนอคุ้มครองบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายร้อนแรงขึ้นเมื่อถึง ม.30 วรรคสอง ที่เดิมบัญญัติว่า "ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน" ให้เพิ่มเติมว่า "ชายและหญิงและบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศมีสิทธิเท่าเทียมกัน"
นายเจิมศักดิ์กล่าวว่า ที่ต้องแปรญัตติประเด็นนี้เนื่องจากต้องการให้สังคมไทยปรับเปลี่ยนทัศนคติในการมองบุคคลเพศที่สามโดยต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนปรกติเหมือนเรา แม้แต่วงการแพทย์ก็พิสูจน์แล้วว่าในโลกนี้นอกจากจะมีชายและหญิงแต่ยังมีเพศอื่นอยู่กับเราอีกด้วย ไม่ต้องการให้มองว่าคนเหล่านี้เป็นคนวิปริตทางเพศเหมือนในอดีต
น.ส.
กรรมาธิการอภิปรายสนุนความหลากหลายทางเพศ
จากนั้น กมธ.ยกร่างได้อภิปรายร่วมโดยส่วนใหญ่สนับสนุนให้บรรจุความหลากหลายทางเพศไว้ในรัฐธรรมนูญเช่น นายจรัญ ภักดีธนากุลกล่าวว่า ทุกวันนี้คนเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากค่านิยมเก่า ๆ ที่ไม่ยอมรับกับสภาพทางเพศหรือรสนิยมทางเพศที่เป็นเขาเป็น แต่เขาก็เป็นคนไทยแล้วเขาก็ไม่ได้ขอให้รัฐธรรมนูญส่งเสริมยกย่องให้เขาเป็นตัวอย่างของชาติเพียงแต่ขอให้เขาคุ้มครองอย่าถูกกีดกันหรือเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเพราะเหตุที่เขามีวิถีทางเพศเป็นแบบนั้น ไม่ได้เป็นการเสียหายอะไรเลยแต่เป็นการร้องขอในระดับคนพิการ ชนกลุ่มน้อย หรือคนที่สุขภาพไม่ดี ขอให้กมธ.พิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง
"คนเหล่านี้มีนับล้านคนในสังคม แต่ถูกล้อมกรอบให้ต้องกดเก็บเอาไว้ไม่สามารถแสดงออกถึงศักยภาพได้อย่างเต็มที่สังคมจึงสูญเสียพลังไปมากมายที่ไม่ได้เปิดเผยออกมา" นายจรัญกล่าว
น.พ.ชูชัย ศุภวงษ์กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไหนที่มองความคนพวกนี้ผิดปรกติถือว่าล้าหลังอย่ายิ่ง เพราะประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้ปรับทัศนคติมาได้กว่า 30 ปีแล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่เข้าใจจะเห็นได้จากเวลาเกณฑ์ทหารจะระบุว่าคนพวกนี้เป็นโรคจิตถาวรประกอบอาชีพอื่นก็ไม่ได้ ทั้งที่เขาก็เป็นคนเหมือนเรา รัฐธรรมนูญต้องหาทางไม่ให้เขาถูกย่ำยีอีกต่อไป
สุพจน์ ไขมุกด์ขวางยัน รธน.รับรองแค่สองเพศ ถ้ามีเพศที่สามจะแก้กฎหมายอุตลุด
แต่นายสุพจน์ ไข่มุกด์กลับค้านว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องรับรองเฉพาะสองเพศเท่านั้นคือชายกับหญิง ถ้ามีเพศที่สามต้องแก้กฎหมายอื่นกันอุตลุด ทุกวันนี้เราได้ให้ความยุติธรรมกับคนเหล่านี้มากพอแล้วขอให้กรรมาธิการยืนยันว่าต้องรับรองแค่สองเพศเท่านั้นให้เป็นไปตามครรลองของธรรมชาติ
"ขอร้องว่าสังคมทุกวันนี้เบี่ยงเบนไปมากแล้วอย่าให้เพี้ยนไปมากกว่านี้ แม้ผมจะเห็นใจคนกลุ่มนี้แต่ก็อยากให้เขาเห็นใจส่วนรวมด้วย คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และมวลมนุษยชาติ ขอให้เข้าใจว่าพระเจ้ากำหนดธรรมชาติมาไว้ดีแล้วอย่าทำอะไรให้ผิดปรกติ" นายสุพจน์กล่าว
สมคิดสรุป กมธ.ไม่เห็นด้วย ยืนตามร่างเดิม เจิมศักดิ์โต้ กมธ.ตั้งธง จะไม่ร่วมมือ ส.ส.ร. หรือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเริ่มระอุมากขึ้น เมื่อนายสมคิดสรุปว่าที่ประชุมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยจึงขอให้ยืนตามร่างเดิม และขอให้ ส.ส.ร.ที่ไม่เห็นด้วยสงวนเอาไว้ไปอภิปรายในที่ประชุมใหญ่ แต่นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนฟังแล้วกมธ.ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับตนจึงขอให้กมธ.โหวตลงมติ นาย
แต่นาย
สุดจะทน ย้อนถาม กมธ. อยากให้ ส.ส.ร.รวมกลุ่ม 60 คน คว่ำทุกประเด็นหรือ
"ตอนนี้มี ส.ส.ร.หลายท่าน ทนไม่ไหวกับการทำงานของกมธ.ที่ไม่ฟังเสียง ส.ส.ร. มีความคิดว่าจะจับกลุ่มกัน 60 คนแล้วยกมือแปรญัตติทุกประเด็น ชนะตลอด แต่ผมบอกว่ายังไม่ถึงเวลา ขอให้ฟังเขาก่อนแล้วค่อยสงวนไว้ก่อน แต่ถ้าไม่ฟังกันอีกคืนนี้พวกผมก็รวมกลุ่มกัน 60 คน แล้วยกมือล้มทุกประเด็น จะเอาอย่างนั้นหรือ" นายเจิมศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายเจิมศักดิ์อภิปรายเสร็จสิ้น มี ส.ส.ร.หลายคนอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กมธ.ยกร่างฯอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่เห็นว่ากมธ.ยกร่างฯ ไม่สนใจความเห็นหรือข้อเสนอของ ส.ส.ร.เท่าที่ควร
จากนั้น นาย
นายสมคิด ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าในวันอังคารที่ 5 มิ.ย.จะเป็นกำหนดการประชุมร่วมกับ ส.ส.ร.ที่ขอแปรญัตติในกรอบ 2 ว่าด้วยสถาบันการเมือง อาทิ ระบบส.ส. หรือที่มา ส.ว.โดยจะเป็นการพิจารณาร่วมกันระหว่างกมธ.ยกร่างฯ กับ ส.ส.ร.
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)