Skip to main content
sharethis





ปัญหาการ ลดลงของพื้นที่ปาไม้ในประเทศไทย


คงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ไม่สามารถตอบได้ง่ายนักสำหรับกรมป่าไม้


เมื่อเปรียบเทียบกับงบฯที่มาจากภาษีอากรของประชาชนนับพันล้านบาท


เมื่อเปรียบเทียบกับความคาดหวังนับจากวัยสาวจนถึงวัยร่วงโรยของคนสูงศักดิ์


หากคำตอบคือ ความผิดพลาดเรื่องนโยบายการส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจ


หากคำตอบคือ ความผิดพลาดเรื่องนโยบายการจำแนกพื้นที่ป่าไม้กับที่ทำกินของรัฐ


หากคำตอบคือ การสมคบกันระหว่างนายทุน นักการเมืองและข้าราชการในการทำไม้


หรือการบุกเบิกที่แปลงใหญ่เพื่อทำธุรกิจต่างๆ


ก็คงจะเป็นคำตอบที่เป็นการลูบหน้าปะจมูกทั้งสิ้น


คำตอบสุดท้าย ที่จะต้องถูกต้องที่สุด ที่จะต้องยืนยันถึงความจำเป็นอย่างยิ่งยวด


ถึงการดำรงอยู่ของพวกเขา ก็คือ...........................................


 


 


ป่าไม้จับชาวบ้านหาหน่อไม้: ภาระกิจเพื่อชาติอันทรงเกียรติ......???


 


8 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 เวลา 10.00 น. ตัวแทนเครือข่ายองค์กรชาวบ้าน อ.ผาขาวและ อ.ภูกระดึง ประกอบด้วย เครือข่ายอนุรักษ์ภูค้อภูกระแต เครือข่ายอนุรักษ์ภูผาแดง เครือข่ายอนุรักษ์ภูผาน้อย สหกรณ์ผู้ใช้นำภูกระดึง สหกรณ์บ้านซำไคร้ อ.ผาขาว เครือข่ายศิลปะศิลปินพื้นบ้าน จ.เลย นำโดย นายหนูเกิด ทองนะ นายลำปาง บุญหนัก นายเอกราษฎร คำมุงคุณ ได้นำประชาชนผู้เดือดร้อนประมาณ 80 คนเข้าพบนายระพิสิทธิ์ พิมพ์พัฒน์ ปลัดอาวุโส อำเภอผาขาว จังหวัดเลย เนื่องจากกรณีเจ้าหน้าที่ป่าไม้แจ้งจับนายนายจำนงค์ อาจวงษ์ อายุ 49 ปีราษฎร บ้านห้วยลาดใต้ ต.ผาขาว อ.ผาขาว จ.เลยการแจ้งข้อหาบุกรุก ก่นสร้าง แผ้วถางและมีไม้ท่อนหวงห้ามไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาติ จากหน่วยรักษาป่าโนนภูทอง.


 


นาย ระพิสิทธิ์ ได้กล่าวกับผู้ชุมนุมว่าตนและนายอำเภอได้รู้สึกมีความเห็นใจราษฎรที่เดือดร้อนไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นอย่างยิ่ง แต่ทางอำเภอไม่มีความสามารถที่จะแก้ไขเนื่องจากหน่วยงานป่าไม้ที่แจ้งความดำเนินคดีขึ้นตรงต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่อย่างไรก็ตามอยากให้ผู้ต้องหาดำเนินการแก้ไขปัญหาทางกระบวนการยุติธรรมและยังได้แจ้งว่านายอำเภอไม่อยู่ เนื่องจากได้รับคำสั่งโยกย้ายไปปฏิบัติราชการในพื้นที่อื่น


 


นายจำนงค์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเพียงแค่เข้าไปหาหน่อไม้ในบริเวณนั้นมากินละขายเพื่อเลี้ยงชีพเท่านั้น ซึ่งทุกคนในชุมชนก็ทำเหมือนกันและที่ดินที่ตนเองถูกกล่าวหาว่าไปแผ้วถางครอบครองก็เป็นที่ทำกินเดิมของของคนในชุมชน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็รับรู้และพร้อมที่จะเป็นพยาน ตนเองได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้และเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาเพื่อจะได้จ่ายเงินเสียค่าปรับตามกฏหมายปัญหาจะได้ยุติปัญหาไป แต่ตนไม่สามารถยอมรับได้และขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาโดยยืนยันที่จะต่อสู้คดีต่อ เนื่องจากเห็นว่าตนไม่ได้มีความผิดตามข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และหากยอมรับสารภาพตามข้อกล่าวหาตนคงไม่มีเงินมาเสียค่าปรับ เนื่องจากเป็นข้อหาหนักและตนมีฐานะยากจน ต้องเลี้ยงบุตรถึง๓คนและมารดาอายุ 90 ปีที่ตาบอด


 


ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ผาขาว ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนไปให้นายอำเภอลงชื่อในฐานะหัวหน้าเจ้าพนักงานสอบสวน และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมเอกสารสำนวน ไปรับแจ้งข้อกล่าวหาที่ สำนักงานอัยการ จ.เลย


 


นายเลื่อน ศรีสุโพธิ์ ที่ปรึกษาเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน กล่าวว่าปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างที่ทำกินราษฎรกับพื้นที่ป่าเป็นปัญหาสั่งสมมาช้านานแล้ว และในแต่ละรัฐบาลที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยที่จะแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จ เมื่อเกิดกรณีพิพาทในแต่ละครั้งผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนก็คือประชาชนผู้ถูกกล่าวหา บางคนก็ถูกจำคุก บางคนต้องหนีคดีทิ้งครอบครัว บางคนก็ต้องขายไร่ขายนามาจ่ายค่าเช่าหลักทรัพย์ประกัน ค่าทนายค่าศาล ค่าใช้จ่ายต่างๆระหว่างสู้คดี และค่าปรับ ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐมีเงินเดือน เบี้ยเลี้ยงสวัสดิการและการจับกุมก็ยังถือเป็นผลงานการปฏิบัติหน้าที่ด้วย


 


ถ้าทางอำเภอมีความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจปัญหาของประชาชนจริงอย่างที่พูด ไม่ได้พูดเพียงแค่จะเอาใจประชาชน ปัญหาก็น่าที่จะยุติได้เนื่องจากมีพยานยืนยันว่า นายจำนงค์ เป็นผู้บริสุทธิ์ และนายอำเภอก็เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนอยู่แล้ว


 


นายหนูเกิด ทองนะ ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน กลุ่มจังหวัดเลย กล่าวว่าหลักแนวเขตไม่ชัดเจน กลไกคณะกรรมการร่วมระหว่างประชาชนกับภาครัฐการเจรจาเพื่อตรวจสอบพิสูจน์สิทธิในกรณีปัญหาป่าไม้ทับที่ทำกินก็ยังดำเนินการอยู่แต่ยังไม่มีความคืบหน้า แนวเขตก็ยังไม่มีความชัดเจน ในขณะเดียวกันรัฐบาลชุดนี้ก็ยังพยายาม ประกาศให้เป็นพื้นที่ที่มีกรณีพิพาทเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ซึ่งเป็นการทำให้ปัญหารุนแรงมากขึ้น ซึ่งสวนทางกับนโยบายที่รัฐบาลให้ไว้กับประชาชน


 


แม้ว่าผลของการเคลื่อนไหวของพวกเราครั้งนี้อาจจะไม่ได้รับการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ก็เป็นให้บทเรียนที่ทำให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาของเจ้าหน้าที่รัฐ ลดความคิดหวังพึ่งรัฐและเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือของพี่น้องประชาชนจากกลุ่มเครือข่ายองค์กรชาวบ้าน อำเภอผาขาว อำเภอหนองหินและอำเภอภูกระดึง ในการต่อสู้แก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน นายหนูเกิด กล่าวสรุปทิ้งท้าย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net