Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


"สนธิ" ชี้หากปชช.อยากเห็นคอร์รัปชั่นก็เลือก "ขั้วเก่า" - ลั่นไม่มีใครอยากได้รัฐบาลโกง 


มติชนออนไลน์ - พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ประธานคณะกรรมการการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ถึงการส่งเจ้าหน้าที่ ครส.ลงพื้นที่ว่า ขณะนี้อนุกรรมการด้านต่างๆ กำลังวางแผนอยู่ จากนั้นจะคุยกันภายใน 2-3 วันนี้ คิดว่าสัปดาห์หน้าพอเริ่มทำงานแล้ว ครส.และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คงได้คุยกันถึงกรอบการทำงานที่ชัดเจน ปกติเจ้าหน้าที่รัฐได้รับการแจ้งเบาะแสทุจริตมาทุกหน่วย แล้วก็นำข้อมูลส่วนใหญ่เข้ามาที่ ครส. ส่วนหนึ่งอาจตรงไปที่ กกต.จังหวัด หรือ กกต.ใหญ่


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนระบุว่ารัฐธรรมนูญเฮงซวย ให้ประชาชนเลือกข้าง พล.อ.สนธิกล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านประชามติของประชาชน ดังนั้น อย่าไปดูถูกว่าไม่ดี อย่าไปโทษรัฐธรรมนูญไม่ดี ต้องดูว่าตรงไหนไม่ดี จะเอาตามใจใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ต้องนึกถึงภาพส่วนรวมของคนทั้งประเทศ


 


เมื่อถามว่า นายสมัครชูประเด็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มอำนาจเก่ากับกลุ่มทหาร พล.อ.สนธิกล่าวว่า ประชาชนต้องนึกถึงจากวันนั้นถึงตอนนี้ ทหารไม่ใช่มาเป็นเผด็จการ แต่กำลังปราบเผด็จการเพื่อนำประชาธิปไตยมาคืนให้ประชาชน คิดว่าประชาชนทุกคนเข้าใจ


 


เมื่อถามอีกว่า หนักใจหรือไม่ที่พรรคพลังประชาชนใช้ยุทธศาสตร์หาเสียงว่า ถ้าเลือกพรรคคือการนำ 'ระบอบทักษิณ' กลับมา พล.อ.สนธิกล่าวว่า 'ถ้าเผื่อประชาชนอยากเห็นการคอร์รัปชั่นของประเทศก็คงตัดสินใจเอง เราต้องการให้ประเทศของเราปลอดจากการทุจริตมีความโปร่งใส ไม่มีประเทศไหนที่อยากได้รัฐบาลที่มีคนโกงเข้ามาบริหารประเทศเหมือนกันหมด ประชาชนเขาคงไม่คิดแบบนั้นหรอก แต่อาจจะมีคนเพียงกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งเท่านั้นเองที่เขาจะพูดถึงจุดตรงนี้


 


'เปรม' ให้เลือกคนดีบริหารชาติ - ไม่สนใจพรรคทะเลาะกัน


มติชนออนไลน์ - พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ภายหลังปิดโครงการ 'สานใจไทย สู่ใจใต้' รุ่นที่ 7 ถึงการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ ว่าแม้ไม่เกี่ยวกับการรณรงค์ให้คนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ก็ยากให้คนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันมากๆ


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลที่จะเลือกเข้ามาควรจะเป็นลักษณะใดหรือดีอย่างไร พล.อ.เปรมหยุดคิดก่อนกล่าวว่า 'ถ้าเราเลือกได้ก็ดี แต่ว่าเราเลือกไม่ได้ พวกเราก็ช่วยกันเลือกรัฐบาลที่เราคิดว่าจะดีที่สุด' เมื่อถามว่า จะแนะนำประชาชนอย่างไรว่าคนดีเป็นอย่างไรในการตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีในเวลานี้ พล.อ.เปรมกล่าวว่า คงบอกลำบาก เพราะไม่ค่อยได้รู้จักพวกที่อาสาเข้ามาดูแลบ้านเมือง คิดว่าสื่อน่าจะช่วยได้มาก แนะนำประชาชนว่าควรจะเลือกคนดีเข้ามาบริหารชาติบ้านเมือง


 


เมื่อถามว่า สภาวะบ้านเมืองขณะนี้ ยังคงไม่มีความไม่ลงรอยกันอยู่ โดยเฉพาะพรรคการเมืองยังทะเลาะเบาะแว้งกัน พล.อ.เปรมกล่าวว่า 'ลงรอยไม่ลงรอย ผมไม่ค่อยได้ให้ความสนใจเท่าไหร่ ได้แต่ภาวนาขอให้เขาเลือกคนดีเข้ามา' เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงพรรคการเมืองบ้าง พล.อ.เปรมกล่าวว่า 'ผมคงไม่ทำถึงขนาดไปบอกพรรคการเมือง แต่ผมคิดว่าพวกเราคนไทย ควรจะเลือกคนดี' เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าพรรคการเมืองเก่า นักการเมืองเก่า อาจทำให้การเมืองกลับไปเป็นแบบเก่าๆ พล.อ.เปรมตอบว่า 'ผมพยากรณ์ไม่เป็นนะ'


 


โพลล์รามชี้ ปชป.มาแรงสุด


แนวหน้า - วานนี้ (10 พ.ย.) ดร.อรัสธรรม พรหมมะ หัวหน้าภาควิชาบริหารรัฐกิจ คณะรัฐศาสตร์ ประธานคณะกรรมการศูนย์ประชามติ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดเผยว่า ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนใน กทม.จำนวน 1,161 คน เมื่อเร็วๆ นี้ ในหัวข้อ "ความเชื่อเรื่องตัวเลขกับความรู้ด้านการเลือกตั้ง" เพื่อศึกษาวิธีการเรียนรู้และรับรู้ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย



ผลการสำรวจพบว่าในเรื่องความรู้ด้านการเลือกตั้ง ร้อยละ 91.0 ทราบอย่างถูกต้องว่าวันที่ 23 ธันวาคม 2550 เป็นวันเลือกตั้ง


 


นอกจากนี้ร้อยละ 70.9 จะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ร้อยละ 23.8 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 1.8 ไม่ไป และร้อยละ 3.5 ไม่ตอบ ทั้งนี้ข่าวสารที่ประชาชนติดตามเรียงลำดับการสนใจ คือโทรทัศน์,หนังสือพิมพ์,อินเตอร์เน็ต,เอกสารราชการที่ส่งไปถึงบ้าน,ป้ายหาเสียงฯลฯ ซึ่งหลังจากที่มีการจับหมายเลขประจำพรรคการเมืองแล้ว ร้อยละ 50.6 ทราบหมายเลขพรรคการเมืองที่ตนชื่นชอบ ร้อยละ 33.6 ไม่ทราบ ร้อยละ 12.7 ไม่ชอบพรรคการเมืองใดจึงไม่สนใจว่าจะได้หมายเลขใด


 


เมื่อถามว่าพรรคการเมืองใดที่ชื่นชอบมากที่สุดในปัจจุบัน ปรากฎว่าร้อยละ 52.0 ชอบพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 13.5 ชอบพรรคพลังประชาชน ร้อยละ 4.1 ชอบพรรคชาติไทย ร้อยละ 1.8 ชอบพรรคมัชฌิมาธิปไตย ร้อยละ 0.8 ชอบพรรคเพื่อแผ่นดิน เท่ากับที่ชอบพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ร้อยละ 19.9 ไม่ชอบพรรคใดเลย และร้อยละ 7.0 ไม่มีความเห็น


 


 






เศรษฐกิจ


 


น้ำมันแพง "เจ๊เกียว" เตรียมปรับค่ารถ รัฐไม่อนุมัติจะสั่งลดเที่ยว


เว็บไซต์ข่าวสด - เมื่อวันที่ 9 พ.ย. นางสุจินดา เชิดชัย หรือ "เจ๊เกียว" นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ภาวะราคาน้ำมันดีเซลได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนใกล้จะแตะราคาลิตรละ 30 บาทนั้น ทางสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารแห่งประเทศไทยเราจะหาทางลดเที่ยววิ่งลงทุกสายทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามสมาคมจะประชุมร่วมกันในการหาทางออกเรื่องดังกล่าวภายใน 2-3 วันนี้ สำหรับรถทัวร์สายนครราชสีมา-กรุงเทพฯ จะลดเที่ยววิ่งอย่างไรยังตอบไม่ได้ ขอเวลาประชุมหารือกันก่อน


ต่อข้อถามถึงจะการปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร นางสุจินดา กล่าวตอบว่า เมื่อน้ำมันดีเซลปรับขึ้นราคาอีกเราก็ต้องคิดต้นทุนกันใหม่อีก แต่ขณะนี้อาจจะมีการปรับลดเที่ยววิ่งลงจากเดิม หรืออาจจะเสนอขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสารจากกรมการขนส่งทางบกเพิ่มอีก ขณะนี้ทางสมาคมกำลังพิจารณาเรื่องค่าโดยสารที่อาจจะขอปรับขึ้น แต่ทั้งนี้ทางสมาคมคงจะไม่เคลื่อนไหวกดดันใครทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการหยุดเดินรถ หรือไปกดดันในเรื่องต่างๆ เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้กำลังเข้าสู่ในช่วงของการเลือกตั้งและการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่จ.นครราชสีมา ตนก็อยากขอให้น้ำมันขึ้นไปจนเต็มที่เลย


 


นางสุจินดา กล่าวอีกว่า ทางสมาคมมั่นใจว่าน้ำมันดีเซลจะขยับราคาขึ้นไปแตะที่ราคาลิตรละ 30 บาทอย่างแน่นอน ตนยอมรับว่าการเดินรถของเราประสบภาวะขาดทุนมาก แต่ถึงอย่างไรคงต้องฝากไปยังพี่น้องประชาชนว่า การจะดำเนินการทำอะไรลงไปทางสมาคมจะหาทางออกให้ดีที่สุด เพื่อผลประโยชน์ของผู้โดยสารเป็นหลัก ซึ่งต้องให้ทางรัฐบาลหาทางช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนด้วย โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือเรื่องค่าน้ำมัน


 


ทองรูปพรรณวันนี้บาทละ 13,350 บาท


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - ราคาทองคำประจำวันที่ 10 พ.ย. 2550 ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่งรับซื้อบาทละ13,250 ขายออกบาทละ 13,350 ราคาทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 13,052ขายออกบาทละ 13,750 บาท


 






คุณภาพชีวิต


 


แม่สูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์เพิ่มความเสี่ยงลูกเป็นเด็กอ้วน 


มติชนออนไลน์ - นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าววานนี้ (10 พ.ย. 50) ว่า การสูบบุหรี่ของมารดาจะทำให้เด็กในครรภ์ได้รับออกซิเจนน้อยลง เพราะนิโคตินในควันบุหรี่ทำให้เส้นเลือดของทารกหดตัว ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงทารกลดลง ทารกจึงได้รับอาหารและออกซิเจนน้อย และจากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า ทารกที่คลอดจากมารดาที่สูบบุหรี่ จะมีน้ำหนักน้อยกว่าทารกที่คลอดจากมารดาที่ไม่ได้สูบบุหรี่ประมาณ 2 ขีด


 


นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า มีรายงานการศึกษาล่าสุดของ ศ.เซนตาโร ยามากาตาและคณะแห่งคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเตรียมเผยแพร่ลงวารสารทางการแพทย์สหรัฐอเมริกาช่วงเดือนธันวาคมนี้ ได้ศึกษาโดยการติดตามผู้หญิงญี่ปุ่น 1,000 คน ตั้งแต่คลอดจนกระทั่งเด็กมีอายุ 9 - 10 ขวบ พบว่า การสูบบุหรี่ของมารดา แม้เพียงแต่ในระยะแรกของการตั้งครรภ์ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กในระยะยาว โดยสันนิษฐานว่าการสูบบุหรี่ของแม่ทำให้เด็กในครรภ์ขาดอาหาร ซึ่งการขาดอาหารระหว่างอยู่ในครรภ์ ทำให้เด็กกินมากขึ้นหลังคลอด และทำให้อ้วนตอนโตขึ้น


 


นพ.ประกิต กล่าวอีกว่า เด็กที่คลอดจากมารดาที่มักไม่กินอาหารเช้าจะมีโอกาสเป็นเด็กอ้วน 2.4 เท่าของเด็กที่มารดากินอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น ขอแนะนำให้วัยรุ่นหญิงอย่าทดลองสูบบุหรี่ เพราะผู้หญิงที่ติดบุหรี่มักจะเลิกยากกว่าผู้ชาย แม้จะตั้งครรภ์และอยากจะเลิกสูบก็ตาม


 


จีนงดส่งออกของเล่นอีกหลังพบเด็กกลืน "ลูกปัด" เปื้อนสารพิษอาการโคม่า! 


มติชนออนไลน์ - สำนักข่าวซินหัว ของประเทศจีนรายงานว่า ทางการจีนสั่งระงับการส่งออกของเล่นประเภทลูกปัดชื่อ'Aqua Dots' ที่มีส่วนผสมเจือปนสารเคมีและสามารถทำอันตรายต่อรายกายเด็ก เพราะหากกลืนของเล่นเข้าไป ทั้งนี้ทางการจีนได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบหาสาเหตุของการปนเปื้อนดังกล่าวอย่างเร่งด่วนแล้วแต่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อบริษัทผู้ผลิตของเล่นดังกล่าวแต่อย่างใด


 


นายสก๊อตต์ วูลฟ์สัน โฆษกคณะกรรมการควบคุมความปลอดภัยของสินค้าเพื่อผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกาหรือ ซีพีเอสซี กล่าวว่า ของเล่นดังกล่าวได้รับความนิยเป็นอย่างมากในประเทศ ก่อนนักวิทยาศาสตร์จะพบว่าของเล่นเหล่านี้ปนเปื้อนสารเคมี ที่อาจกลายเป็นสารพิษ หากดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย


 


ทางด้านตัวแทนจากคณะกรรมการด้านความปลอดภัย ในสหรัฐฯ กล่าวว่าในระยะนี้ ได้รับรายงานว่า มีเด็กจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการเผลอกลืนลูกปัดลงไป อาทิ เด็กอายุเกือบ 2 ขวบรายหนึ่ง ได้กลืนลูกปัดปนเปื้อนสารพิษเหล่านี้เข้าไปเป็นจำนวนมาก จนทำให้เขาหน้ามืดและอาเจียนไม่หยุด ก่อนเป็นลมหมดสติในที่สุด นอกจากนี้ยังมีเด็กอาการโคม่าอีกราย ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนาน 5 วัน


 


 






ต่างประเทศ


 


ตร.อิตาลีจับหน.มาเฟียใหญ่ซิซิลี ตะลึงเจอกฎเหล็ก 'บัญญัติ 10 ประการ' 


มติชนออนไลน์ - สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอิตาลีได้พบบัญญัติ 10 ประการของมาเฟีย ระหว่างการเข้าจับกุมนายโล พิคโคโล หัวหน้าแก๊งมาเฟียซิซิลีคนใหม่ หลังจากที่ได้หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจนานถึง 2 ปีเต็ม โดยเชื่อว่าเป็นกฎระเบียบที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อเป็น 'คำแนะนำสำหรับการเป็นสมาชิกแก๊งที่ดี'


 


ทั้งนี้ ข้อกำหนดดังกล่าวคราบคลุมถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ความถี่ในการเข้าสังสรรค์ในร้านเหล้า และระบุว่าชัดเจนว่า สมาชิกทุกคนต้องปฏิบัติต่อภรรยาด้วยการให้เกียรติ ดังนั้น กฎจึงกำหนดวิธีมองภรรยาของเพื่อนมาเพียด้วย นอกจากนี้ ยังรวมถึงกฎต่างๆ ที่ไม่คาดคิดว่าจะมี เช่น การห้ามเป็นเพื่อนกับตำรวจ การตรงต่อเวลาเมื่อมีนัด และการใช้จ่ายอย่างประหยัด หากเงินนั้นเป็นของสมาชิกแก๊งอื่น


 


แต่แม้ว่าภรรยาของสมาชิกมาเฟียทุกคนต้องได้รับการให้เกียรติ พวกเธอก็ไม่ควรคาดหวังว่า ระหว่างที่พวกเธอท้องหรือกำลังคลอดบุตร สามีของพวกเธอจะคอยอยู่เคียงข้าง เพราะกฎระบุชัดเจนว่า สมาชิกทุกคนต้องเตรียมพร้อมเสมอสำหรับการทำหน้าที่ แม้ว่าภรรยาของคุณกำลังจะคลอดลูก


 


ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจอิตาลี กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวจะช่วยให้ตำรวจเข้าใจวิธีการปฏิบัติงานของแก๊งมาเฟียมากขึ้น เพราะนอกจากจะระบุถึงกฎระเบียบต่างๆ แล้ว เอกสารยังระบุถึงเครื่อข่ายการทำงาน และสายการบังคับบัญชาขององค์กรมาเพียอีกด้วย


 


สำหรับรายละเอียดของ บัญญัติ 10 ประการของสมาชิกแก๊งมาเฟียอิตาลี มีดังนี้


 


1.ไม่มีใครสามารถติดต่อพบปะตัวสมาชิกแก๊งโดยตรงได้ ต้องให้บุคคลที่สามเป็นผู้นำผู้ที่ต้องการเข้าพบมาเจอกับสมาชิกแก๊งเสมอ


 


2. ห้ามมองภรรยาของเพื่อนสมาชิก


 


3. ห้ามมีความสัมพันธ์กับตำรวจ


 


4. ห้ามไปผับและคลับบันเทิง


 


5. ต้องเตรียมพร้อมเสมอสำหรับการทำหน้าที่ แม้ว่าภรรยาใกล้จะคลอดลูก


 


6. ต้องไปตรงเวลานัดทุกครั้ง


 


7. ต้องปฏิบัติต่อภรรยาด้วยการให้เกียรติ


 


8. เมื่อถูกถาม ต้องตอบความจริงเท่านั้น


 


9. ไม่ควรใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย หากเงินนั้นเป็นของเพื่อนสมาชิกหรือเป็นของครอบครัวเพื่อนสมาชิก


 


10.บุคคลที่ไม่สามารถร่วมแก๊ง ได้แก่ ผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตำรวจ ผู้ที่ประพฤติตัวแย่และไม่เคารพศีลธรรม และผู้ที่มีญาติซึ่งคบชู้สู่ชายในครอบครัว


 


คอมมิวนิสต์จีนเปลี่ยนผู้บริหาร'ฮ่องกง-มาเก๊า'แล้ว 


มติชนออนไลน์ - รายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนแต่งตั้งนายซี จิน ผิง นักการเมืองรุ่นใหม่ของประเทศจีน เป็นผู้บริหารกิจการฮ่องกงและมาเก๊า ทั้งนี้ นายซี จิน ผิง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น 1 ในคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในการประชุมใหญ่ของพรรคครั้งที่ผ่านมา และได้ถูกคาดหมายว่าจะเป็นตัวเก็งที่จะได้สืบทอดอำนาจต่อจากนายหู จิน เทา ประธานาธิบดีแห่งประเทศจีน ซึ่งจะเกษียณอายุในปี 2555


 


รายงานข่าวระบุว่า นายซี จิน ผิง ได้รับตำแหน่งผู้บริหารกิจการฮ่องกงและมาเก๊าต่อจาก นายเจิง ฉิง หวง รองประธานาธิบดีประเทศจีน ซึ่งเคยกำกับและดูแลการส่งมอบฮ่องกงและมาเก๊าคืนสู่การปกครองประเทศจีนเมื่อปี 1990

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net