Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


"ป๋าเปรม" รณรงค์การเลือกตั้งแนะใช้สิทธิให้มาก-เลือกคนดี


เว็บไซต์คมชัดลึก - วานนี้ (20 ธ.ค.) พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวเชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 23 ธันวาคม ว่า การเลือกตั้งนั้น นอกจากจะเป็นหน้าที่แล้ว ก็เป็นเรื่องของคนไทยทุกคนที่จะต้องให้ความสนใจ ถ้าไปเลือกตั้งมากๆ ก็คิดว่าดีกว่าไปน้อย ก็ควรไปกันให้มากๆ


 


ส่วนสถานการณ์บ้านเมืองหลังการเลือกตั้งจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ พล.อ.เปรม ปฏิเสธที่จะออกความเห็นเรื่องนี้ บอกเพียงว่า "ไม่ทราบ เดาไม่เป็น"


 


ผู้สื่อข่าวถามถึงคนดีที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ในสายตาของ พล.อ.เปรม ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร พล.อ.เปรม กล่าวว่า คนดีก็ชัดเจนอยู่แล้ว มันเป็นคำกว้างๆ ที่เราเข้าใจกันดี จะจำกัดลงไปว่าคนดีต้องเป็นอย่างไรมันยากมาก แต่ถ้าเราพูดว่า "คนดี" ทุกคนก็เข้าใจ และหลังเลือกตั้งทุกคนก็ต้องยอมรับ มันเป็นกติกา ต้องยอมรับกติกา


 


พล.อ.เปรม ยังปฏิเสธจะออกความเห็นกรณีหากผลการเลือกตั้งออกมาว่า พรรคพลังประชาชนได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และนายสมัคร สุนทรเวช ได้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า ตนไม่ไปไกลขนาดนั้น


 


ต่อข้อถามว่า ห่วงประเทศชาติหรือไม่ หลังผ่านมา 1 ปีแล้ว พล.อ.เปรม กล่าวว่า ต้องนึกถึงพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้มากๆ แล้วนำไปปฏิบัติกัน


 


"มาร์ค"อัด"สมัคร"ย้อนถามใครดูถูกคนอีสานกันแน่


เว็บไซต์คมชัดลึก - ช่วงบ่ายของวันที่ 20 ธันวาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงในภาคอีสาน ตั้งแต่ จ.อำนาจเจริญ ยโสธร และอุบลราชธานี ซึ่งได้ขึ้นรถแห่ พร้อมทั้งได้ปราศรัยย่อยในพื้นที่ต่างๆ โดยได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก โดยที่ จ.อำนาจเจริญ มีประชาชนรุมล้อมจำนวนมาก ประกอบกับอากาศที่ร้อน ทำให้นายอภิสิทธิ์ถึงกับหน้าซีด


 


จากนั้นเวลา 19.00 น. นายอภิสิทธิ์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี จ.อุบลราชธานี ท่ามกลางประชาชนนับหมื่นคน โดยนายอภิสิทธิ์ขอโอกาสคนอีสาน ให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้กลับประเทศหรือไม่ หรือเกี่ยวกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าใครหลงเชื่อเข้าคูหากากบาทให้พรรคพลังประชาชน เพียงเพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา ตื่นขึ้นมาในวันที่ 24 ธ.ค. ก็จะพบว่าได้นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นนายกฯ 4 ปี


 


"การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับ คมช. หรือคุณทักษิณ แต่เกี่ยวกับนายสมัคร กับนายอภิสิทธิ์ พีเน็ตได้เชิญให้ไปดีเบตร่วมกัน แต่คุณสมัครก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลเดิม คุณสมัครไม่ได้หนีความหล่อ แต่หนีความจริง" นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า


 


เวลาที่นายสมัครเรียกประชุมผู้สมัครของพรรคพลังประชาชนในภาคอีสาน ก็บอกว่าให้ไปบอกกับประชาชนเลยว่า ไม่ต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะดูถูกคนอีสาน ตนบอกได้เลยว่า ตนมาภาคอีสานบ่อยกว่านายสมัครอีก ไม่ใช่การเลือกตั้งก็มา เพราะตนและพรรคประชาธิปัตย์ สนใจปัญหาและความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวอีสาน เพื่อจัดทำเป็นวาระประชาชน


 


"วันที่คุณสมัครเป็นผู้ว่า กทม. ซึ่งชาวอีสานได้ตั้งเต็นท์ปักหลักประท้วงรัฐบาลทักษิณ อยู่ที่ กทม. แต่ทางรัฐบาลต้องการที่จะสลายม๊อบ คุณสมัครเลยอาสาจะสลายม๊อบ โดยสั่งรื้อเต็นท์ และขับไล่คนอีสาน ทั้งที่คนอีสานอ้อนวอน จนต้องไปกราบของร้อง แต่คุณสมัครยังเดินหน้ารื้อเต็นท์ แถมยังด่าทอ คุณสมัครมาขึ้นเวทีตรงนี้ จะได้รู้ว่าหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ดูถูกคนอีสานอย่างไร" นายอภิสิทธิ์ กล่าว


 


"สุเทพ" ลั่นหากเด็กปชป.เอี่ยวเงินเพชรบูรณ์ฟันทิ้งทันที


ไอเอ็นเอ็น/ไทยรัฐ - เมื่อที่ 19 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ นำหมายศาลเข้าตรวจสอบบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งใน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ของนางดวงใจ ยศกันโห ภายหลังได้รับแจ้งว่า บริษัทก่อสร้างดังกล่าวจัดเตรียมเงินไว้ใช้ซื้อเสียงจากชาวบ้าน ตรวจค้นพบเงินสดจำนวน 1,361,400 บาท บรรจุอยู่ในกล่องกระดาษจำนวน 2 กล่อง ภายในพบธนบัตรใบละ 1,000 บาท  500 บาท และ 100 บาท ถูกห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ แยกไว้เป็นปึกๆ พร้อมรายชื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่ง  พ.ต.อ.ธนากร รุ่งขจรกลิ่น ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหล่มเก่า กล่าวว่า ต้องยึดเงินสดดังกล่าวไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม หากพบว่าไม่ใช่เงินที่ใช้สำหรับซื้อเสียงจะคืนเจ้าของต่อไป


 


นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเองอยู่ระหว่างเดินสายหาเสียงยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่หากพบว่ามีผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์กระทำความผิดก็จะตัดเชือกทิ้งทันที เพราะพรรคเน้นย้ำเรื่องการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งมาตลอด


 


ขณะที่มีรายงานความคืบหน้าการจับกุมกรณีดังกล่าวว่า จากการสอบสวน นางดวงใจ ยศกันโท ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านได้ให้การว่ามีผู้นำกล่องกระดาษมาฝากไว้โดยไม่ทราบว่าภายในมีเงินบรรจุอยู่แต่อย่างใด


 


"สมัคร" ปราศรัยขอคะแนนแท็กซี่ ลั่นสานต่อโครงการแท็กซี่เอื้ออาทร


เว็บไซต์เดลินิวส์ - ที่วัดบำเพ็ญเหนือ เสรีไทย 60 นายสมัคร สุนทรเวช  หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ลงพื้นที่พร้อมกับปราศรัยกับกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ที่ช่วยหาเสียงให้กับนายวิชาญ มีนชัยนันท์ นายดนุพร ปุณณกันต์ และนางมงคล กิมสูนจันทร์ ผู้สมัครเขต7 กทม.พรรคพลังประชาชน โดยมีผู้ให้ความสนใจรับฟังกว่า 300 คน ทั้งนี้เมื่อนายสมัครเดินทางมาถึงกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ได้ตั้งแถวรอรับพร้อมกับปรบมือ ขณะที่บางคนตะโกนเชียร์"นายกฯของเรามาแล้ว" นอกจากนี้บริเวณที่มีการปราศรัยปรากฎว่ามีผู้สับสนุนพรรคได้นำวีซีดี "เปิดใจทักษิณ ทุกคำถามมีคำตอบที่นี่ที่เดียว" ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณที่เคยออกอากาศทางสถานี Mv Tv news ให้กับผู้เข้าร่วมฟังปราศรัยถึงจำนวน 3 กล่องใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการแจกจ่ายสติ๊กเกอร์พรรคพลังประชาชน ชมรมคนรักทักษิณ รวมถึงใบปลิว "ช่วยกันหาความเลวของทักษิณสักครั้งเถอะ"


 


นายสมัคร ให้สัมภาษณ์ก่อนปราศรัยถึงความมั่นใจในช่วงโค้งสุดท้ายว่า ถ้าไม่มีข่าวร้ายออกมาปั่นป่วน ก็คงไม่มีปัญหา และคิดว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ก็ได้แสดงความเข้มแข็งอย่างยิ่ง แม้จะมีการยื่นเรื่องให้ศาลปกครองบอกให้การเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่15-16ธ.ค.เป็นโมฆะ ซึ่งศาลก็บอกว่าจะขอดูก่อน ส่วนกกต.ก็ยืนยันว่าทำถูกต้องพร้อมทั้งบอกว่าการเลือกตั้งจะต้องมีต่อไปตนก็สบายใจไม่มีปัญหา ส่วนที่มีการถามว่าการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคพลังประชาชนจะได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งนั้นตนคงจะไปตอบอย่างนั้นไม่ได้ เพราะดี๋ยวจะมีคนหมั่นไส้


 


เมื่อถามว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศชัดเจนว่าจะตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคชาติไทย นายสมัครกล่าวว่า เป็นสิทธิที่ทำได้แต่ไม่ควรพูดก่อน ส่วนพรรคพลังประชาชนจะจับมือพรรคไหน เราก็มองไว้ทุกพรรคแต่รอให้เลือกตั้งเสร็จก่อน  อย่างไรก็ดีมั่นใจว่าพรรคพลังประชาชนคงจะไม่โดดเดี่ยวเพราะเห็นอยู่แล้วถ้าพรรคถูกโดดเดี่ยวหมายถึงไม่มีคะแนน คะแนนดีแล้วจะกลัวโดดเดี่ยวไปทำไม คนที่ลงคะแนนยิ่งไม่กลัวโดดเดี่ยว แล้วพรรคการเมืองจะมากลัวโดดเดี่ยวได้อย่างไร


 


เมื่อถามถึงการเจรจาการจัดตั้งรัฐบาล นายสมัครกล่าวว่าตนจะเป็นผู้เจรจาความเอง เพระว่ารู้จักทุกพรรคทุกคนอยู่แล้ว ส่วนกระแสข่าว ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เจรจากับ พล.ต.สนั่น  ขจรประศาสตร์นั้น ขอยืนยันว่าการเจรจาตนจะเป็นคนเจรจาเอง


 


 นายสมัครยังกล่าวถึงกรณี คตส.ออกสมุดปกเหลือง เกี่ยวกับการบริหารประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในหลายประเด็นว่า เป็นเพียงข้อกล่าวหาเท่านั้น คดียังไม่ถึงศาล การกล่าวหาก็สามารถพูดได้ แต่ถ้าตนออกมาหนังสืออีกซักเล่มว่าคตส.ทำอะไรบกพร่องได้ไหม ตนเชื่อว่าคตส.มีจุดประสค์ต้องการเอาคนที่ถูกกล่าวหาให้บรรลัยวายวอดอยู่แล้ว แต่คงไม่กระทบต่อการเลือกตั้ง เพราะประชาชนรู้อยู่แล้วว่าคตส.คิดอย่างไร


 


"เรื่องนี้ถ้าส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงเลือกตั้ง ถ้าเราไปฟ้องกกต. กกต.ก็ต้องบอกว่าคตส.มีภูมิคุ้มกัน  แต่คิดจริงๆแล้วมันถูกต้องไหม เขามีสิทธิทำหรือไม่ เพระว่าทำให้เสียหายมันถูกต้องไหม ตกลงคตส.มีสิทธิพิเศษหรือ หรือถ้าคตส.คิดอย่างคนธรรมดาก็ไม่ควรจะแสดงอะไรต่างๆออกมา แต่คตส.มีจิตคิดร้ายต่อคนที่คตส.ต้องการจะให้ร้าย"นายสมัครกล่าว


 


สำหรับกรณีที่คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา คตส.ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าถูกข่มขู่ นายสมัครกล่าวว่า แล้วมันได้ประโยชน์อะไร ที่ออกมาพูดตอนนี้ ไม่มีเหตุผล ล่อเขามาตั้งนาน ทำไมเพิ่งมากลัวเอาป่านนี้ มาข่มขู่ตอนนี้จะได้ประโยชน์อะไร เมื่อถามถึงกรณีครป.ออกมาระบุว่าจะเคลื่อนไหวหากมีการออกกฎหมายฟอกพ.ต.ท.ทักษิณ และออกกฎหมายนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111คน นายสมัคร ย้อนถามอย่างมีอารมณ์ว่า "เขาเป็นศาลหรือ เขาเป็นพ่อคนทั้งเมืองหรืออย่างไ ถ้าเขาทำอย่างนั้นเขาเป็นพ่อคนทั้งประเทศไทย เขาสั่งได้หรือ ไม่เข้าท่า"


 


ถามอีกว่าจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า  อย่าพูดดักหน้าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน แต่ใครแสดงอะไรออกมาก็ทำให้รู้ว่าคิดอย่างไร ต่อไปกฎหมายจะต้องเป็นกฎหมาย บ้านเมืองปกครองด้วยกฎหมาย เรื่องนี้ไม่ต้องมาถามอีก ขอให้มีสิทธิเข้าไปทำหน้าที่ก่อน ถ้ามีโอกาสเข้าไปบริหารบ้านเมืองเราก็จะทำตามที่สัญญาไว้


 


จากนั้นนายสมัครได้กล่าวปตราศรัย ต่อผู้ขับรถแท็กซี่บนศาลาการเปรียญวัดบำเพ็ญเหนือ ตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ บริหารประเทศพร้อมทำโครงการต่างๆสำเร็จมากมายอาทิ กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารเอสเอ็มอี บัตรใบเดียวรักษาทุกโรค รวมทั้งโครงการแท็กซี่เอื้ออาทร จากเดิมผู้ขับแท็กซี่เจ้าของอู่ก็กินค่าเช่าไป แต่อดีตนายกฯได้ทำโครงการให้กู้ได้เต็ม100% ให้ผ่อนชำระเพียง400กว่าบาทต่อเดือน คนขับก็มีรถเป็นของตัวเอง อันที่จริงตนเดินทางไปปราศรัย กกต.เขาห้ามไม่ให้พูดสัญญาว่าจะให้ แต่เชื่อว่าถ้าได้เป็นในรัฐบาลเดินหน้าต่อไปได้เลยไม่มีปัญหาเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ของยาก สิ่งที่นายกฯคนเก่าทำอาจยังไม่ครบแต่เรื่องนี้สามารถนำมาต่อได้เลยในรัฐบาลหน้า การปฏิวัติทำให้บ้านเมืองเสียหาย เศรษฐกิจแย่ รายได้พวกเราหายไปกว่าครึ่ง และการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นยาวิเศษให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น ซึ่งการปฏิวัติทำให้ชื่อเสียงท่านเสียหาย


 


นายสมัครกล่าวอีกว่า การเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผ่านมาตนรู้มาว่ามีพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่งทำโพลล์สำรวจคะแนนตัวเองและพบว่าในพื้นที่กทม.กลับเหลือเพียง13ที่นั่ง ก็เลยเดือดร้อนถึงคนเก็บหีบบัตรเรียกคนเฝ้าหีบบัตรมา สิ่งนี้ที่รู้มาจึงอยากออกมาพูดมาเตือนให้ระวังกัน ทั้งนี้ข้อเสนอของตนคือการเลือกตั้งล่วงหน้าก็อยากให้กกต.ประกาศออกมาเลยว่าแต่ละพื้นที่ใครเลือกใครได้คะแนนเท่าไหร่


 


คุก "บ.ก.ผู้จัดการ" หมิ่นอดีตอธิบดี


เว็บไซต์มติชน - เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลพิพากษาจำคุกนายขุนทอง ลอเสรีวนิช บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน จำเลยที่ 2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ เป็นเวลา 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ และพิพากษาปรับบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 1 ในความผิดฐานเดียวกัน เป็นเงิน 100,000 บาท


 


คดีนี้นายดำรง พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 5 ตุลาคม 2545 - 6 ตุลาคม 2549 จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันเสนอข่าวผ่านทาง หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ว่า ขณะที่โจทก์ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เคยถูกตั้งกรรมการสอบสวนถึง 2 ครั้ง เนื่องจากไปสนับสนุนการนำเอาที่ดินโครงการพระราชดำริ "ต้นน้ำแม่สะลอง" ไปออกโฉนดขายนายทุน ซึ่งการเสนอข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามความผิด จำเลยให้การปฏิเสธ


 


ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนาลงข้อความเพื่อใส่ความโจทก์ให้ผู้ที่อ่านเข้าใจว่า โจทก์เป็นคนไม่ดี ซึ่งเป็นความเท็จ ทำให้โจทก์เสียหายถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จำเลยที่ 1 เป็นผู้ดำเนินกิจการหนังสือพิมพ์จำต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น และจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับผิดชอบในการลงข้อความในหนังสือพิมพ์ จึงมีความผิดตามฟ้องพิพากษาดังกล่าว


 


ภายหลังฟังคำพิพากษา นายขุนทองได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินมูลค่า 600,000 บาท ขอประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวไปในระหว่างอุทธรณ์ โดยตีราคาประกัน 50,000 บาท


 


เลือกตั้งล่วงหน้าไม่โมฆะ สั่งจำหน่ายคดี
แนวหน้า - ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งแล้วเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ไม่รับคำฟ้องของนายสราวุธ ทองเพ็ญ เลขาฯพรรคความหวังใหม่ ผู้สมัครส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 3 ที่ร้องขอให้การเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อ 15-16 ธันวาคมที่ผ่านมาเป็นโมฆะ โดยศาลให้จำหน่ายคดีนี้ออกจากสารบบ


 


"คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกา ดังนั้นศาลปกครองสูงสุดจึงไม่อาจรับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาได้ จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ"นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ซึ่งเป็นตุลาการเจ้าของสำนวนกล่าว


 


คดีนี้ทั้ง 3 ผู้ร้องได้ยื่นศาลปกครองเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมาโดยระบุว่า กกต.ไม่มีอำนาจในการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า และยังขอให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อยุติกระบวนการจัดการเลือกตั้งทั้งหมดที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ไว้ก่อนด้วย


 


อย่างไรก็ตามในวันเดียวกัน นายสุรศักดิ์ หมื่นนาอาน ผู้สมัครเลือกตั้งส.ส.กทม.เขต 7 กทม. พรรคมัฌชิมาธิปไตย ก็ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสูงสุด ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งล่วงหน้าในเขต 6 และเขต 7 กทม.และขอให้ไต่สวนฉุกเฉินเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว โดยระงับการนับคะแนนในการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 15-16 ธันวาคมของเขตเลือกตั้งที่ 6-7 กทม.ไว้ก่อน ทั้งนี้โดยระบุว่า การจัดเลือกตั้งล่วงหน้าดังกล่าวเป็นไปโดยมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ


 


 






คุณภาพชีวิต


 


พบ 1 ใน 4 ของแปรงสีฟันไร้คุณภาพ


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - วานนี้ (20 ธ.ค.) นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา กล่าวในการแถลงข่าว แปรงสีฟัน ติดดาวว่า กรมอนามัยเฝ้าระวังติดตามคุณภาพแปรงสีฟันที่จำหน่ายในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2541 ซึ่งผลการสำรวจครั้งล่าสุด ปี 2550 โดยเก็บตัวอย่างแปรงสีฟันทั้งที่ผลิตในประเทศและต่างประเทศทั้งหมด 67 ยี่ห้อ 273 รุ่น โดยมีราคาตั้งแต่ 3.50 บาท ถึง 99 บาท ซึ่งราคาของแปรงสีฟันไม่ได้บ่งชี้คุณภาพที่ดี เนื่องจากเมือนำมาตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการพบว่า ทุก 1 ใน 4 รุ่นของแปรงสีฟันที่จำหน่ายในท้องตลาดเป็นแปรงด้อยคุณภาพ โดยปัญหาที่พบมากที่สุด คือ ขนแปรงแข็ง ไม่ผ่านการมนปลาย หัวแปรงมีขนาดใหญ่เกินไป ขนแปรงหลุดร่วงง่าย เนื่องจากการยึดแน่นของกระจุกขนแปรงไม่เพียงพอ และหากแปรงสีฟันไม่ถูกวิธีด้วยก็จะยิ่งเป็นอันตรายต่อเหงือกและฟันขณะแปรงฟันได้


 


กรมอนามัยจึงร่วมกับหลายหน่วยงานในการรับรองคุณภาพแปรงสีฟัน โดยมีผู้ประกอบการที่ให้ความร่วมมือสมัครเข้าร่วมโครงการ 4 บริษัท ส่งแปรงเข้าตรวจสอบ 32 รุ่น และผ่านการรับรอง 26 รุ่น ซึ่งแปรงสีฟันที่ผ่านการรับรองจะมีสัญลักษณ์รูปดาวปรากฎอยู่บนฉลากสินค้า ใต้ดาวจะระบุกลุ่มอายุที่เหมาะสมกับแปรงสีฟันรุ่นนั้น คือ เด็กต่ำกว่า 3 ปี เด็ก 3-6 ปี เด็ก 6-12 ปี และผู้ใหญ่



"แปรงสีฟันที่จะผ่านการรับรองจากกรมอนามัยจะติดสัญลักษณ์รูปดาวบนฉลากสินค้าได้นั้น ต้องผ่านการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการและพิจารณาของคณะกรรมการรับรองคุณภาพแปรงสีฟัน ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกับนักวิชาการของกรมอนามัย เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าแปรงสีฟันติดดาวของกรมอนามัยจะมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดฟันและมีความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งการรับรองคุณภาพนี้จะมีอายุ 3 ปี โดยกรมอนามัยจะเก็บตัวอย่างแปรงสีฟันติดดาวจากจุดจำหน่ายมาตรวจสอบคุณภาพซ้ำทุกปี"นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าว


 


นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ ก่อนเลือกซื้อแปรงสีฟันทุกครั้ง ประชาชนควรอ่านฉลากแปรงสีฟันเพื่อให้ได้ข้อมูลรายละเอียดของสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้สามารถเลือกซื้อแปรงสีฟันคุณภาพที่มีสัญลักษณ์รูปดาวของกรมอนามัยบนบรรจุภัณฑ์ ประชาชนสามารถดูรายชื่อแปรงสีฟันที่ผ่านการรับรองได้ทางเวปไซต์ http://dental.anamai.moph.go.th หรือสอบถามที่โทรศัพท์ 0 2590 4215 ในเวลาราชการ


 


เตรียมเสนอคจร.ยกเลิกทำอุโมงค์แคราย


เว็บไซต์เดลินิวส์ - วานนี้ (20 ธ.ค.) นายประณต สุริยะ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาการจราจร และขนส่งระยะเร่งด่วน ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ครั้งที่ 2/2550 ว่า ที่ประชุมได้สรุปเรื่องที่จะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะ  กรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) พิจารณาในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ ประกอบด้วย การจัดการจราจรเตรียมรับการเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2551 และแผนรองรับเทศกาลปีใหม่ การออกข้อกำหนดยกเว้นการสลับเวลาในการทำงานของบางหน่วยงานเกี่ยวกับการให้บริการประชาชน เสนอให้ คจร.อนุมัติการยกเลิกช่องทางพิเศษขาเข้าบนถนนสุขุมวิทขาออก จากปากซอยสุขุมวิท 19 ถึงสี่แยกนานา เป็นการถาวร เนื่องจากหลังทดลองใช้ไปเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า คล่องตัวขึ้นมาก รถสะสมที่ทางลงทางด่วนเพลินจิตน้อยลง ส่วนขาเข้าไม่มีท้ายแถวติดพันถึงแยกอโศก


 


นายประณต กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้ให้กรมทางหลวง (ทล.)ไปขยายถนนสุขุมวิท ช่วงแยกเทพารักษ์ และสะพานข้ามคลองสำโรง เพื่อรองรับการจราจรระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย แบริ่ง-สมุทรปราการ ที่จะมีขึ้นในอนาคต รวมถึงให้ ทล.ขยายถนนแจ้งวัฒนะฝั่งขาเข้าหลักสี่ บริเวณสะพานข้ามแยก  เมืองทองธานี 3 ที่เป็นคอขวดมีเพียง 2 ช่องจราจร ซึ่งมีปัญหาเนื่องจากรถจำนวนมากใช้พื้นราบเพื่อเลี้ยวขวาขึ้นทางด่วน   ประกอบกับบริเวณดังกล่าวยังมีป้ายรถเมล์ นอกจากนี้จะเสนอ คจร. ยกเลิกการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยกแคราย ที่ได้รับการคัดค้านจากตำรวจท้องที่ เนื่องจากเห็นว่าโครงการจะไม่สามารถแก้ปัญหาจราจรบริเวณดังกล่าวได้ หากมีการก่อสร้างจะส่งผลกระทบต่อการจราจรและใช้งบประมาณไม่เหมาะสม


 


พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการฯ กล่าวว่า ปัญหาการจราจรที่เกิดขึ้นแต่แก้ไขไม่ได้ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่เวลาหน่วยงานเสนอของบประมาณก่อสร้างโครงการ ไม่มีการหารือกับหน่วยงานระดับปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง ว่าจะมีโครงการก่อสร้างบริเวณดังกล่าวด้วยหรือไม่ ทำให้ต้องรบกวนพื้นผิวการจราจรซ้ำซาก และเกิดการใช้งบประมาณที่ไม่มีประสิทธิภาพ


 


ปีใหม่รถไฟใต้ดินเปิดถึงตีสอง


เว็บไซต์คมชัดลึก - บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  ผู้ให้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ระบุว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ รถไฟฟ้ามหานครจะขยายเวลาการให้บริการเดินรถจากเวลา 24.00 น.



วันที่ 31 ธ.ค. 2550 ไปจนถึงเวลา 02.00 น. วันที่ 1 ม.ค. 2551 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการที่เดินทางไปเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ตามสถานที่ต่างๆ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ห้องออกบัตรโดยสารทุกสถานี หรือที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร.0-2624-5200


 


น.1 ชี้ลัทธิเลียนแบบปาหินลามถึงกรุง


เว็บไซต์เดลินิวส์ - จากกรณีแก๊งวัยรุ่นกวนเมืองอาละวาดปาหินใส่รถยนต์ที่วิ่งผ่านถนนพหลโยธินขาออก บริเวณหน้าโชว์รูมตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ (ประเทศไทย) จำกัด หมู่ 11 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ทำให้รถยนต์เสียหายคืนเดียว 4 คันรวด ประกอบด้วยรถแท็กซี่โตโยต้า สีฟ้า หมายเลขทะเบียน ทล 23 กรุงเทพมหานคร รถเก๋งวอลโว่ สีเขียว ทะเบียน ณข 315 กรุงเทพมหานคร รถแท็กซี่โตโยต้า สีชมพู ทะเบียน ทล 1784 กรุงเทพมหานครและรถปิกอัพอีซูซุ สีเทาบรอนซ์ ทะเบียน กข 7320 นครนายก เดชะบุญคนขับปลอดภัย เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ลงพื้นที่ติดตามคดีใกล้ชิดและกำชับท้องที่ไล่ล่าคนร้ายแล้วนั้น


 


ล่าสุดแฟชั่นปาหินก็ระบาดเข้ากรุง โดยเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 19 ธ.ค. นายสัมพันธ์ หรือต้อม วะรงค์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/77 ถนนโชคชัย 4 แขวง-เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ อาชีพค้าขายเสื้อผ้าย่านพัฒน์พงศ์ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.มานิตย์ จันทร์ประสิทธิ์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน. พหลโยธิน ว่าก่อนหน้านี้ช่วงเช้ามืดตนขับรถโตโยต้าคัมรี สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ภช 4527 กรุงเทพมหานคร กลับบ้านพักหลังจากทำธุระ ขณะรถติดสัญญาณไฟแดงที่สี่แยกรัชดา-ลาดพร้าวใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีลาดพร้าว พอไฟเขียวกำลังเคลื่อนรถออกไปต้องตกใจได้ยินเสียงวัตถุหล่นกระแทกฝากระโปรงท้าย 2 ครั้งซ้อน หันไปดูเห็นแก๊งวัยรุ่นหลายคนระดมขว้างก้อนหินใส่ซ้ำอีกหลายก้อน ก็รีบขับรถแวะปั๊มน้ำมัน ปตท.ลงมาดูปรากฏว่าฝากระโปรงหลังบุบ ย้อนกลับมาแต่ไม่เจอมือดีสักคนเดียว คาดว่าหลบหนีไปหมดแล้ว



ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. กล่าวว่า ได้รับรายงานเหตุคนร้ายปาหินใส่รถพ่อค้าขายเสื้อผ้าแถวถนนลาดพร้าวแล้ว ได้กำชับตำรวจนครบาลทั้ง 88 สน. ให้เข้มงวดกวดขันและตรวจตราเหตุร้ายเป็นพิเศษ คาดว่าเหตุการณ์นี้เป็นลักษณะ "ลัทธิเลียนแบบ" หรือพฤติกรรมเลียนแบบไม่น่าประสงค์ต่อทรัพย์ เป็นเพียงความคะนอง ขอยืนยันว่าหากเจอตัวผู้กระทำผิดเมื่อใดจะดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดและฝากถึงผู้ที่กระทำผิดหรือคิดจะทำว่าให้เลิกความคิดเสียดีกว่า ซึ่งสื่อมวลชนควรช่วยกันปหระณามพฤติกรรมภัยสังคมแบบนี้อย่างต่อเนื่องด้วย


 


 






ต่างประเทศ


 


ว่าที่ปธน.โสมขาวคนใหม่ย้ำเตรียมฟื้นศก. กดดัน'นุก'-สิทธิมนุษยชนเกาหลีเหนือ


ผู้จัดการรายวัน - ลีเมียงบัค ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ ให้คำมั่นวานนี้(20)ว่า จะวางนโยบายที่ปฏิบัติได้จริงเพื่อฟื้นเศรษฐกิจแดนโสมขาว และเกลี้ยกล่อมให้ปลดอาวุธนิวเคลียร์ และปรับปรุงเรื่องสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ


 


"เมื่อผมสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง บรรยากาศการลงทุนภาคธุรกิจจะเปลี่ยนโฉมใหม่หมด" เขากล่าวในการแถลงข่าวครั้งแรกหลังได้ชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย และบอกด้วยว่า เขาจะเข้าพบกับผู้นำภาคธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติเร็วๆ นี้


 


ลียังบอกว่า จะจัดการเรื่องเกาหลีเหนือด้วยวิธีที่ปฏิบัติได้และไม่เข้าข้างฝ่ายใด เขายังเรียกร้องให้เกาหลีเหนือล้มเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์เพื่อแลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ


 


"แน่นอน ผมจะเปิดยุคคาบสมุทรเกาหลีที่สันติและปราศจากนิวเคลียร์" ลีให้คำมั่น "เกาหลีเหนือสามารถเดินหน้าไปสู่ถนนแห่งการพัฒนาได้ด้วยการปิดโรงงานนิวเคลียร์"


 


เขายังเรียกร้องให้โสมแดงปรับปรุงเรื่องสิทธิมนุษยชน และกล่าวหาว่า รัฐบาลที่ผ่านๆ มา ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องดังกล่าว เพราะไม่อยากให้กระทบความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ


 


ทั้งนี้ ผลคะแนนเลือกตั้งอย่างเป็นทางการระบุว่า ลีคว้าชัยชนะไปด้วยคะแนน 48.7% ตามมาด้วย ชุงดองยัง จากพรรคยูเอ็นดีพี ได้ไป 26.1% และที่ 3 คือ ผู้สมัครอิสระ ลีฮอยชาง ได้ไป 15.1%

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net