Skip to main content
sharethis





การเมือง


นพดล  แถลงท่าทีพรุ่งนี้


โพสต์ทูเดย์ - บรรยากาศที่สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศ เลขานุการส่วนตัวและคณะทำงานของนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เก็บของทำงานส่วนตัว พร้อมเก็บของให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดย นายนพดล จะเดินทางกลับจากกรุงลอนดอนถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันพรุ่งนี้ (10 ก.ค.51) และจะถึงประเทศไทยเวลา 06.05 น. ด้วยเที่ยวบิน TG 911 จากนั้น นายนพดล จะจัดการแถลงข่าวในช่วงบ่าย เกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองของตนเองที่กระทรวงการต่างประเทศ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา มีลักษณะเป็นสนธิสัญญาเข้าข่ายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์จะใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 271 รวบรวมรายชื่อ ส.ส. ให้ได้ 1 ใน 4 หรือ 120 คน ยื่นวุฒิสภาถอดถอนนายนพดล ออกจากตำแหน่ง


 


ดุสิตโพลล์ชี้ ปชช.หนุนยุบสภาฯ มากกว่าปรับ ครม.


เดลินิวส์ - สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขต กทม. และต่างจังหวัด เรื่อง "ทางออกของการเมืองไทยในสายตาประชาชน" จำนวน 1,266 คน ระหว่างวันที่ 8-9 ก.ค. 2551 พบว่า ประชาชน 28.44% เห็นว่าควรยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใช้หลักประชาธิปไตย ได้รัฐบาลใหม่-คนใหม่เข้ามาทำงานแทนรัฐบาลชุดปัจจุบัน ลดความขัดแย้งและทำให้การประท้วงยุติ



 


ขณะที่ 25.12% เห็นว่าควรปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อให้คนใหม่เข้ามาแทนรัฐมนตรีที่ทำงานผิดพลาด-มีข้อเสีย และไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง เพราะเป็นการสูญเสียงบประมาณ ส่วน 17.54% เห็นว่าคณะรัฐมนตรีควรลาออกเพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เนื่องจากรัฐบาลบริหารงานไม่ได้ แก้ปัญหาไม่ได้ และเมื่อรัฐมนตรีบางคนทำผิดก็ควรช่วยกันรับผิดชอบ ทั้งยังเห็นว่าเป็นรัฐบาลที่ทำงานเพื่อพวกพ้อง การลาออกเป็นการแสดงสปิริต



 


โพลดังกล่าวยังระบุว่า ประชาชน 15.40% เห็นว่า พรรคร่วมรัฐบาลควรถอนตัวไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำงานอย่างจริงจัง เป็นวิธีที่จะทำให้ยุติการประท้วงและความรุนแรงของพันธมิตรฯ ได้ และไม่เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณที่จะต้องเลือกตั้งใหม่ ขณะที่มีเพียง 3.31% ต้องการให้ยึดอำนาจ/รัฐประหาร/รัฐประหารโดยทหาร/มีการปฏิวัติกันเองของรัฐบาล โดยให้เหตุผลว่า บ้านเมืองจะได้สงบสุข ไม่มีปัญหาความขัดแย้ง ดีกว่ายุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ เพราะสิ้นเปลือง อย่างไรก็ตาม 10.19% เห็นว่าทุกฝ่ายควรหันหน้าเข้าหากัน หรือถอยกันคนละก้าว ทำเพื่อประเทศชาติจริง ๆ มิใช่ทำเพื่อตัวเองหรือพวกพ้อง และควรถอดถอนรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล



 


สมัครเรียกอนุพงษ์หารือเครียดผบ.สส.ติงปฐมพงษ์ร่วมพันธมิตร


คมชัดลึก -   นายสมัคร  สุนทรเวช  นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เรียกพล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล แม้จะมีการระบุว่าเป็นการหารือเรื่องสถานการณ์ภาคใต้ แต่คาดว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้



 


มีรายงานด้วยว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกัน สำนักงานเลขานุการรมว.กลาโหม ได้แจ้งมายังกองทัพอากาศว่า นายสมัคร ต้องการเดินทางมาตรวจเยี่ยมกองทัพอากาศ ในวันที่ 10 ก.ค. นี้ เวลา 13.00 น. ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไม่มีกำหนดการออกมา อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์ว่ารัฐบาลได้พยายามให้การสนับสนุนทุกเหล่าทัพในการสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์มากขึ้นในงบประมาณปี 52 ท่ามกลางที่รัฐบาลเจอภาวะกดดันหลายด้าน



 


เมื่อเวลา 17.00 น. พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวกรณีที่พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ใส่เครื่องแบบเต็มยศขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ ไม่ได้ใส่เครื่องแบบเต็มยศ เพราะคำว่าเครื่องแบบเต็มยศหมายถึงเครื่องแบบที่เข้าร่วมพิธีสวนสนามทหารรักษาพระองค์ ซึ่งได้อ่านรายงานที่ส่งขึ้นมาบอกว่าใส่เครื่องแบบเต็มยศ ตนก็คิดว่าพล.อ.ปฐมพงษ์ คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่การสวมเครื่องแบบทหารขึ้นไปก็ต้องพิจารณาดูความเหมาะสมด้วย



 


พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า แม้การไปร่วมกับทางพันธมิตรฯ เป็นการแสดงออกทางประชาธิปไตย ตนก็อนุญาตเป็นพิเศษเป็นคำพูดที่ให้สัมภาษณ์เช่นนี้ แต่ก็เป็นการรู้กันว่าต้องเป็นการไปร่วมโดยต้องไม่แต่งเครื่องแบบ และนอกเวลาราชการ ความจริงตนไว้ใจในความเป็นผู้ใหญ่ของทหารทั้งหลายว่าจะไปพูดเรื่องอะไรด้วย ซึ่งระบุอยู่ในระเบียบ ข้อบังคับและคำชี้แจงต่าง ๆ ก็ไม่ว่ากัน แต่การสวมเครื่องแบบขึ้นไปพูดมันจะมีนัยเหมือนกัน   มันเป็นความรู้สึกของความเหมาะสม



 


ผบ.สส.กล่าวว่า ตนเรียนเตรียมทหารมาเหมือนกับพล.อ.ปฐมพงษ์ การจะสวมเครื่องแบบจะไปเดินตลาดซื้อเป็ด ซื้อปลามันทำไม่ได้ ซึ่งคงไม่เหมือนกับ ตรงนี้มันเป็นการแสดงออก บางคนอาจถือว่าเป็นเรื่องมีเกียรติมากแต่การแสดงออกทางประชาธิปไตยหรือการสวมเครื่องแบบเป็นการแสดงสัญลักษณ์เช่นนี้ บางคนอาจเข้าใจว่าเป็นทหาร อาจเป็นตัวองค์กรหรือกองทัพ ถ้าหากมีเรื่องของการแสดงออก คนกลุ่มหนึ่งแต่งเครื่องแบบไปมันเหมือนเป็นตัวองค์กร คนอีกจำนวนไม่น้อยอาจไม่คิดอย่างนั้น   คือคนในองค์กรเดียวกันมันก็เป็นการไม่ยุติธรรมกับคนที่ไม่เห็นด้วย



 


พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ถ้าหากจะแสดงออกในเชิงความคิดไม่จำเป็นต้องแต่งเครื่องแบบ เพราะการแสดงความคิดไม่ได้มาจากเครื่องแบบ ชุดอะไรก็คิดได้ การแต่งเครื่องแบบนั้นก็แสดงออกถึงองค์กร คนส่วนใหญ่ในองค์กรอาจไม่คิดอย่างนั้น   บางครั้งเราก็ต้องเคารพคนอื่นด้วย ไม่ใช่ไปยัดเยียด เมื่อมีความไม่เป็นเอกภาพทางพฤติกรรมแล้ว มันก็จะเสียความเป็นเอกภาพทางความคิดเชิงความรู้สึก ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรง อย่างที่บอกว่าอย่าทำหินแตก เพราะฉะนั้นเอกภาพทางความคิด ทำให้เกิดเอกภาพในทางปฏิบัติ แต่ถ้าไม่มีเอกภาพทางการปฏิบัติ ก็ทำให้เสียเอกภาพทางความคิด และทำให้เสียเอกภาพทางด้านอื่นเช่นในยามสงคราม รบกับเขาก็แพ้



 


เลื่อนพิพากษา วัฒนา 18 ส.ค.


ผู้จัดการรายวัน - เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง


ศาล โดยม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ผู้พิพากษาอาวุโส เจ้าของสำนวนพร้อมองค์คณะ 9 คน ในคดีทุจริตที่ดินคลองด่าน ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีอม.2/2550 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรมช.มหาดไทย และประธานพรรคเพื่อแผ่นดินเป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาซึ่งทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น และเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแกผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติ


หน้าที่โดยทุจริต มีอัตราโทษจำคุก ตั้งแต่ 5 -20ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท  หรือประหารชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148,157,33 และ84 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 2 กรณีสืบเนื่องจากนายวัฒนา ใช้อำนาจข่มขู่ หรือชักจูงใจให้ผู้อื่นร่วมออกโฉนดที่ดิน 1,900 ไร่ ทับที่คลองสาธารณะประโยชน์ และที่เทขยะมูลฝอยซึ่งเป็นที่สงวนหวงห้าม เพื่อนำไปขายให้กรมควบคุมมลพิษ เพื่อก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ


         


อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ นายวัฒนา จำเลยไม่ได้เดินทางมาศาล มีเพียงนายไพบูลย์ โพธิ์น้อย ทนายความ เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษา เมื่อถึงเวลา ศาลได้สอบถามทนายจำเลยว่า จำเลยมาศาลหรือไม่ทนายจำเลยแถลงว่า เมื่อ 3 วันก่อน จำเลยได้โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาพร้อมกับยืนยันว่า จะเดินทางมาฟังคำ


พิพากษาตามกำหนดนัด แต่ในวันนี้ ตนได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังจำเลย แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และไม่


ทราบว่าตอนนี้จำเลยอยู่ที่ไหน ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษา ถือว่าจงใจไม่มาฟังคำพิพากษา ผิดสัญญาประกัน จึงให้ปรับนายประกัน และออกหมายจับจำเลย มาฟังคำพิพากษาโดยนัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้ง ในวันที่ 18 ส.ค.51 เวลา 14.00 น.


         


พปช. ปัด ประชุมกก.บห.ไม่คุยเรื่องปรับ ครม. ย้ำยังเดินหน้าดันแก้ รธน.


แนวหน้า - นายนิสิต สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคยังไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากขณะที่มีการประชุมยังไม่ทราบถึงผลการตัดสินกรณีของนายไชยา สะสมทรัพย์ ทั้งนี้เชื่อว่าในการประชุมส.ส.ของพรรควันที่ 10 ก.ค. คงจะมีเสียงสะท้อนจากส.ส.ว่ามีข้อคิดเห็นหรือเสนอแนะต่อสถานการณ์การเมืองขณะนี้อย่างไร และคงจะได้ประเมินสถานการณ์ร่วมกันต่อไป



 


นายสิตกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นถอดถอนรัฐมนตรี กรรมการบริหารพรรคก็ยังไม่ได้ประเมินว่าจะมีรัฐมนตรีคนใดที่อยู่ในข่ายที่จะถูกยื่นถอดถอน ส่วนใหญ่พูดคุยแต่ว่ากระบวนการเป็นอย่างไรมากกว่า ซึ่งพรรคก็เตรียมที่จะต่อสู้ทุกเรื่องตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป



เมื่อถามว่าเมื่อพรรคพลังประชาชนมองว่าปัญหาขณะนี้เกิดจากรัฐธรรมนูญ จะเร่งเดินหน้าแก้ไขหรือไม่ นายนิสิตกล่าวว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคยังคงเดินหน้าต่อ แต่ต้องรอให้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการลงประชามติฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ก่อน เพราะพรรคจะต้องทำไปตามกระบวนการ



 


สภาวุ่นมือมืดแฮกเว็บ เปลี่ยนรูปประธาน ชัย


ผู้จัดการรายวัน - จากกรณีที่เว็บไซต์ของรัฐสภา www.parliament.go.th ถูกมือถือเข้าไปแฮกในส่วนข้อมูล ประวัติของนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฏร โดยได้เปลี่ยนรูปนายชัย เป็น รูปตัวเงินตัวทอง เมื่อเย็นวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งรูปดังกล่าวปรากฏอยู่นานประมาณ 10 นาที ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตรวจพบ และเร่งแก้ไขเรียบร้อยแล้ว


       






เศรษฐกิจ


ททท.หวังอิงกระแส พระวิหาร กระตุ้นตลาดท่องเที่ยวอีสาน


คมชัดลึก - นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.มีความสนใจที่จะเข้าไปเจรจากับการท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา ในการวางแผนการตลาด เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวร่วมกันทั้ง 2 ประเทศ หลังจากที่คณะกรรมการมรดกโลกได้ตัดสินให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการแล้ว นอกจากนี้ ททท.มีแนวคิดในการทำตลาดพื้นที่ชายแดนระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา เช่น ตลาดโรงเกลือ คาดว่าจะมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่สนใจการท่องเที่ยวทางบก



 


"อานิสงส์มรดกโลกใหม่ของเพื่อนบ้าน จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่กลับมาท่องเที่ยวซ้ำในประเทศไทย ถือเป็นกลุ่มสินค้าใหม่ที่จะสร้างความน่าสนใจให้คนที่สนใจเที่ยวในประเทศไทยกลับเข้ามา รวมถึงการดึงกลุ่มท่องเที่ยวที่เข้ามาในกัมพูชาให้มาเที่ยวในไทยเพิ่มมากขึ้น"นางพรศิริกล่าว



สอดคล้องกับ น.ส.มัยรัตน์ พีระญาโกศล นายกสมาคมธุรกิจนำเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ที่มองว่า ประเทศไทยจะได้รับผลดีมากกว่าผลเสียจากการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในภาคอีสานตอนใต้ ที่ผ่านมาจุดดังกล่าวได้รับความสนใจน้อยที่สุดในภาคอีสาน หลังจากนี้คาดว่าจะกลับมาได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของการท่องเที่ยวอีสาน


 


วิกฤตแน่แอลพีจีแยก 2 ราคาป่วนจี้รัฐเร่งแก้ปัญหา


ผู้จัดการรายวัน -  นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงานสัมมนาทางวิชาการประจำปี 2551 ครั้งที่ 31 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วานนี้(9 ก.ค.) ว่า การแก้ไขปัญหาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีนั้น รัฐบาลไม่ควรแยกราคาออกเป็น 2 ราคาด้วยการขยับราคาเฉพาะภาคขนส่งและอุตสาหกรรม เพราะจะควบคุมยากเนื่องจากในอดีตรัฐบาลเคยดำนินการเช่นนี้มาแล้ว และทำให้มีการนำแอลพีจีครัวเรือนมาใช้ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมมากขึ้นอีก เนื่องจากการขยับราคาเฉพาะภาคขนส่ง-อุตสาหกรรมจะยิ่งสร้างแรงจูงใจเพราะมีส่วนต่างราคาอย่างมาก


 


"ที่ผ่านมา เคยทำแล้วและราคาต่างกันเพียง 2 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) ทำให้มีการถ่ายเทแอลพีจีครัวเรือนมาใช้ในรถยนต์และอุตสาหกรรมได้ และหากดูราคาที่ควรปรับอาจจะอยู่สูงถึง 5-10 บาทต่อกก.ยิ่งสร้างแรงจูงใจการถ่ายเทมากขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังลำบากที่จะไปดูแลในแง่ของผู้ค้าที่นำแอลพีจีครัวเรือนไปใช้ทางอื่นแต่ทำบัญชีปลอมเพื่อเบิกเงินการอุดหนุนจากภาครัฐทั้งหมดจะยุ่งยากมากอีกดังนั้นการปรับขึ้นราคาก็ไม่ควรจะแยกการขึ้นควรเป็นราคาเดียวดังนั้นในเมื่อรมว.พลังงานถ้าคิดว่าจะไม่ทำอะไรแล้วไม่ปรับก็ได้แต่ถ้าคิดว่าจะทำประโยชน์เพื่อชาติในเมื่อเป็นรมต.แล้วก็ควรจะปรับ"นายปิยสวัสดิ์กล่าว


 


ปัญหาแอลพีจีน่าจะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดที่รัฐบาลชุดนี้ต้องตัดสินใจในปัจจุบัน แต่อีก 2-3 ปีข้างหน้าเรื่องด่วนและเป็นระเบิดลูกใหม่ที่ต้องเตรียมตัวไว้คือ แนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติจะปรับตามน้ำมันเตาตามสูตรราคาก๊าซแต่ละสัญญาที่อิงตามน้ำมันโลกย้อนหลัง 6 เดือน ถึง 1 ปี ซึ่งจะเป็นช่วงราคาน้ำมันปรับขึ้นอย่างมากทำให้ราคาก๊าซฯมีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้นจะมีผลกระทบต่อราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ( เอฟที )ค่อนข้างมาก ประกอบกับสัญญาก๊าซใหม่มีราคาสูงกว่าแหล่งเดิมและการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี)ก็ยังไม่ชัดเจนทั้งด้านราคาและปริมาณ นอกจากนี้แหล่งก๊าซบางแหล่งจะมีการทยอยหมดสัญญาที่ต้องเจรจาใหม่


         






การศึกษา คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม


เศรษฐกิจทรุดเด็กแห่กู้กยศ. สกอ.เตรียมของบเพิ่ม 1.4 พันล้านอุดรูรั่ว


สยามรัฐ - นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบัญชีจ่ายที่ 2 เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการบัญชีจ่ายที่ 2 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาจำนวนนิสิต นักศึกษากู้ยืมกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ในส่วนของอุดมศึกษา ตามที่กยศ.จัดสรรให้ ทั้งผู้กู้รายเก่าและรายใหม่ 111,548 คน แต่หลังจากที่มหาวิทยาลัยเปิดให้ผู้ที่ต้องการกู้ยืมเงินกยศ.แจ้งความจำนง และมหาวิทยาลัยแจ้งข้อมูลกลับมาที่ สกอ. พบว่า มีนิสิต นักศึกษาต้องการกู้ยืมกยศ. 151,058 คน ทำให้มีผู้กู้ยืมเกินโควตาที่กยศ.จัดสรรให้ถึง 39,510 คน ดังนั้นสกอ.จึงให้มหาวิทยาลัยทั้งหมดกลับไปดูจำนวนผู้ที่จำเป็นจะต้องกู้กยศ.จริงๆ อีกครั้ง พบว่าบางมหาวิทยาลัยมีจำนวนผู้ต้องการกู้ลดลงจากเดิม และเมื่อรวมยอดผู้ที่ต้องการกู้กยศ.เพิ่มจากโควตาที่กยศ. จัดสรรให้แล้ว ตัวเลขที่เพิ่มจะลดลงเหลือเพียง 29,500 คน



 


"จำนวนผู้กู้ที่เพิ่มขึ้นทำให้สกอ.ต้องของบประมาณเพิ่ม 1,451 ล้านบาท จากเดิม กยศ.จัดสรรให้ 6,710 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ขอกู้ได้กู้ทั้งหมด และถ้ากยศ.ไม่มีเงิน คงต้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ ทั้งนี้สาเหตุที่จำนวนผู้กู้เพิ่มขึ้นนั้น เนื่องจากนโยบายของรัฐที่ปรับเพดานครอบครัวรายได้ขั้นต่ำของผู้กู้ จากเดิมไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี เป็น 200,000 บาทต่อปี" นายสุเมธ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามระหว่างนี้สกอ.มอบให้มหาวิทยาลัยตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ต้องการกู้ว่าถูกต้อง ชัดเจนหรือไม่ และส่งข้อมูลมายังสกอ.ภายในวันที่ 16 ก.ค.นี้ และสกอ.จะส่งข้อมูลทั้งหมดให้กยศ.ในวันที่ 25 ก.ค.2551


         


กษมา สั่งลุยตั้งสำนักม.ปลาย คาดส.ค.เกิดแน่


สยามรัฐ - คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าการจัดตั้งสำนักมัธยมศึกษาตอนปลาย หลังจากที่ผ่านความเห็นชอบจาก รมว.ศึกษาธิการ และคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ว่า จะตั้งสำนักดังกล่าวขึ้นเป็นสำนักภายในก่อน และจะไม่รอคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) เนื่องจากไม่ได้ของบประมาณและอัตราเพิ่มแต่อย่างใด โดยคาดว่าจะตั้งได้ในเดือน ส.ค.นี้ อย่างไรก็ตามเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ขณะนี้ สพฐ.ได้ปรับเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายให้เกิดความชัดเจนแล้ว และแม้จะตั้งสำนักมัธยมฯ ขึ้นมา แต่ก็ยังสามารถที่จะโยกย้ายสลับกันระหว่างประถมและมัธยม เพราะทั้ง 2 หน่วยงาน ยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)


 







ต่างประเทศ


อิหร่านทดสอบขีปนาวุธเขย่าโลก ประกาศพร้อมตอบโต้หากถูกโจมตี


ผู้จัดการรายวัน  - รอยเตอร์ - อิหร่านทดสอบขีปนาวุธ 9 ลูกในวันพุธ (9) พร้อมเตือนสหรัฐฯและอิสราเอลว่าจะตอบโต้ทันทีหากถูกโจมตีด้วยเรื่องโครงการนิวเคลียร์ที่กำลังขัดแย้งกันอยู่ ส่งผลให้ตลาดเงินสั่นไหว และราคาน้ำมันที่เพิ่งปรับตัวลดลงก็ดีดตัวกลับขึ้นมาใหม่


 


การคาดการณ์ว่าอิสราเอลอาจโจมตีอิหร่านมีแนวโน้มสูงขึ้นหลังจากที่กองทัพอากาศของอิสราเอลจัดการฝึกซ้อมรบเมื่อเดือนที่แล้ว โดยใช้เครื่องบินถึง 100 ลำ ขณะที่สหรัฐฯก็ย้ำว่าไม่ปฏิเสธที่จะใช้ ปฏิบัติการทางทหาร หากวิธีการทูตล้มเหลวไม่อาจกดดันให้เตหะรานยุติโครงการนิวเคลียร์ได้


 


"เราขอเตือนพวกศัตรูที่จงใจคุกคามเราด้วยการแสดงกำลังทางการทหารและปฏิบัติการทางจิตวิทยาอันไร้สาระว่า เราพร้อมจะลั่นไกปืนอยู่ตลอดเวลาและพร้อมเสมอที่จะยิงขีปนาวุธทันที" ฮุสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการเหล่าทหารอากาศ แห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน กล่าวผ่านสำนักข่าวไอเอสเอ็นเอ


 


อิหร่านนั้นเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสี่ของโลก และยืนกรานมาตลอดว่าการพัฒนาด้านนิวเคลียร์ของตนมีเป้าหมายเพื่อนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าเท่านั้น แต่ในวันพุธ (9) สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิหร่านได้เผยแพร่ภาพขีปนาวุธถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าจากฐานปล่อยขีปนาวุธกลางทะเลทรายและทิ้งร่องรอยกลุ่มควันไว้เป็นทางยาว


 


นอกจากนั้นยังรายงานด้วยว่าขีปนาวุธชนิด "ก้าวหน้าสูง" ที่ใช้ทดสอบในครั้งนี้ มีขีปนาวุธ "ชาฮับ 3" รุ่นใหม่ ซึ่งมีพิสัยยิงสู่เป้าหมายได้ไกลถึง 2,000 กิโลเมตรรวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ อิหร่านเคยบอกตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่า ฐานทัพของอิสราเอลตลอดจนของสหรัฐฯในตะวันออกกลาง ต่างก็อยู่ในพิสัยของขีปนาวุธของฝ่ายตน


 


กอร์ดอน จอห์นโดร โฆษกทำเนียบขาวบอก "อิหร่านควรระงับการทดสอบขีปนาวุธหากต้องการได้รับความไว้วางใจจากประชาคมโลกอย่างแท้จริง และอิหร่านควรหยุดพัฒนาจรวดขีปนาวุธ ซึ่งสามารถใช้เป็นยานส่งอาวุธนิวเคลียร์สู่เป้าหมายในทันที"


         


บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่าเทคโนโลยีด้านการทหารของอิหร่านมักจะเป็นการปรับปรุงจากต้นแบบของจีนและเกาหลีเหนือ ซึ่งแม้สมรรถนะไม่อาจเทียบได้กับสหรัฐฯ กระนั้น อิหร่านก็มีความสามารถที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายโกลาหลในภูมิภาคแถบนี้ได้ ถ้าหากถูกกดดันหนัก


 


US-เช็ก เซ็นสร้าง โล่ป้องกันขีปนาวุธ รัสเซีย ข่มขู่แรงจะตอบโต้ด้วยวิธีทางทหาร


ผู้จัดการรายวัน - รอยเตอร์/เอเอฟพี - รัสเซียและสหรัฐฯเพิ่มระดับความบาดหมางระหว่างกันเมื่อวานนี้(9) เกี่ยวกับระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธที่อเมริกาวางแผนสร้างขึ้นในยุโรป และเพิ่งไปลงนามข้อตกลงกับสาธารณรัฐเช็กมาหมาดๆ ในเรื่องจะไปติดตั้งระบบเรดาร์ติดตามขึ้นที่นั่นซึ่งมีพรมแดนติดกับแดนหมีขาว โดยประธานาธิบดี ดมิตริ เมดเวเดฟ ของมอสโกขู่ว่าจะมีมาตรการตอบโต้ ถ้าหากวอชิงตันยังเดินหน้าสร้างระบบซึ่งกำลังพิพาทกันอยู่นี้


 


รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯและเช็ก ได้ลงนามในข้อตกลงเมื่อวันอังคาร(8) ที่จะสร้างระบบเรดาร์ติดตามขึ้นทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปราก โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบโล่ป้องกันการโจมตีขีปนาวุธ ซึ่งวอชิงตันบอกว่ามีความจำเป็นเพื่อปกป้องการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากประเทศอย่างเช่นอิหร่าน


 


แต่รัสเซียนั้นอ่อนไหวต่อการสร้างแสนยานุภาพไม่ว่าชนิดไหนของฝ่ายตะวันตก ในพื้นที่ใกล้พรมแดนของตน และกล่าวว่าถือแผนโล่ป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯนี้ เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของฝ่ายหมีขาว


"เรากำลังผิดหวังอย่างสุดๆ ต่อสถานการณ์นี้" เมดเวเดฟบอกกับที่ประชุมแถลงข่าว ณ เกาะฮอกไกโด ของญี่ปุ่น ที่ซึ่งเขากำลังเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำของกลุ่ม 8 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก(จี8)


 


"เราจะไม่ตีโพยตีพายอย่างไร้สติในเรื่องนี้ แต่เราจะขบคิดถึงขั้นตอนต่างๆ ในการตอบโต้" เขากล่าว แต่ขณะเดียวกัน เขาก็บอกด้วยว่า "เราไม่ได้คัดค้านที่จะมีการเจรจากันต่อไปอีก"


 


คำพูดของผู้นำหมีขาว เป็นการตอกย้ำคำแถลงแบบใช้ถ้อยคำอันชวนให้ย้อนรำลึกถึงยุคสงครามเย็น ของรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเมื่อวันอังคาร ที่กล่าวว่า "หากสหรัฐฯ ติดตั้งระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธเชิงยุทธศาสตร์ใกล้กับบริเวณชายแดนของเราจริง เราก็จะถูกกดดันให้ตอบโต้ด้วยวิธีการเชิงเทคนิคด้วยกำลังทหาร ไม่ใช่ด้วยวิธีการทางการทูต"


 


ขณะที่สหรัฐฯเองก็ไม่อยู่นิ่งเฉย และกล่าวหารัสเซียว่าพยายามทำให้ชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรปไม่สบายใจด้วยการพูดจาก้าวร้าว แต่สหรัฐฯ ก็จะยังเจรจากับรัสเซียเพื่ออธิบายว่าระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธไม่ได้มีเป้าหมายที่รัสเซีย


 


เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่วลาดิมีร์ ปูติน นายกรัฐมนตรีของรัสเซียในปัจจุบัน ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของรัสเซีย เขาเคยบอกว่ารัสเซียจะเล็งขีปนาวุธไปยังประเทศในยุโรป หากยังมีการติดตั้งระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธซึ่งมอสโกถือว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศ แต่สหรัฐฯ ยืนกรานว่าระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธนั้นออกแบบไว้สำหรับตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธจากตะวันออกกลาง ไม่ใช่จากรัสเซีย


        


พาเวล เฟลเกนเฮาเออร์ นักวิเคราะห์ด้านการทหารของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียใช้สำนวนโวหารเหมือนในยุคสงครามเย็นก็เพื่อให้รัฐสภาของสาธารณรัฐเช็กรู้สึกหวั่นใจที่จะรับรองข้อตกลงดังกล่าว และการที่รัสเซียไม่ยอมระบุรายละเอียดใดๆ จึงดูน่ากลัว เพราะนี่คือการกดดันเชิงจิตวิทยาแบบเดียวกับที่สหภาพโซเวียตเคยใช้ในช่วงทศวรรษ 1980 เมื่อสหรัฐฯติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางในยุโรป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net