Skip to main content
sharethis

3 ม.ค.55  สื่อมวลชนหลายสำนักรายงานข่าวจากเฟซบุ๊คส่วนตัวของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งระบุว่า ‘ก้านธูป’ นามแฝงของนักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับหมายเรียกจาก สน.บางเขน ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 จากกรณีโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวเมื่อกลางปี 2553 โดยนัดหมายรายงานตัวในวันที่ 11 ม.ค.นี้

เฟชบุ๊คของสมศักดิ์ ระบุว่า “ผม รู้เรื่อง "ก้านธูป" โดนตั้งข้อหาและหมายเรียกตั้งแต่วันแรกที่เธอโดน เพราะเธอโทรมาบอก ผมก็ตกใจแบบคาดไม่ถึงมากๆ เหมือนกับที่เธอเป็นนั่นแหละ เพราะนึกว่าเรื่องมันผ่านไปปีกว่า (ข้อความโพสต์ เมษายน 2553 ได้รับหมายเรียกปลายตุลาคม-ต้นพฤศจิกายน 2554) เธอก็โดนเล่นงาน จนเสียเวลาเรียนไป 1 ปี เต็มๆ แล้ว ก็คงไม่มีอะไรแล้ว

ที่สำคัญ บอกตรงๆ ว่าข้อความของ "ก้านธูป" ซึงผมพอจำได้จากครั้งนั้นและได้อ่านซ้ำอีกจากหมายเรียก เมื่อนึกแล้ว มันก็คล้ายๆ กรณี "มาร์ค วี 11" ที่ผมพูดถึงในกระทู้แจ้งข่าวนันแหละ คือ ยังไงล่ะ มันเป็นสไตล์การโพสต์แบบวัยรุ่นๆ น่ะ คงพอนึกออก (ผมเพิ่งกลับไปอ่าน ข้อความ "มาร์ค วี 11" ใหม่ จริงๆ มีส่วนคล้ายๆ กันอยู่ แม้แต่บางคำทีใช้)

ผมก็นึกว่า จนท. น่าจะมีวิจารณญาณอย่างมาก อาจจะเรียกมาตักเตือนว่า มัน "หมิ่นเหม่" หรืออะไรแบบนั้น พูดจริงๆ ไม่ได้แกล้งพูด ผมนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะถึงขั้นตั้งเป็นข้อหากันได้ "ก้านธูป" ที่โดนเอง คงยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ช่วงเวลา 2 เดือนเศษ จากที่ได้หมายเรียกจนบัดนี้ ผมว่ามันคงเป็นช่วงที่ไม่สบายใจอยู่มาก ใกล้ปีใหม่ก็หมายถึงใกล้ ช่วงทีต้องรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ และก็คงต้องบอกข่าวต่อสาธารณะ

ไม่กี่วันก่อน ความจริง เธอปรึกษาผมว่าควรจะขอเลื่อนการรายงานตัวไปอีกไหม เพราะว่าวันที่ 15 มกราคม (คือ 4 วันหลังวันรายงานตัว) มีสอบกลางภาคด้วย (เลื่อนสอบจากน้ำท่วม) ผมก็บอกว่า แล้วแต่เธอตัดสินใจนะ เพราะว่ามันก็มีข้อดี-ข้อเสีย ทั้ง 2 ทาง เลื่อนออกไปอาจจะทำให้ไม่กังวลสำหรับสอบ หรืออาจจะยิ่งกังวลมีเรื่อง "หนักใจ" ถ่วงอยู่ ตอนเข้าสอบก็ได้ ขณะที่ไปรายงานเสียให้เสร็จๆ ก็อาจจะกังวลน้อยลงก็ได้ ... ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเองว่า ไม่ขอเลื่อนแล้ว (เคยขอเลื่อน มา 2 ครั้ง ช่วงน้ำท่วม)”

ขณะที่มติชนออนไลน์ รายงานคำให้สัมภาษณ์ของปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการฝ่ายกิจกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่า ปกติแล้วหากนักศึกษามหาวิทยาลัยถูกดำเนินคดีอาญาจะต้องมีเอกสารจากเจ้าหน้าที่แจ้งมายังมหาวิทยาลัยเพื่อทราบ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสารเพื่อทราบว่านักศึกษาคนดังกล่าวถูกดำเนินคดีนี้ จึงยังไม่ทราบว่ามีการตั้งข้อหาหรือยังและในประเด็นอะไร อย่างไรก็ตาม เห็นว่าหากนักศึกษาถูกดำเนินคดีจริงก็เป็นเรื่องที่อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งต้องสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะพิพากษาให้มีความผิด

รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวด้วยว่า อีกประเด็นคือ "กระบวนการล่าแม่มด" ซึ่งไม่ใช่เรื่องของกระบวนการยุติธรรมและเห็นว่าไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะไม่ว่านักศึกษาคนดังกล่าวจะเคยพูดหรือทำอะไรที่สร้างความไม่พอใจ สร้างความไม่เห็นด้วยให้แก่ใคร คนที่ไม่เห็นด้วยก็ไม่มีสิทธิที่จะไปละเมิดหรือคุกคามสวัสดิภาพความปลอดภัย ของผู้อื่น เพราะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการคุกคามความปลอดภัยของนักศึกษาคนดังกล่าว หากเกิดการคุกคามนักศึกษาทางมหาวิทยาลัยก็ไม่นิ่งนอนใจและต้องป้องกันดูแลความปลอดภัยอย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.54 เว็บไซต์ ASTV-ผู้จัดการได้เผยแพร่รายงานเรื่อง ธรรมศาสตร์ในวันที่อ้าแขนรับ "ก้านธูป" โดยกล่าวหาว่าเธอมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และยังระบุถึงคำให้ส้มภาษณ์ของสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อเรื่องนี้ด้วยว่า

“สำหรับเด็กก้านธูป มีคนส่งอีเมลมาให้ผม แต่ก็ไม่มีใครส่งข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ส่วนใหญ่จะส่งมาถามอธิการบดี ดังนั้นมธ.ทราบตั้งแต่ต้นว่าเด็กคนนี้คือใคร พอเขาสอบเข้าได้ในคณะสังคมสงเคราะห์ ทางมหาวิทยาลัยได้ประชุมกัน 2 ครั้ง เพื่อจะพิจารณาว่าควรจะรับเด็กก้านธูปเข้ามาเรียนหรือไม่ สรุปคือเรารับเด็กคนนี้เข้าเรียน เพราะเด็กสอบได้ จะไม่ให้เด็กเข้ามาเรียนได้อย่างไร เราไม่ได้มองประเด็นของพฤติกรรมที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามาเรียนที่นี้ แต่ถ้าเข้ามาเรียนที่ธรรมศาสตร์ แล้วยังมีพฤติกรรมดังกล่าว ธรรมศาสตร์ก็ต้องตรวจสอบว่าเราจะทำโทษทางวินัยได้ไหม เราจะลงโทษพฤติกรรมก่อนที่เขาจะเข้ามาเรียนในธรรมศาสตร์ได้อย่างไร ผมว่าเราไม่ควรรังแกเด็ก"

“ส่วนพฤติกรรมการใช้ถ้อยคำรุนแรง เสียดสี หยาบคาย ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ นั่น เป็นจริงหรือเปล่า ผมไม่รู้ ไม่เห็นมีใครบอกผม เราจะสมมุติอะไรไม่ได้ เพราะไม่เห็นมีใครมาบอกข้อเท็จจริงกับผมเลยสักคน แต่ถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นจริง ธรรมศาสตร์ก็จะทำการสอบสวน และเอาความผิดทางวินัยเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราจะบอกว่าเด็กคนนั้น เด็กคนนี้ไม่ควรเรียนที่นี้ ด้วยเหตุนั้น เหตุนี้ เหตุนู้น ธรรมศาสตร์รับไม่ได้ ธรรมศาสตร์มีเสรีภาพทุกตารางนิ้ว ถ้าเขาหมิ่น ในหลวงจริง เขาต้องถูกฟ้องคดีอาญา มีคนเฟสบุ๊คมาหาผมมากมาย เด็กทำแบบนู้นแบบนี้ ผมถามหน่อยเถอะ ทำไมถ้าเด็กทำแบบนี้ คุณไม่ไปแจ้งความเลยล่ะ ถ้าคุณเชื่อมั่นว่ามันเป็นความจริง ทำไมต้องให้ธรรมศาสตร์ไล่เด็กคนนี้ให้พ้นจากการเป็นเด็กธรรมศาสตร์ ที่สำคัญหลายคนคิดว่าอธิการบดีทีไม่ทราบเรื่อง แต่จริงๆ ผมรู้ตั้งแต่แรก เราประชุมกันตั้งสองรอบ และไม่ได้ประชุมเฉพาะคณะสังคมสงเคราะห์ เราประชุมกันทั้งมหาวิทยาลัย ไม่มีคนแย้ง อาจารย์ธรรมศาสตร์เห็นตรงกันทุกคน ว่าต้องรับเด็กคนนี้เข้ามาเรียนที่นี้ คณบดีที่ทุกคณะบอกต้องรับเด็กคนนี้เข้ามาเรียนที่นี้ แต่ถ้าเด็กมีปัญหา ก็ว่ากันไปตามกฏกติกาการลงโทษของธรรมศาสตร์"

หลังจากนั้นในวันที่ 30 ธ.ค.54 กลุ่มนักศึกษา 6 องค์กร ออกแถลงการณ์ประณามเครือผู้จัดการที่ได้เผยแพร่บทความดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นการมีการเขียนถ้อยคำโจมตีตัวบุคคลอย่างรุนแรง นำเสนอข้อความอย่างเป็นเท็จ และยังเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลผู้อื่นอย่างร้ายแรง โดยไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อสาธารณะ พร้อมเรียกร้องให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ และองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net