Skip to main content
sharethis

ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 'วัฒนา เมืองสุข' 99 ปี ให้จำคุกสูงสุด 50 ปี ปรับ 1,323 ล้านบาท คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ศาลให้ประกันตัว ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ หลังยื่นหลักทรัพย์ 10 ล้าน เจ้าตัวโพสต์แจงคดีนี้ไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าไม่ถูกต้องชอบธรรม  แต่มีหลักฐานแสดงตามหลักธรรมาภิบาลและประสิทธิผลของโครงการ การอนุมัติโครงการและรับซื้อถูกต้องทุกหน่วย  จนท.จึงหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาทุกคน ย้ำไม่มีการรับผลประโยชน์หรือเส้นทางการเงินใดๆ เชื่อมโยงมาถึงผมหรือเจ้าหน้าที่รัฐคนใด

 

24 ก.ย.2563 สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า ช่วงบ่าย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษา คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ หมายเลขดำ อม.42/2561 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง วัฒนา เมืองสุข อายุ 62 ปี อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีความผิดทั้งหมด 11 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 9 ปี รวมทั้งหมด 99 ปี ตามกฎหมายให้จำคุกได้สูงสุด 50 ปี

ส่วน จำเลยที่ 4 อภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง มีความผิด 11 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 6 ปี รวมทั้งหมด 66 ปี ตามกฎหมายให้จำคุกได้สูงสุด 50 ปี จำคุกจำเลยที่ 5 เป็นเวลา 20 ปี จำเลยที่ 6 เป็นเวลา 44 ปี จำเลยที่ 7 เป็นเวลา 32 ปี ปรับจำเลยที่ 8 เป็นเงิน 275,000 บาท และจำคุก อริสมันต์ หรือกี้ร์ พงษ์เรืองรอง จำเลยที่ 10 เป็นเวลา 4 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 3, 9 และ 11-14 รวมทั้งออกหมายจับจำเลยที่ 6,7,10 ที่หลบหนี

สำหรับคดีคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาตินี้เป็นคดีในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 157, ฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11 ในฐานะเป็นตัวการและผู้สนับสนุน จำเลยที่ 6-7 และ 10-12 หลบหนี ศาลออกหมายจับปรับนายประกัน

แม้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว คดียังไม่ถึงที่สุด คู่ความสามารถยื่นอุทธรณ์ได้อีก เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2560 ให้สิทธิคู่ความในการยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ได้ภายใน 30 วัน

โดย วัฒนา เปิดเผยภายหลังฟังคำตัดสินของศาล ว่า ได้ยืนประกันตัวตามสิทธิ์ ซึ่งศาลอนุญาตให้ประกันตัว วางหลักทรัพย์ 10 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศก่อนได้รับอนุญาต ส่วนเหตุที่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนั้น เพราะเห็นว่าตัวเองไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนีคดี ประกอบกับในการต่อสู้คดีชั้นอุทธรณ์นั้นจะเป็นผู้ว่าความเอง ซึ่งต้องจัดเตรียมคดีและเอกสารหลักฐานที่อยู่ในไฟล์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนหลายหมื่นหน้าด้วยตัวเอง ศาลจึงพิจารณาเห็นควรให้ประกันตัว เพื่อได้ใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คดี

ช่วงสายวันนี้ วัฒนา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กก่อนไปศาลว่า ตนกับลูกกำลังไปศาล โดยอธิบายว่า คดีนี้ไม่มีข้อเท็จจริงใดที่ชี้ให้เห็นว่ากติกาและกระบวนการทั้งหมดของโครงการไม่ถูกต้องชอบธรรม ตรงกันข้ามกลับมีหลักฐานแสดงความถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลและประสิทธิผลของโครงการ การอนุมัติโครงการและรับซื้อโครงการดำเนินการอย่างถูกต้องทุกหน่วย เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจึงหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาทุกคน

"ไม่มีการรับผลประโยชน์หรือเส้นทางการเงินใดๆ เชื่อมโยงมาถึงผมหรือเจ้าหน้าที่รัฐคนใด" วัฒนา โพสต์

โดยมีรายละเอียดที่วัฒนาโพสต์ดังนี้ 

ผมกำลังไปศาลเพื่อฟังคำพิพากษากับน้องเฟ ผมไม่อยากให้ลูกไปแต่ลูกขอไปเป็นเพื่อน เฟบอกพ่อว่าเฟเป็นลูกพ่อ เฟเข้มแข็งพอและรับได้ทุกอย่าง

รัฐประหาร 2 ครั้ง ผมมีคดีติดตัวมาประมาณ 10 คดี คดีนี้เป็นคดีสุดท้ายและเป็นคดีที่ไม่มีความซับซ้อนแต่ใช้เวลาถึง 14 ปี จนเกิดรัฐประหารครั้งที่ 2 คดีจึงได้มาถึงศาล ทั้งที่

- ไม่มีข้อเท็จจริงใดที่ชี้ให้เห็นว่ากติกาและกระบวนการทั้งหมดของโครงการไม่ถูกต้องชอบธรรม

- ตรงกันข้ามกลับมีหลักฐานแสดงความถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลและประสิทธิผลของโครงการ การอนุมัติโครงการและรับซื้อโครงการดำเนินการอย่างถูกต้องทุกหน่วย เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจึงหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาทุกคน

- ไม่มีการรับผลประโยชน์หรือเส้นทางการเงินใดๆ เชื่อมโยงมาถึงผมหรือเจ้าหน้าที่รัฐคนใด

ผมจึงมาศาลด้วยความมั่นใจทั้งในความบริสุทธิ์ของตนเอง และความยุติธรรมของศาลตลอดเวลาที่ผ่านมา

แม้กระทั่งเมื่อเช้ามีคนส่งข่าวให้หนี เพราะคำตัดสินจะออกมาให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ผมก็ยืนยันที่จะมาอยู่ที่นี่ เพราะหากจะทำลายกันถึงขั้นนั้นจริง ก็อยากจะได้มารู้มาเห็นด้วยตนเอง ว่าบ้านเมืองเราจะเป็นไปได้ถึงเพียงนั้น

โครงการนี้เป็นโครงการที่ผมภูมิใจ เพราะไม่เพียงทำด้วยความสุจริตโปร่งใส แต่ยังมีประสิทธิภาพประสิทธิผลในการเปลี่ยนแปลงชีวิตประชาชนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

มันคือยุคแห่งความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจที่คนไทยไม่เคยได้สัมผัสอีกหลังการรัฐประหารปี 2549 และตกต่ำมากที่สุดหลังรัฐประหารปี 2557

หากคำตัดสินจะเป็นเช่นนั้นจริง ผมจะขอใช้สิทธิประกันตัวเพื่ออุทธรณ์ เพราะเป็นคนทำคดีนี้ด้วยตนเอง

แต่หากไม่ได้ออกมาพบปะกับทุกท่านอีก ก็ขอฝากสมาชิกรัฐสภา ช่วยเปิดทางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันนี้ เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนได้ร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน จบยุคสมัยของความป่าเถื่อนทางกฎหมายและนำหลักนิติธรรมกลับคืนสู่ประเทศนี้ นั่นคือสิ่งที่ผมตั้งใจทำในฐานะนักการเมืองและนักกฎหมายที่ไม่เคยบิดพลิ้วจากอุดมการณ์

แล้วพบกันครับ”

วัฒนา เมืองสุข

24 กันยายน 2563

 

คดีนี้ จำเลยทั้ง 14 คน นอกจากวัฒนา จำเลยที 1 แล้ว ยังมี มานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีตกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และอดีตประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการปี 2548–25493. พรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีต ผอ.ฝ่ายการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) 4. อภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่ 5. รัตนา แซ่เฮ้ง ลูกน้องคนสนิทเสี่ยเปี๋ยง 6. กรองทอง วงศ์แก้ว พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด, 7. รุ่งเรือง ขุนปัญญา พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์ฯ 8.บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดยปกรณ์ อัศวีนารักษ์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน, 9.บริษัท ซิลเวอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท ไทย เฉน หยู อินเตอร์เนชั่นแนล คอนสตรัคชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) โดยพิมพ์วรา รัชต์ธนโรจน์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน, 10.อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หรือกี้ร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย, 11.บริษัท พาสทิญ่าไทย จำกัด, 12.บริษัท นามแฟทท์ คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย, 13.บริษัท พรินซิพเทค ไทย จำกัด ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง และ 14. สุภาวิดา คงสุข กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน บริษัท ไทย เฉน หยูฯ

 

ที่มา : เดลินิวส์ ไทยรัฐออนไลน์ ไทยพีบีเอสและเฟซบุ๊กแฟนเพจ Watana Muangsook 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net