ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชนร่อนจดหมายถึง รมต. ครม.และ รมว.พม.หลังสิ้นสุดวันสุดท้ายเปิดรับฟังความคิดเห็น ปชช. พร้อมย้ำ 3 ข้อเรียกร้องเดิม ให้ยุติกระบวนการร่างกฎหมายฉบับนี้และฉบับอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ เหตุที่มาและกระบวนการออกกฎหมายไม่ถูกต้องและมีเนื้อหาละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างกว้างขวางและรุนแรง พร้อมเตรียมชุมนุมยืดเยื้อที่หน้าทำเนียบ หากข้อเรียกร้องไม่เป็นผล

1 เม.ย.2565 จากที่ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชน หรือ ร่าง พ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. ....  มีปฏิบัติการเคลื่อนไหวทวงคืนเสรีภาพการรวมกลุ่มของประชาชนเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมาที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) จนทำให้ พม.ประกาศขยายเวลารับฟังความคิดเห็นของประชาชนจากเดิมคือสิ้นสุดวันที่ 25 มี.ค. 2565 เป็นวันที่ 1 เม.ย. 2565 นั้น

ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนในจากขบวนต่อต้านร่างกฎหมายดังกล่าว โดยมีรายงานข่าวว่าวันนี้ (1 เม.ย.65) ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายนี้จัดส่งหนังสือส่งไปยังนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพื่อขอให้มีคำสั่งยุติกระบวนการร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชนทุกฉบับรวมถึงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ยุติการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... ที่ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยทันที และดำเนินการตามข้อเรียกร้องให้ครบถ้วน โดยข้อเรียกร้องของขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชนมีดังนี้

1. ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชนขอยืนยันข้อเรียกร้องเดิมตามที่ได้ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯในการชุมนุมเมื่อวันที่  24 มีนาคมที่ผ่านมา  โดยมีข้อเรียกร้องอย่างชัดเจนว่าขอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ยุติกระบวนการร่างกฎหมายฉบับนี้และฉบับอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ (รวมถึงร่างกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน  และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย  และการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงด้วย)  และขอให้ พม. หยุดถ่วงรั้งการพัฒนา  หยุดทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชน  หยุดทำหน้าที่เป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการกำจัดกลุ่ม  องค์กร  ขบวนประชาชนที่เห็นต่างทางการเมืองด้วยการหยุดการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นและนำเรื่องนี้ไปหารือในคณะรัฐมนตรีเพื่อให้หยุดกระบวนการในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... โดยทันที  เพราะการจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็น ไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชนจำนวนมากที่ลุกขึ้นมาเป็นพลเมืองที่ตื่นรู้ด้วยการจัดตั้งกลุ่ม  องค์กร  สมาคม  ฯลฯ  เพื่อช่วยเหลือ  สนับสนุน  ส่งเสริม  ร่วมมือ  อุดช่องโหว่และวิพากษ์วิจารณ์รัฐในการสร้างสรรค์สังคมให้งดงามและก้าวไปข้างหน้าดังนั้น  จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯไปดำเนินการให้ครบถ้วนตามข้อเรียกร้องที่ได้ยื่นหนังสือไว้แล้ว มิใช่บิดเบือนหรือไม่ใยดีต่อข้อเรียกร้องด้วยการขยายเวลาการรับฟังความคิดเห็นเพิ่มไปอีก 7 วัน

2. เนื่องจากกระบวนการออกกฎหมายไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้น โดยริเริ่มจากนายกรัฐมนตรีสั่งให้ยกร่างกฎหมาย ซึ่งกระบวนการรับฟังความคิดเห็นควรรับฟังตั้งแต่เริ่มต้นว่าควรมีกฎหมายฉบับนี้หรือไม่  ไม่ใช่ร่างกฎหมายออกมาก่อนแล้วจึงนำร่างกฎหมายออกมารับฟังความคิดเห็น  และกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของรัฐบาลผ่านกระบวนการของ พม. ก็มีข้อบกพร่องอย่างมาก ส่อเจตนาปิดกั้นและอาจสร้างข้อมูลเท็จ เช่น เปิดช่องทางออนไลน์ในการให้ใครก็ได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นโดยไม่ระบุตัวตน เป็นต้น เป็นเพียงการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความชอบธรรมในการผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้ไปสู่ขั้นตอนต่อ ๆ ไปแม้จะมีเสียงไม่เห็นด้วยทั้งในเวทีรับฟังความคิดเห็นออนไลน์  ออฟไลน์และจากการชุมนุมบนท้องถนนจากประชาชนก็หาได้ใส่ใจแต่อย่างใด

3.  ร่าง พ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... มีเนื้อหาที่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างกว้างขวางและรุนแรงเพียงเพื่อความมั่นคงของการผูกขาดการใช้อำนาจของรัฐบาลกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น  ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่มีขึ้นมาเพื่อปกป้องตนเองและพรรคพวกในรัฐบาลมิให้ประชาชนรวมกลุ่มตรวจสอบการบริหารจัดการบ้านเมืองของรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจมาจากเผด็จการทหาร คสช.  ดังนั้น  จึงมีเหตุผลอย่างเพียงพอที่จะยุติการผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้และฉบับอื่นๆที่เกี่ยวข้องเสียโดยทันที

เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ หัวหน้าพรรคสามัญชนและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนตัวแทนขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชนกล่าวว่า จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายแจ้งให้นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการร่างกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาโดยตรงได้ทราบว่าหากไม่ทำอะไรตามข้อเรียกร้องของจดหมายที่ยื่นไปในวันชุมนุม ให้เตรียมพบกับขบวนประชาชนทำการชุมนุมยืดเยื้อที่หน้าทำเนียบแน่นอน