Skip to main content
sharethis

'กัณวีร์' เสนอแนวทางป้องกันเหตุโกดังพลุไฟระเบิด ทบทวนกฏหมายที่เกี่ยวข้อง เข้มงวดโซนนิ่งห่างกับชุมชน ทำแผนเตรียมความพร้อมรับมือและเยียวยาฟื้นฟู ก่อนลงพื้นที่พรุ่งนี้

31 ก.ค.2566 ทีมสื่อพรรคเป็นธรรมรายงานต่อสื่อมวลชนว่า กัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยถึงกรณีเกิดเหตุระเบิดโกดังพลุ บ้านมูโนะ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส โดยระบุว่าไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรกและจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายหากเรายังไม่มีการตรวจสอบแก้ไขอย่างจริงจัง โดยระบุว่า ในช่วงปี 2549 - 2559 จากการรายงานข่าวมีจำนวนสถานการณ์เกิดขึ้นประมาณเกือบ 80 ครั้ง หากนับจนถึงปัจจุบันคงมีเหตุการณ์เกือบ 100 ครั้งแน่นอน

"เหตุการณ์แหล่งผลิตหรือจัดเก็บพลุระเบิด ไม่ใช่ปัญหาที่นิ่งนอนใจเพิกเฉยได้ เพราะเป็นภัยอันตรายใกล้ตัวชุมชนอยู่เรื่อยมา ไม่ใช่ว่าเราไม่มีกฎหมายและระเบียบทางราชการนะครับ ในเรื่องนี้เรามีกฎหมายในหลายกระทรวงที่ครอบคลุม ทั้ง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ 2490 พ.ร.บ. ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 และยังมีของกระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงกลาโหม อีกต่างหากด้วย"

กัณวีร์ กล่าวว่า นี่จึงเป็นที่มาของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจึงได้จัดทำแนวทางปฏิบัติขึ้นมาสำหรับส่วนราชการระดับพื้นที่ ในการจะสามารถปฏิบัติหน้าที่กำกับควบคุมโรงผลิตและเก็บดอกไม้เพลิงได้ครบถ้วนทุกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แนวปฏิบัติที่ว่านี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์การควบคุมและการกำกับดูแลการผลิต การค้า การครอบครอง การขนส่งดอกไม้เพลิงและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิง พ.ศ.2547”

คำถามคือ ทำไมถึงยังมีเหตุการณ์แบบไม่หยุดหย่อน ทั้งๆ ที่มีกฎหมายหลายฉบับที่ครอบคลุม รวมถึงแนวทางปฏิบัติแบบบูรณาการ?

"ผมขอสรุปปัญหาอย่างนี้ครับ ปัญหาคือการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมกำกับในทางปฏิบัติ ที่จำเป็นต้องมีการทบทวนแนวปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันที่ส่วนราชการระดับพื้นที่ และกระจายให้เห็นถึงกระบวนการในการกำกับควบคุม ตั้งแต่ต้นทางของการจะตั้งสถานประกอบการ ระบบป้องกันที่มีมาตรฐาน ระดับสากล ไปจนถึงแผนเตรียมความพร้อมรับมือและเยียวยาฟื้นฟู" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าว

กัณวีร์ ย้ำว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด การทบทวนแนวปฏิบัติตรงนี้เป็นขั้นตอนแรกที่จำเป็นต้องเดินคู่ขนานไปกับการเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ เพราะจะทำให้เราเห็นถึงช่องว่างที่อาจเป็นการทับซ้อนเหลื่อมกันของกฎหมายแต่ละฉบับของแต่ละส่วนราชการ หรืออาจเป็นช่องโหว่ของการดำเนินการที่ยังไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้

"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขั้นตอนแรกสุดของกระบวนการกำกับควบคุม คือ หลักเกณฑ์กำกับสถานที่ตั้งของสถานประกอบการ ที่จะต้องมีระยะห่าง และมั่นใจได้ว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนที่ห้อมล้อม ขั้นตอนนี้เองควรเป็นกติกาเดียวกับการพิจารณาจัดตั้งสถานประกอบการอุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย ที่จะต้องเปิดพื้นที่ให้ชุมชนมามีส่วนร่วมตัดสินใจการใช้ประโยชน์ที่ดินในชุมชนของพวกเขา จัดกระบวนการปรึกษาหารือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่าง ๆ เพื่อตกลงใจเรื่องประโยชน์และความเสี่ยงที่จะแบ่งปันร่วมกันในฐานะส่วนหนึ่งของชุมชน"

กัณวีร์ ระบุว่า หากทำเช่นนี้แล้วเราสามารถหาทางนำไปสู่ 2 อย่าง คือ การกำหนดกติกากำกับโดยชุมชนในรูปของธรรมนูญชุมชน ที่จะต้องได้รับการรับรองสถานะในทางกฎหมายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นขั้นต่ำ และการทำประชาพิจารณ์ให้ชุมชนตัดสินใจร่วมกันก่อนการจัดตั้งสถานประกอบการดอกไม้เพลิง

"โดยข้อเท็จจริง เราจะพบว่า บางชุมชนมีลักษณะเป็นชุมชนผลิตดอกไม้เพลิง คือ ประกอบอาชีพนี้กันเป็นจำนวนมาก เช่นบางตำบลในอำเภอพระนครศรีอยุธยา กระบวนการกำกับควบคุมก็ต้องไปเน้นน้ำหนักในอีกขั้นตอนหนึ่ง นั่นคือ การมีแผนลดและป้องกันความเสี่ยงที่เข้มแข็ง ที่จะต้องอยู่ในแผนพัฒนาจังหวัดและอำนวยการโดยกลไกของคณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของจังหวัด ที่อาจพิจารณาจัดตั้งคณะอนุกรรมการควบคุมกำกับขึ้นมาเป็นการเฉพาะ เพราะถือเป็นกิจการที่มีความเสี่ยงสูง มีผลกระทบรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต"

กัณวีร์ กล่าวย้ำว่า ข้อเสนอเหล่านี้เป็นเพียงสารตั้งต้นที่จะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องครุ่นคิดถกแถลงกันเพื่อวางโครงสร้างของระบบควบคุมกำกับที่ดียิ่งขึ้นไปกว่าปัจจุบัน ซึ่งเราต้องถอดบทเรียนร่วมกันอย่างจริงจังเสียที ขอแสดงความเสียใจและเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกท่าน 

ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยด้วยว่า จะลงพื้นที่ไปให้กำลังใจผู้ประสบภัย ในวันพรุ่งนี้ 1 ส.ค. 2566 ซึ่งที่บ้านมูโนะ เคยเกิดเหตุน้ำท่วมรุนแรง เมื่อ 7 เดือนก่อน ในช่วงวันที่ 22 ธ.ค. 2565 ซึ่งตนเองเคยลงพื้นที่ในครั้งนั้นด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net