Skip to main content
sharethis

ที่ไต้หวันเคยมีการประท้วงที่ชื่อ 'ขบวนการดอกทานตะวัน' เพื่อประท้วงการตัดสินใจของรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋ง ที่เร่งรัดการพิจารณา "ข้อตกลงการค้าด้านบริการข้ามช่องแคบ" หรือ CSSTA ซึ่งผู้ประท้วงเกรงว่าจะเป็นการสร้างอิทธิพลให้กับจีนแผ่นดินใหญ่ เวลาผ่านไป 10 ปี มีการมองย้อนไปว่าขบวนการนี้ได้ส่งผลต่อคนรุ่นใหม่ที่มีส่วนร่วมทางการเมืองไต้หวันในยุคปัจจุบันอย่างไรบ้าง

ผู้ชุมนุมประท้วงที่ไต้หวันในนาม "ขบวนการดอกทานตะวัน" เมื่อ 20 มี.ค. 2557 (ที่มา: แฟ้มภาพ/普魯 普魯/Flickr/CC BY 2.0)

10 ปีที่แล้วมีขบวนการเคลื่อนไหวในไต้หวันที่เรียกว่า 'ขบวนการดอกทานตะวัน' ที่คนรุ่นใหม่ในยุคนั้นเข้าร่วมการประท้วง ในตอนนี้พวกเขาต่างก็โตขึ้นกันหมดแล้ว มีเส้นทางในหน้าที่การงานต่างกันออกไป แต่คนจำนวนมากก็ยังคงมีความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยและต้านอิทธิพลของแผ่นดินใหญ่ด้วยการยึดอาคารสภานิติบัญญัติเป็นเวลา 24 วัน

ขบวนการดอกทานตะวันเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2557 ในตอนนั้นมีนักศึกษาและนักกิจกรรมหลายร้อยคนที่พากันบุกเข้าไปและยึดสภานิติบัญญัติของสาธารณรัฐจีนหรือไต้หวัน เป็นเวลา 24 วัน พวกเขาทำไปเพื่อประท้วงการตัดสินใจของพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ที่ทำการเร่งรัดกระบวนการพิจารณาและอนุมัติ "ข้อตกลงการค้าด้านบริการข้ามช่องแคบ" (CSSTA) กับจีนแผ่นดินใหญ่

การตัดสินใจของพรรคก๊กมินตั๋งทำให้เกิดความกังวลจากผู้ประท้วงจำนวนมากที่มองว่าการบูรณาการทางเศรษฐกิจร่วมกับจีนมากขึ้นอาจจะเปิดทางให้จีนปักกิ่งมีอำนาจเหนือไต้หวันได้

ขบวนการดอกทานตะวันของไต้หวันได้รับการสนับสนุนจากสังคม จนทำให้มีคนหลายแสนคนร่วมออกมาชุมนุมบนท้องถนนในวันที่ 30 มี.ค. 2557 เพื่อแสดงการสนับสนุนต่อการประท้วงต้านข้อตกลง CSSTA

หลังจากที่ หวังจินผิง โฆษกสภาในยุคสมัยนั้นแถลงว่าจะทำการเลื่อนพิจารณาเรื่องข้อตกลง CSSTA ออกไปจนกว่าจะมีการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงนี้ครบแล้ว ผู้ประท้วงก็พากันออกจากอาคารรัฐสภาของไต้หวันโดยสันติ

จนถึงตอนนี้ข้อตกลง CSSTA กับจีนก็ยังคงติดอยู่ในส่วนของสภานิติบัญญัติ โดยที่ได้รับความสนใจจากประชาชนน้อยลงเรื่อยๆ

ในขณะเดียวกัน นักกิจกรรมจากขบวนการดอกทานตะวัน กลับมีบทบาทในเวทีการเมืองของไต้หวันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ชื่อของขบวนการดอกทานตะวันนี้ เป็นชื่อที่ตั้งตามดอกไม้ที่มีคนมอบให้เป็นของขวัญให้กับผู้ประท้วงในสมัยนั้นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความหวัง

ขบวนการดอกทานตะวัน เพิ่มการมีส่วนร่วมทางการเมืองของคนรุ่นใหม่

เหมียวป๋อหย่า สมาชิกสภาไทเป ผู้ที่เป็นนักกิจกรรมขบวนการดอกทานตะวัน บอกว่าหนึ่งในผลลัพธ์ที่มีความสำคัญที่สุดสืบเนื่องมาจากขบวนการดอกทานตะวันคือการที่มันทำให้คนรุ่นใหม่เน้นการมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น

เหมียวป๋อหย่า ผู้ที่ปัจจุบันอายุ 36 ปี บอกว่า ในทุกๆ การเลือกตั้งของไต้หวัน จะมีกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นผู้ที่ส่งอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญในนั้น เพราะการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ในยุคขบวนการดอกทานตะวันเป็นช่วงเวลาสำคัญที่คนรุ่นใหม่ในไต้หวันมีส่วนร่วมทางการเมือง เหมียวป๋อหย่าบอกว่า เมื่อเทียบกันแล้ว ยุคก่อนหน้าปี 2557 มีคนรุ่นใหม่ที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งน้อยกว่ายุคหลังจากนั้น

เหมียวบอกว่าถึงแม้ว่าขบวนการดอกทานตะวันจะเป็นแรงบันดาลใจให้เธอเข้าสู่เส้นทางการเมือง แต่เธอก็เล็งเห็นว่าขบวนการทางสังคมอย่างเดียวยังมีความสำเร็จที่จำกัดและต้องการความร่วมมือจากภาคส่วนในวงการการเมืองด้วย

เหมียวเป็นผู้แทนของพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยในปี 2561 และ 2565 ในการเลือกตั้งท้องถิ่นและได้รับเลือกตั้งให้เป็น ส.ส. ไทเปทั้งสองครั้ง แต่เธอก็ไม่สามารถชนะที่นั่งในรัฐสภาได้ในการเลือกตั้งปี 2567

สส. พรรค DPP มองว่า ขบวนการดอกทานตะวัน ให้ผลดีต่อไต้หวันทางเศรษฐกิจ

จิโฮ เตียว (Jiho Tiun) ส.ส. ท้องถิ่นเมืองจีหลง จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) กล่าวว่าการเข้าร่วมขบวนการดอกทานตะวันมาก่อนทำให้เขามีแต้มต่อทางการเมือง แต่ก็แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาลงสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อปี 2561 และ 2565 และได้รับเลือกเป็น ส.ส. ท้องถิ่นทั้งสองครั้ง

เตียวเคยร่วมยึดรัฐสภาในช่วงการประท้วงต่อต้านอิทธิพลจีนเช่นกัน เขาเปรียบเปรยวงการการเมืองกับวงการบันเทิงว่า "ขบวนการดอกทานตะวันไม่ได้ช่วยให้คุณออกอัลบั้มเดี่ยวได้ แต่มันเป็นเสมือนการที่คุณได้เข้าไปอยู่ในรายการวาไรตี้ที่มีชื่อเสียงและได้ยืนยิ้ม(ข้างพิธีกร)มากกว่า"

ทั้งนี้ เตียว ยังแก้ความเข้าใจผิดที่ว่า ขบวนการดอกทานตะวันแสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่มีความทุ่มเทให้กับการเมืองมากแค่ไหน เตียวมองว่าความเป็นจริงแล้วคนที่เข้าร่วมขบวนการจำนวนมากในตอนนี้ไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมอะไรทางการเมือง แต่ผลพวงทางบวกที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวนั้นเตียวมองว่าเป็นเรื่องทางเศรษฐกิจมากกว่า เพราะมันทำให้ไต้หวันประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจได้โดยไม่ต้องไปอยู่ฝ่ายเดียวกับจีน

การมีส่วนร่วมทางการเมืองคนละแบบ

ในขณะที่เหมียวและเตียวเข้าสู่วงการการเมืองในระดับวิชาชีพ หงจุ้นจื้อ หนึ่งในขบวนการดอกทานตะวันหันก็ไปหาแนวทางที่ต่างออกไป หงจุ้นจื้อเคยเผชิญกับความรุนแรงของตำรวจในช่วงการประท้วงเช่นเดียวกับคนอื่นๆ อีกจำนวนมาก

ในตอนที่เกิดเหตุนั้น หงจุ้นจื้อกำลังศึกษาอยู่ปีแรกของปริญญาโท ตอนนั้นตำรวจทำการผลักและทุบตีเขา รวมถึงใช้รถฉีดน้ำฉีดใส่พวกเขาเพื่อสลายการชุมนุม

"การถูกสลายการชุมนุมไม่ได้ทำให้ความมุ่งมั่นที่จะประท้วงของผมมอดลงไปด้วย มันยิ่งทำให้ผมอยากช่วยเหลือคนที่ถูกทุบตีทำร้ายแบบเดียวกัน" หงจุ้นจื้อกล่าว

ถึงแม้ว่าในตอนนี้หงจะทำงานกับบริษัทไอทีในกรุงไทเปแต่เขาก็มักจะกลับบ้านเกิดที่หนานโถวเพื่อไปเลือกตั้งทุกครั้ง และสนับสนุนให้คนที่อยู่รอบตัวเขาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งด้วย

หงบอกว่า สิ่งที่ขบวนการดอกทานตะวันส่งผลมากที่สุดต่อตัวเขาคือมันทำให้เขาสนใจถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาสังคมประชาธิปไตยในไต้หวัน และทำให้เขามีสำนึกในอัตลักษณ์ความเป็นชาวไต้หวันที่หนักแน่นขึ้นด้วย

เจิ้งเหรินเหา ก็เป็นหนึ่งที่คนที่เคยถูกตำรวจทุบตีในที่ชุมนุมของขบวนการดอกทานตะวัน และในตอนนั้นเขาก็เป็นนักศึกษา ป.โท ปีแรก เช่นเดียวกับหง

ในตอนนี้เจิ้งทำงานในสายวัฒนธรรม เขาบอกว่าในยุคสมัยที่มีขบวนการดอกทานตะวันนั้น เว็บกระดานข่าวไต้หวันเต็มไปด้วยการถกเถียงอภิปรายในเรื่องต่างๆ หลากหลายประเด็น ต่างจากในยุคสมัยปัจจุบันที่คนไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นในเรื่องการหารือกันในประเด็นทางสังคมเท่าใดนัก

เจิ้งมองว่าอินเทอร์เน็ตในยุคปัจจุบันนั้น การเขียนอะไรในโซเชียลมีเดียทำให้คุณถูกชาวเน็ตแปะป้ายว่าเป็นสิ่งต่างๆ ได้ง่ายๆ และมีความคิดเห็นออนไลน์จำนวนมากถูกชักใยโดย "กองทัพอินเทอร์เน็ต" หรือบริษัทสร้างภาพประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นการทำลายพื้นที่สำหรับการหารือกันอย่างมีเหตุผล

เจิ้งระบุอีกว่า ในแง่ของการเมืองแล้ว ขบวนการดอกทานตะวันได้สร้างพลังทางการเมืองใหม่ที่ดูเหมือนในตอนนี้จะหายไปแล้ว เช่นความล้มเหลวของพรรคอำนาจใหม่ (NPP) ที่มีพื้นเพมาจากขบวนการดอกทานตะวัน ไม่สามารถทำตามความคาดหวังที่ประชาชนเคยให้ไว้ได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม เจิ้ง ก็บอกว่ามีเพื่อนเขาจากขบวนการดอกทานตะวันบางคนที่เข้าสู่เส้นทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น สส., สมาชิกเทศบาลเมือง หรือผู้ใหญ่บ้าน แสดงให้เห็นว่าการตัดสินใจที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างลึกซึ้งนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้

เรียบเรียงจาก

Sunflower Movement participants reflect on its 10th anniversary, Focus Taiwan, 17-03-2024

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net