Skip to main content
sharethis

กรุงเทพฯ-31 มี.ค.48 วันนี้ที่ศาลอาญา ผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังก์สืบพยานล่วงหน้า ตามที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ยื่นคำร้องขอไต่สวนพยานล่วงหน้า 1 ปาก ในคดีก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีนายแวยูโซ๊ะ แวดือราแม อดีตครู และหัวหน้าฝ่ายปกครอง โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ กับพวก ซึ่งเป็นครูสอนศาสนา หรืออุสตาซ 8 คน เป็นจำเลย ในความผิดร่วมกันเป็นแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี หรือบีอาร์เอ็น กบฎแบ่งแยกดินแดนรัฐปัตตานี ร่วมกันก่อการร้าย และเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร

นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อัยการจังหวัดประจำกรมฝ่ายคดีพิเศษ 1 แถลงพร้อมยื่นคำร้องต่อศาลขอถอนคำร้อง ขอสืบพยานล่วงหน้าก่อนฟ้องคดีนี้ เนื่องจากอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษได้รับหนังสือด่วนมากจากพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวระบุว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ไม่สามารถติดตามตัว นายอุสมา อูเซ็ง มานำสืบพยานล่วงหน้าได้ เนื่องจากสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังรุนแรงต่อเนื่อง พยานเกิดความกลัวจึงเดินทางไปมาเลเซีย

พนักงานอัยการจึงไม่ติดใจที่จะนำสืบพยานปากนี้ล่วงหน้าอีก เมื่อพนักงานอัยการยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 เป็นจำเลยต่อศาลอาญาในคดีดำหมายเลข 716/2548 แล้ว จะได้นำพยานปากนี้มานำสืบพร้อมพยานปากอื่นในคดีนี้ต่อไป

ศาลสอบถามทนายความจำเลยทั้ง 8 แล้ว ไม่คัดค้าน จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนคำร้องขอสืบพยานล่วงหน้า

สำหรับคดีนี้ พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 8 คน เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2548 โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันเป็นสมาชิกคณะบุคคลขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายู ปัตตานี หรือบีอาร์เอ็น มุ่งหมายสร้างความปั่นป่วนให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน และขู่เข็ญหรือบังคับรัฐบาลไทย เพื่อแบ่งแยกดินแดนยึดอำนาจปกครองในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ คือ จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล

โดยมีจำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้าฝ่ายกองกำลังด้านทหาร และฝึกยุทธวิธีการรบให้กับสมาชิก เพื่อลอบทำร้าย ฆ่าพระภิกษุ ตำรวจ ทหาร ครู นักเรียน และประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งลอบวางเพลิงเผาโรงเรียน 38 แห่ง กับสถานที่ราชการ และศาสนสถาน ร่วมกันปล้นอาวุธปืนของราชการ ก่อนถูกติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ในการสอบปากคำในชั้นศาลจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อหา ศาลจึงนัดแถลงเปิดคดี เวลา 9.00 น. วันที่ 11 เมษายน 2548

นายวัชรินทร์ กล่าวว่า พยานปากนี้มีความสำคัญต่อรูปคดี เมื่อเกิดความกลัวหลบไปมาเลเซีย เพราะสถานการณ์ความไม่สงบภาคใต้ หรือจากเหตุการณ์ที่พยานคดีนี้เสียชีวิตไปแล้ว 4 ราย อัยการก็ต้องมอบหมายให้พนักงานสอบสวน ติดตามตัวมานำสืบต่อไป หากพนักงานสอบสวนติดตามพยานปากนี้ได้ก่อนวันนัดแถลงเปิด ในวันที่ 11 เมษายน 2548 อัยการจะยื่นคำร้องขอสืบพยานล่วงหน้า ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญาฉบับแก้ไขเพิ่มเติม

พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยืนยันว่า พยานคนดังกล่าวได้ร้องขอไปเยี่ยมครอบครัวที่มาเลเซีย และติดธุระสำคัญจึงยังเดินทางกลับไทยไม่ได้ พนักงานสอบสวนจึงขอเลื่อนนัดการเบิกความล่วงหน้าพยานปากนี้ออกไป คาดว่าคงจะเลื่อนออกไปประมาณ 1 สัปดาห์ พยานปากนี้ ยังได้รับความคุ้มครองจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่เดินทางไปดูแลความปลอดภัยให้ถึงมาเลเซีย

เมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเบตง ได้ออกนั่งบัลลังค์อ่านคำพิพากาษาคดีคดีลอบยิงสถานีตำรวจภูธรตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบเตง จังหวัดยะลา โดยมีคำพิพากาษาให้จำคุกนายกามารูดิง บีดิง ตลอดชีวิต จำคุกนายลุกมัย สาแม ตลอดชีวิต จำคุกนายสอมารี สาแม ตลอดชีวิต จำคุกนายเปาซี สาแม 47 ปี 4 เดือน จำคุกนายกอเซ็ง เจะอาลี 47 ปี 4 เดือน จำคุกนายสักการียา เบ็ญมูฮัมหมัด ซาฟีอี ชาวมาเลเซีย 35 ปี 4 เดือน และยกฟ้องนายมูหะหมัด สาแม นายนิแอ เจ๊ะอาลี นายชาลี ยาหะมะ นายมะสารี มะลี

ในการเบิกตัวจำเลยทั้ง 8 มาฟังคำพิพากษาครั้งนี้ มีการจัดกำลังตำรวจคุ้มกันแน่นหนาตลอดเส้นทาง ตั้งแต่เรือนจำไปจนถึงศาลจังหวัดเบตง เพราะมีข่าวว่า มีการข่มขู่ผู้พิพากษาผู้พิจารณาคดีดังกล่าว และมีญาติของผู้ต้องหามายืนรอหน้าเรือนจำและที่ศาลจังหวัดเบตงจำนวนมาก

เมื่อเร็วๆ นี้ ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้เพิ่มเติมอีก 2 คน คือ นายนิแอ เจ๊ะอาลี และนายลุกมัย สาแม ทำให้ผู้ต้องหาในคดีนี้มีทั้งหมด 10 คน ทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหกระทำความผิดต่อชีวิต พยายามกระทำผิดต่อเจ้าพนักงาน ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ทำให้เสียทรัพย์ อั้งยี่ ซ่องโจร ความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน โดยหลังจากที่ได้รับฟังคำตัดสิน ทางญาติของผู้ต้องหาทั้งหมดได้ขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net