ประธานาธิบดีอีโว โมราเลส แห่งโบลิเวีย ประกาศว่ารัฐบาลจะเริ่มแผนจัดสรรที่ดินทำกินภายในประเทศในวันที่ 31 พฤษภาคม 2549 เพื่อช่วยให้ประชาชนซึ่งยากจนไร้ที่ทำกินได้มีที่ดินเป็นของตนเอง โดยพื้นที่ที่รัฐบาลจะประกาศให้เป็นที่ดินจัดสรร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองซานตาครูซ อันเป็นเขตเกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของโบลิเวีย

แผนปฏิรูปที่ดินฉบับนี้ถูกประกาศขึ้นภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโมราเลสยึดอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติให้กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐเรียบร้อยแล้ว จึงมีการกำหนดเป้าหมายต่อไปว่าจะเริ่มต้นเวนคืนที่ดินซึ่งไม่มีการใช้งาน เพื่อนำมาใช้ในแผนการจัดสรรที่ดิน เพราะนโยบายใหม่ของรัฐไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการให้สิทธิ์ในที่ดินทำกินแก่ประชาชนเท่านั้น แต่จะกระตุ้นให้กลไกการเกษตรของชาติทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ รัฐบาลโบลิเวียยังระบุอีกด้วยว่าที่ดินในเมืองซานตาครูซจำนวนมากซึ่งถูกแจกจ่ายไปโดยไม่ชอบธรรมในยุคที่อดีตประธานาธิบดีเผด็จการฮิวโก บันเซอร์ ดำรงตำแหน่งผู้นำในระหว่างปี 2514-2521 สมควรถูกเวนคืนกลับมาทำประโยชน์ให้กับคนหมู่มากแทน โดยรัฐบาลจะเวนคืนพื้นที่ของเมืองซานตาครูซประมาณ 107,000-140,000 ตารางกิโลเมตรมาแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ยังไร้ที่ทำกินต่อไป

ทั้งนี้ รัฐบาลโบลิเวียเคยสั่งให้สถาบันจัดสรรที่ดินแห่งชาติดำเนินการแจกจ่ายที่ดินจำนวน 1 ล้านตารางกิโลเมตรให้แก่ประชาชนในปี 2536 เป็นต้นมา แต่โครงการดังกล่าวเพิ่งเสร็จสิ้นไปเพียงแค่ร้อยละ 17 เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผู้นำท้องถิ่นแห่งเมืองซานตาครูเกรงว่าแผนจัดสรรที่ดินใหม่ของรัฐบาลอาจทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นภายในชุมชน เพราะเจ้าของที่ดินเดิมอาจไม่พอใจ

ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการพลเมืองซานตาครูซจึงเข้าชื่อกันเพื่อยื่นจดหมายถึงประธานาธิบดีโมราเลส และขอให้รูเบน คอสตาส ผู้ว่าราชการประจำเมืองซานตาครูซ และกลุ่มธุรกิจท้องถิ่นได้เข้าร่วมหารือเพื่อสรุปมติร่วมต่อแผนปฏิรูปที่ดินนี้ด้วย โดยผู้ว่าฯ คอสตาสกล่าวว่ารัฐบาลจะต้องทำแผนคู่ขนานเพื่อให้เกิดการปฏิรูปที่ดินอย่างเป็นประชาธิปไตย