สังคมนี้เป็นของเราทุกคนใช่หรือไม่ ?
ถ้าใช่ การที่รัฐจัดทำความตกลงระหว่างประเทศที่จะมีผลผูกพันรุ่นลูกรุ่นหลาน เกี่ยวพันกับเราทุกแง่มุมของชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ข้าวผักผลไม้ที่เราปลูกที่เรากิน สิทธิการเข้าถึงการรักษาของเรา คุณภาพชีวิตของเรา ขยะที่แอบมาทิ้งรอบบ้านเรา การทำหน้าที่ของรัฐในการดูแลคุ้มครองเรา ฯลฯ รัฐต้องฟังเสียงประชาชนไม่น้อยไปกว่าที่ฟังเสียงกลุ่มทุน-นักธุรกิจ และการตัดสินใจต้องตั้งอยู่บนข้อมูลหลักฐานที่เป็นจริง
แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะ กลับเดินหน้าเตรียมการเข้าร่วม CPTPP
วันพุธที่ 8 ธ.ค.นี้ คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) จะประชุมเพื่อชงให้คณะรัฐมนตรียื่นหนังสือแสดงเจตจำนงเข้าร่วมความตกลง CPTPP ในวันอังคารที่ 14 ธ.ค.นี้ โดยไม่ชี้แจงการเตรียมพร้อมประเด็นต่างๆตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สภาผู้แทนราษฎรเสนอแนะ, ไม่มีกรอบเจรจาที่ระบุถึงประเด็นอ่อนไหวที่ต้องเจรจาให้ได้ ถ้าไม่ได้ต้องไม่เข้า, ไม่มีการทำข้อมูลใหม่ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงที่จีน ไต้หวัน และสหราชอาณาจักรขอเข้าร่วมจะเป็นผลดีหรือผลกระทบกับไทยอย่างไร, ไม่มีการทำข้อมูลผลได้-ผลเสียในบริบทโลกหลังวิกฤตโควิด-19 ที่เป็นที่ยอมรับตามข้อเสนอของสภาองค์กรของผู้บริโภค และไม่สนใจเสียงของประชาชนที่ร่วมลงรายชื่อคัดค้านกว่า 4 แสนคน
พวกเราเอฟทีเอ ว็อทช์ และเครือข่ายต่างๆ เห็นว่า ถึงเวลาที่เราต้องสื่อสารกับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อย่างชัดเจนอีกครั้ง #NoCPTPP #หยุดตอกฝาโลงประเทศ
พวกเราขอเชิญชวนทุกท่านทุกเครือข่ายมาร่วมกันจัดกิจกรรมและแถลงข่าวร่วมกัน ในวันพฤหัสบดีที่ 2 ธ.ค.นี้ ที่สวนชีววิถี ไทรม้า จ.นนทบุรี ตั้งแต่บ่ายโมงเป็นต้นไป
สังคมนี้ต้องเป็นของเราทุกคน
ด้วยความสมานฉันท์
เอฟทีเอ ว็อทช์