Skip to main content
sharethis

ถ้าในแง่มุมของสื่อมี "นักข่าวพลเมือง" (Civil Report) ด้านการต่อสู้ทางกระบวนการกฏหมายก็มีทนายผู้ศึกษากฎหมายด้วนตนเอง เข้ามาทำงานในนามของ "ตัวแทนพลเมือง" (Citizen Agent) ที่ช่วยเรียกร้องสิทธิให้กับแรงงาน เพราะในประเทศจีนพวกเขาไม่อาจตั้งสหภาพได้อย่างอิสระและสหภาพแรงงานกลางของรัฐก็ไม่เคยใยดีผู้ใช้แรงงาน ทางออกที่เหลืออยู่คือต้องอาศัยการอาศัยกระบวนการทางกฏหมายเท่านั้น


 


000


 


ฉี ยุ่นหุ่ย แม้ว่าตัวเขาจะไม่จบการศึกษาจากโรงเรียน แต่ในช่วงบ่ายของวันหนึ่งเขาก็ได้แจ้งเรื่องเรียกร้องไปยังศาลประชาชนด้วยความมั่นใจในการเป็นผู้ต่อสู้ด้วยกฎหมายในครั้งนี้


 


ยุ่นหุ่ย ได้เข้ามาอยู่ในเมืองเสิ่นเจิ้น ในปี 2002 เขามาทำงานในโรงงานผลิตรองเท้าหนัง และในตอนนี้เขาก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของ "ตัวแทนพลเมือง" (Citizens" agents) ซึ่งกำลังเติบโต จากการสนับสนุนของอดีตผู้ใช้แรงงาน ที่ให้การช่วยเหลือด้านกฎหมายกับแรงงานต่างถิ่นผู้อพยพเข้ามา


 


ในช่วงราว ๆ ห้าปีก่อนหน้านี้ คนงาน "เท้าเปล่า" ผู้เรียนรู้เป็นนักกฎหมายด้วยตนองเหล่านี้ได้เพิ่มจำนวนขึ้น ขณะที่คนงานต่างถิ่นซึ่งกำลังอยู่ในภาวะไร้ทางออกมากขึ้นทุกที นักกฏหมายผู้เรียนรู้ด้วยตนเองเปล่านี้ก็คอยช่วยเหลือเพื่อกลบช่องโหว่สำคัญของประเทศในเรื่องนี้ เปล่าแรงงานต่างถิ่นได้รับการสนับสนุนให้เรียนรู้ถึงสิทธิ แต่ก็ยังคงขาดผลเชิงปฏิบัติในแง่ของช่องทางที่พวกเขาจะนำไปใช้ปกป้องตนเองได้


 


"พวกเราต้องการสนับสนุนให้ประชาชนไปเรียกร้องต่อศาล" ฉี ยุ่นหุ่ย กล่าวไว้ในขณะที่ทานอาหารเย็นกับคนงานผลิตของเล่น 5 คน ซึ่งยุ่นหุ่ยบอกว่าพวกเขาได้รับค่าจ้างน้อยเกินควรสำหรับงานล่วงเวลา


 


แรงงานอพยพในจีนกว่า 150 ล้านคนส่วนใหญ่ทำงานโดยได้รับค่าแรงขั้นต่ำในโรงงานด้านการส่งออก และ งานก่อสร้าง ซึ่งถือว่าพวกเขามีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญรุ่งเรือง


 


แต่สิทธิของพวกเขาก็ยังคงถูกกีดกันออกไปอยู่เช่นเคย และเรื่องราวของการจ่ายค่าแรงต่ำกว่ากฎหมายกำหนด ,สภาพการจ้างในโรงงานที่กดขี่ รวมถึงการละเมิดข้อตกลงในการจ้าง ยังคงมีอยู่เป็นเรื่องปกติ


 


ด้วยความหวาดกลัวว่าจะเกิดสถานการณ์ไม่สงบ  ผู้นำจีนจึงให้ออกชุดกฎหมายที่มีเนื้อหาช่วยทำให้สถานะของคนงานมีพลังมากขึ้น ในเดือนมกราคม กฎหมายข้อตกลงผู้ใช้แรงงานฉบับใหม่ ได้ประกาศมีผลบังคับใช้ และการพิพาทอนุญาโตตุลาการจะมีผลบังคับใช้ในช่วงเดือนพฤษภาคม


 


เหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรี ได้ออกตัวรณรงค์ในด้านปัญหาการงดจ่ายค่าจ้างของผู้จัดการโรงงาน จากสถานการณ์นี้ ก็มีแรงงานผู้อพยพจำนวนมากออกมาบอกว่า ปัญหาเรื่องค่าจ้างได้รับการปรับปรุงแก้ไขอย่างเห็นได้ชัดในช่วงห้าปีที่นายกรัฐมนตรีผู้นี้ดำรงตำแหน่งอยู่


 


แต่การเปลี่ยนแปลงมันก็ช้าลงในส่วนท้องถิ่น ที่ซึ่งเจ้าหน้าที่เป็นผู้ใช้อำนาจเพื่อการสนับสนุนการลงทุนเท่านั้น


 


โจว ลี่ไต้ นักกฎหมายผู้เรียนรู้ด้วยตนเองแสดงความเห็นว่า  "รัฐบาลบริหารส่วนท้องถิ่นพวกนี้มุ่งเพียงแสวงหาผลประโยชน์ในทางธุรกิจ พวกเขาคิดว่าการปกป้องผู้ประกอบกิจการก็เหมือนการปกป้องหม้อข้าวของตนเอง แต่มันคือคนงานที่จะเป็นผู้ที่ต้องจำต้องเสียสละสุขภาพและแรงกาย" โจว ลี่ไต้ ผู้นี้ ไปไกลกว่าระดับ "ตัวแทนพลเมือง" อย่าง ฉี เพราะเขาได้เข้าสอบจนได้รับใบรับรองความเป็นนักกฎหมายมาแล้ว


 


 


ในบางครั้งผู้ประกอบการก็เล่นไม้แข็ง


 


ใน เสิ่นเจิ้น เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา  ได้มีกลุ่มคนใช้มีดเข้าจู่โจมนักรณรงค์ที่ชื่อ หวง ซิงหนาน ผู้ที่เป็นเจ้าของศูนย์แรงงานอพยพ Dagongzhe ซึ่งมีการเปิดสอนเรื่องกฎหมายคุ้มครองข้อตกลงการจ้างแก่คนงาน หลังจากถูกทำร้าย หวง ต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยได้รับแผลฉกรรจ์ที่ขา


 


ในสัปดาห์นี้ องค์กรของเขาบอกว่า ตำรวจได้จับกุมเจ้าของโรงงาน ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทำร้ายร่างกาย เพราะเขาคิดว่า หวง เป็นผู้ที่ทำให้บริษัทของเขาต้องล้มละลาย


 


ฉี ได้กล่าวว่า มีคนมาข่มขู่เขาถึงที่สำนักงานแล้ว นอกจากนี้ยังได้รับโทรศัพท์ขู่อีกหลายรายด้วย


 


 


ยื่นฟ้องเสียเดี๋ยวนี้ ค่าธรรมเนียมไว้ทีหลัง


 


โรงงานที่แถบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล ซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องช่วยหนุนด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจในตอนนี้ เต็มไปด้วย "ตัวแทนพลเมือง" นับร้อย โดย ฉี ได้ประมาณไว้ว่ามีอยู่จำนวนกว่าหลายพันทั่วประเทศ ซึ่งแทบทุกคนก็เป็นเหมือนฉี คือได้มีการศึกษาด้านกฎหมายด้วยตัวของตัวเองตามแต่ข้อสงสัยของแต่ละคน


 


โมเดลของธุรกิจนี้ช่างเรียบง่าย ขณะที่นักกฎหมายแทบทุกคนต่างก็ต้องการค่าทนายความ และพากันชาร์จราคาไว้สูง ๆ แต่ "ตัวแทนพลเมือง" ทำงานกับเรื่องที่ไม่มีความพลิกผันซับซ้อนมากนัก นั่นหมายความว่ามันอาศัยค่าใช้จ่ายไม่มากนักในการที่คนงานจะมีส่วนเข้าร่วม


 


ทนาย โจว ก็ดำเนินงานในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยอาศัยการหักค่าชดเชยมาเป็นเงินตอบแทน หากเขาช่วยให้ชนะคดีได้


 


ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูลว่า ในเขตชายฝั่งอย่างเสิ่นเจิ้น ที่ซึ่งห้อมล้อมไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรม การพูดปากต่อปากเป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่รวดเร็วที่สุด ขณะเดียวกันพวกคนงานก็มีสำนึกด้านสิทธิกันสูงที่สุดด้วย


 


แต่ถ้าพูดถึงทั่วทั้งประเทศแล้ว ความรู้ด้านสิทธิและเรื่องความเต็มใจที่จะไปศาลเพื่อเรียกร้องปกป้องตนเองกำลังขยับตัวสูงขึ้น


 


โจว อายุ 51 ปี เกิดในครอบครัวชาวนาที่เขตไคเซียน ซึ่งอยู่ในเขตชนบทของจงชิงตะวันตก ได้กลายเป็นผู้ที่สนใจในกฎหมายขณะที่ทำงานในฐานะแรงงานอพยพอยู่ที่โรงงานเตาเผาอิฐ หลังจากที่เจ้าของเตาเผาไม่สามารถจ่ายค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้ได้


 


ในช่วงกว่า 20 ปี ที่เขาเป็นนักกฎหมาย สำนักงานของเขาต้องรับมือกับคดีจำนวนหนึ่งจากคนงานอพยพประมาณ8,000 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวกับการบาดเจ็บในสถานที่ทำงาน หรือ คดีเกี่ยวกับการไม่จ่ายค่าจ้าง


 


เมื่อได้ชำเลืองมองจากนอกหน้าต่างของสำนักงานซึ่งตั้งอยู่ในแถบตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองวั่นโจวแล้ว จะเห็นว่ามันตั้งตระหง่านอยู่เหนือฝั่งแม่น้ำแยงซีและอยู่ถนนฝั่งตรงข้ามกับศาลท้องที่ เปรียบเสมือนภาพสะท้อนความผิดที่ผิดทางของสังคมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับประเทศจีน ซึ่งที่ตรงส่วนนั้นได้มีกองทัพคนงานอพยพอยู่จำนวนมหาศาล


 


ขณะที่ชาวนายังคงเก็บพืชผักและข้าวเปลือกในที่ดินผืนเล็ก ๆ ที่ถูกบีบอัดอยู่ระหว่างตึกรามบ้านช่องที่ผุดขึ้นอย่างรวดเร็วเหนือฝั่งแม่น้ำ พื้นที่สีเขียวดูกระจ้อยร่อยภายใต้ปั้นจั่นก่อสร้าง


 


เพื่อที่จะทำให้พวกเขาได้ในสิ่งที่จำเป็น จำนวนของตัวแทนพลเมืองจึงเพิ่มขึ้น นักกฎหมายที่เรียนมาก็เช่นกัน เริ่มจะหันมาใส่ใจกับกฎหมายแรงงานที่พวกเขาได้เคยละเลยไป


 


โครงการพัฒนาของสหประชาชาติ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลเบลเยี่ยม ได้เริ่มต้นโครงการนำร่องเมื่อปีที่แล้วโดยการให้เงินทุนสนับสนุนความช่วยเหลือด้านกฎหมายสำหรับแรงงานอพยพใน 15 จังหวัด


 


แค่ในสาขาปักกิ่งอย่างเดียวก็ต้องจัดการกับคดีจำนวนหนึ่งจากประมาณ 4,000 คดีในปีที่ผ่านมา และ คนงานอีกประมาณ 30,000 คนต้องเข้าติดต่อกับคลินิก


 


แม้ว่าค่าตอบแทนจะต่ำเมื่อเทียบกับการให้ความช่วยเหลือด้านคดีความเหล่านี้อย่างหนักแน่นแล้ว ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ยังคงบอกว่า มันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้ทนายความสนใจ


 


"พวกเขามองมันเหมือนกับหนทางในการมีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงสังคม" อเลสซานดรา ทิซอท รองผู้แทนอาวุโสประจำกรุงปักกิ่ง จากโครงการพัฒนาของสหประชาชาติ กล่าวอีกว่า "แล้วมันยังเป็นหนทางที่จะได้ฝึกฝนและเพิ่มพูนประสบการณ์ในเรื่องกฎหมายแรงงาน ซึ่งเป็นส่วนที่ขาดไปในกฏหมายของจีนแต่ไหนแต่ไรมา"


 


 


ทางแก้ที่ดีที่สุด


 


การกดดันจำต้องขับเคลื่อนไปกับระบบกฎหมาย เนื่องจากแรงงานในจีนนั้นปราศจากช่องทางสำคัญอย่างอื่นในการแก้ปัญหาข้อพิพาทแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นสหภาพที่เป็นอิสระ ซึ่งได้ถูกสั่งห้ามจากพรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองอยู่


 


นักวิจารณ์บอกว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งสังกัดในสหภาพแรงงานประจำของรัฐบาลจีน แทบจะไม่ทำการใด ๆ ในการปกป้องสิทธิของคนงานเลย


 


ด้วยเหตุนี้ทางเลือกจึงมีจำกัดและความจำเป็นสำหรับการสนับสนุนด้านกฎหมายจึงเติบโตขึ้นมา  ฮาน ตงฟาง เจ้าของจดหมายข่าวแรงงานในจีน ที่มีสำนักงานอยู่ในฮ่องกง ผู้ให้เงินทุนและสนับสนุนแรงงานอพยพที่เกี่ยวข้องกับการพิพาททางกฏหมาย กล่าวไว้


 


เขายังได้บอกอีกว่า "แต่ในเวลาเดียวกัน อะไรคือทางแก้ที่ดีที่สุดน่ะหรือ? นั่นคือการป้องกันไม่ให้มีละเมิดสิทธิตั้งแต่แรก ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรทางกระบวนการศาลโดยใช่เหตุ มันไม่ควรจะเกิดคดีพวกนี้ขึ้นเลย"


 


องค์กรของเขาได้ประเมินไว้ว่า จำนวนคดีพิพาทแรงงานที่ศาลจีนได้รับพิจารณาเพิ่มขึ้นประมาณสี่เท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจนถึงปี 2004 โดยมีจำนวนถึงเกือบ 115,000 คดี


 


จากมุมมองของฮาน สหภาพของทางการจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหันมาให้ความสำคัญกับฝ่ายผู้ใช้แรงงาน มากกว่าการพยายามจะปกป้องผลประโยชน์จากการลงทุน ทนายโจว เห็นด้วยว่าสหภาพของรัฐนี้มีไว้ "เพียงเพื่อโชว์" เท่านั้น


 


บางส่วนมีความมุ่งหวังกับคดีมากมายก่ายกองทั้งหลาย หลังจากที่กฎหมายอนุญาโตตุลาการฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการยื่นคำร้องของผู้ใช้แรงงานมากขึ้น


 


ด้วยแรงโต้ตอบที่ก่อร่างขึ้นมา  บวกกับการที่ผู้นำชาติติดอยู่ตรงกลางระหว่างการเอาใจคนงาน กับการปกป้องฐานอำนาจของพวกเขาเอง นักสู้อย่าง โจว และ ฉี ก็ต้องเจอกับอุปสรรค


 


โจวบอกว่า บางครั้งรัฐบาลท้องถิ่นก็ได้เข้ามาแทรกแซงศาล ทำให้เขาแพ้คดี


 


ในเสิ่นเจิ้น ฉี บอกว่า เขาคนอื่นๆ ชนะคดีมากมายที่ศาลท้องถิ่นในเปาอัน มณฑลในเสิ่นเจิ้นที่มีคนงานอพยพกว่า 5 ล้านคน ซึ่งต่อมาได้มีการสั่งแบน "ตัวแทนพลเมือง" จากการทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคนงาน


 


"นี่มันผิดกฎหมายชัดๆ" ฉีผู้ที่ยังไม่ย่อท้อกล่าว เขาและคนอื่นๆ ได้ส่งจดหมายร้องทุกข์ไปถึงนายกรัฐมนตรี เหวิน


 


แม้ว่าการบีบบังคับจะมีอยู่เป็นหย่อม ๆ และรัฐบาลก็ส่งสัญญาณผสมปนเปกัน กลุ่มของตัวแทนพลเมืองที่เข้ามีส่วนกับการรณรงค์สนับสนุนทางกฎหมายก็ยังเติบโตขึ้น และการเรียนรู้ด้านกฎหมายก็กำลังขยับขยายออกไป


 


"มันยากที่จะเรียกวิญญาณให้กลับลงไปในขวด" แอนเดรีย ลาฟส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการจ้างงานของจีน กล่าว


 


ที่มา: แปลจาก


China migrant laborers learn the law to win rights , Reuters, 1 มี.ค. 2551

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net