Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 19 เม.ย.51 ที่โรงแรมโซฟิเทล ราชา ออคิด จ.ขอนแก่น นายจักรภพ เพ็ญแข รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการสัมมนา'สื่อมวลชนคนวิทยุชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อทำความเข้าใจและรับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการร่วมกันหาทางออกเพื่อให้การประกอบกิจการวิทยุชุมชนนั้นถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีผู้ประกอบการวิทยุชุมชนในพื้นที่ 19 จังหวัดภาคอีสาน เข้าร่วมการสัมมนาประมาณ 500 คน


 


นายจักรภพ  กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้รับรายงานพบว่าขณะนี้มีจำนวนวิทยุชุมชนที่เปิดดำเนินการทั่วประเทศกว่า 4,000 ราย ถือว่าค่อนข้างมาก จึงทำให้เกิดปัญหาด้านการรบกวนสัญญาณ รัฐบาลรับทราบปัญหาดังกล่าว และพร้อมที่จะเป็นสื่อกลางในการหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของตนในฐานะรัฐมนตรีที่ดูแลสื่อภาครัฐตระหนักดีว่า กลุ่มบุคคลที่เข้ามาทำวิทยุชุมชน เพราะมีใจรักที่จะเป็นสื่อสารมวลชนท้องถิ่น ยอมใช้ทุนของตัวเองมาลงทุน ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาผลกำไร


 


นายจักรภพ กล่าวต่อว่า เมื่อผู้ประกอบการวิทยุชุมชนรู้สึกว่าขณะนี้ไม่มีความมั่นคงในวิชาชีพ ตนก็ขอรับปากที่จะเข้ามาดูแลหาแนวทางช่วยเหลือ เพื่อให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ แม้ตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.51 ที่ผ่านมา จะทำให้วิทยุชุมชนอยู่นอกกรอบของกฎหมาย แต่ในทัศนคติของตนถือว่าผู้ประการวิทยุชุมชนมาก่อนที่จะเกิดกฎหมายฉบับดังกล่าว โดยเฉพาะกฎหมายที่ประกาศบังคับใช้นี้ ไม่ได้มาจากรัฐบาลที่มาจากระบบประชาธิปไตย แต่มาจากรัฐบาลภายใต้อำนาจ คมช. ซึ่งก็เหมือนกับตนและวิทยุชุมชนอยู่ในเรือลำเดียวกัน คือการไม่ยอมรับอำนาจที่มาจากเผด็จการ แต่เมื่อตนมีโอกาสเข้ามาดูแลสื่อของภาครัฐ ตนจึงมองถึงขั้นต้องมีการแก้กฎหมาย เพื่อผ่าทางตันให้กับวิทยุชุมชน


 


"ผมไม่ยอมรับว่าวิทยุชุมชนเป็นเรื่องเถื่อน ผู้ที่เข้ามาทำวิทยุชุมชนมีจิตใจดี หวังดีต่อสาธารณะชน แต่ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ที่ออกมาแล้ว ได้ทำให้เป็นกิจการเถื่อนไปโดยปริยาย ผมจะหาทางออกให้กับวิทยุชุมชน โดยจะเสนอ ครม. ให้มีโครงการทดลองพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและวิทยุชุมชน เช่น รัฐบาลอาจจะขอเวลาของวิทยุชุมชนแต่ละคลื่นที่เข้าร่วมโครงการสัก 2 - 3 ชั่วโมง เพื่อเป็นสถานีเครือข่ายของรัฐบาล แต่วิทยุชุมชนมีทั้งที่ตั้งขึ้นมาเพื่อผลทางการเมือง หรือผลทางธุรกิจ ซึ่งคงต้องพิจารณากลั่นกรองก่อนเข้าร่วมโครงการ ในเบื้องต้นคงมีการประเมินผลก่อนว่า เป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ หลังจากนั้นคงพัฒนาเป็นนโยบายของรัฐบาล หากวิทยุชุมชนรายใดเข้าร่วมโครงการ ถือว่าช่วยงานราชการ ทางรัฐบาลก็จะช่วยเหลือเป็นการตอบแทน โดยจะทำข้อตกลงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า วิทยุชุมชนในโครงการความร่วมมือดังกล่าว จะต้องไม่ถูกจับดำเนินคดี คือห้ามจับ "


 


 


------------------------------- 


ที่มา : เว็บไซต์มติชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net