Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


ส.ส.ประชาธิปัตย์ค้านทำ "ฝายแม้ว" ล้นอุทยานฯ ที่ชุ่มชื้นอยู่แล้ว


มติชน - นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการที่ดินป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม สภาผู้แทนราษฎรกล่าวเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมว่า เห็นด้วยกับการที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประกาศให้คณะบุคคลที่ต้องการสร้างฝายแม้วในอุทยานแห่งชาติขออนุญาตอย่างเป็นทางการ แต่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างฝายแม้วในอุทยานฯ เพราะเป็นพื้นที่ที่ดินมีความชุ่มชื้นและอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว แต่ควรสร้างเฉพาะพื้นที่ป่าสงวนฯ ที่ถูกบุกรุกหรือเสื่อมโทรมเท่านั้น เพราะฝายแม้วจะเพิ่มความชุ่มชื้นให้มากขึ้น


 


ด้านนายอดิศร เกียรติโชควิวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวหลังการเปิดโครงการ "รักษ์น้ำ สร้างฝายถวายในหลวง" ที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จ.เชียงใหม่ว่า กฟภ.ได้ประสานกรมอุทยานฯ ในเรื่องข้อมูลทางหลักวิชาการ เช่น การใช้ระบบจีพีเอส สำรวจพื้นที่เหมาะสมในการก่อสร้าง สรุปสร้างได้ 1,750 ฝาย ใน 3 อำเภอ คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือนธันวาคมนี้


 


ส.ส.พปช.ขวางตั้งนายกฯ คนนอก


ไทยโพสต์ - นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วัฒนธรรม และ ส.ส.แพร่ พรรคพลังประชาชน กล่าววานนี้ (1 ธ.ค.) ว่า ถ้านายกฯ ลาออกก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะภายในพรรคพลังประชาชนยังมีบุคคลที่สามารถทำหน้าที่นี้ได้หลายคน หากผ่านการเป็นผู้แทนฯ มาแล้วก็ถือว่ามีคุณสมบัติที่สามารถเป็นนายกฯ ได้ทั้งนั้น


 


เขาบอกว่า   ขณะนี้พรรคได้เตรียมความพร้อมเรื่องการถูกยุบพรรคไว้แล้ว  เช่น  ให้กรรมการบริหารพรรคที่ไม่ใช่   ส.ส.เขตได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดแล้ว   เหลือเพียงนายสมชายที่ยังไม่ลาออก   และพรรคร่วมรัฐบาลก็รับปากแล้วว่าจะมาอยู่กับเราทั้งหมด  ซึ่งถ้าจะประเมินว่าสถานการณ์ขณะนี้มีสิ่งใดที่น่าเป็นห่วง ก็คือการที่ศาลรัฐธรรมนูญเร่งแถลงปิดคดีและยุบพรรคพลังประชาชน จะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย และจะมีโรคแทรกซ้อนที่จะสร้างปัญหาให้สังคมเพิ่มมากขึ้น


 


"ตรงนี้เท่ากับว่าศาลสร้างปัญหาให้กับสังคม ดังนั้นเมื่อสังคมส่งสัญญาณไม่เห็นด้วย แต่ถ้าศาลยังดำเนินการยุบพรรคก็จะเกิดปัญหาตามมาอีก ดังนั้นศาลคือคนที่สร้างปัญหาให้เกิดขึ้น"


 


นายวรวัจน์กล่าวถึงแนวคิดให้แต่งตั้งคณะผู้บริหารพิเศษ โดยมีนายพลากร สุวรรณรัฐ เป็นนายกฯ เป็นเรื่องจริง แต่รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่มีทางยอมให้ผู้ก่อการร้ายมาปกครองประเทศ และเชื่อว่าประชาชนไม่มีทางยอม ไม่มีใครเอาชนะพลังของประชาชนได้


 


สหพัฒน์-ดีแทค-เซียงเพียวอิ๊ว-ซีพี ยันเป็นกลางทางการเมือง


โพสต์ทูเดย์ - จากรายงานแจ้งว่ามีผู้ส่งโทรสารไปยังสำนักงานต่างๆ โดยใช้หัวข้อว่า "สินค้าที่อุดหนุนพันธมิตรชั่ว" ซึ่งไม่ควรให้การสนับสนุนซื้อสินค้า ขณะเดียวกันยังแบ่งแยกรายการระบุสินค้าที่ควรให้การอุดหนุน


 


ฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัทเครือสหพัฒน์ ระบุว่า จากกระแสข่าวเครือสหพัฒน์ให้การสนับสนุนกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นปัญหาความขัดแย้งอยู่ในขณะนี้ เครือสหพัฒน์ ขอชี้แจงและย้ำใน จุดยืนว่า เครือสหพัฒน์มีนโยบายเป็นกลางทางการเมือง ไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และยังปรารถนาที่จะเห็นสถานการณ์บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว


 


รายงานข่าวจากบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค เปิดเผยว่า สาเหตุที่มีการเข้าใจผิดว่าดีแทคเป็นฝ่ายกลุ่มพธม. เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า คนของกลุ่ม พธม. ใช้ดาดฟ้าของดีแทคในการซุ่มยิงคนของกลุ่มนปช. ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากดีแทคสั่งห้ามบุคคลที่ไม่ใช่พนักงานเข้าไปในสำนักงานใหญ่อย่างเด็ดขาด


 


บริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) ผู้ผลิตยาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว ก็ส่งเอกสารชี้แจงว่า บริษัท ไม่มีนโยบายการดำเนินธุรกิจที่นำธุรกิจเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมือง โดยย้ำจุดยืนในความเป็นกลาง


 


ทั้งนี้ เช่นเดียวกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซี.พี. ที่ออกมาแสดงจุดยืนว่า เครือไม่มีนโยบายให้การสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และ ยึดมั่นในนโยบาย "3 ประโยชน์" ในการทำธุรกิจ คือ 1.ประโยชน์ แก่ประเทศชาติ 2.ประโยชน์ต่อประชาชน 3.ประโยชน์ต่อบริษัท พนักงานและผู้ถือหุ้น


 


 






เศรษฐกิจ


 


โรงงานลำพูนหั่นโอที-เลิกจ้าง ทำรายได้แรงงานลดกว่า 30%


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - นายมนัส เกียรติเจริญวัฒน์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ขณะนี้สถานการณ์การเลิกจ้างแรงงานในส่วนของ จ.ลำพูน ข้อมูลล่าสุดจนถึงเดือนธันวาคมพบว่ามีจำนวนแรงงานถูกเลิกจ้างในทุกอุตสาหกรรมรวมกว่า 1,000 คน เป็นแรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนขนาดเล็กส่งออก ไปให้บริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น มีการเลิกจ้างพนักงานจำนวน 200 คน ส่วนที่เหลือเป็นลูกจ้างบริษัทจิวเวลรี่ 1-2 แห่ง


 


ทั้งนี้ในส่วนของการปิดตัวโรงงานนั้นยังไม่มีแต่อย่างใด แต่มีแนวโน้มว่าในปี 2552 จะมีโรงงานจิวเวลรี่ จำนวน 1-2 แห่งปิดตัวแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันมีการเลิกจ้างพนักงานเกือบหมดแล้ว และไม่มีขั้นตอนการผลิตแต่อย่างใด แต่ถือว่ายังไม่ปิดโรงงาน 100%


 


นายมนัส กล่าวว่า สาเหตุของการปิดตัวเนื่องจากไม่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ในส่วนของการปิดตัวโรงงานตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ที่เป็นรูปธรรมได้ แต่คาดว่าในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 จะเห็นตัวเลขที่ชัดเจนขึ้น


 


อย่างไรก็ตาม แนวโน้มปี 2552 การเลิกจ้างแรงงานจะได้รับผลกระทบไม่มากนักคาดว่าไม่น่าจะเกิน 5 % จากแรงงานในจังหวัดลำพูนที่มีทั้งหมด 5 หมื่นคนเศษ แต่โรงงานจะมีการลดโอทีพนักงานแน่นอน ทำให้รายได้ของคนงานจะลดลงจากปีนี้กว่า 30% ทั้งนี้ ในส่วนของสินค้าเครือสหพัฒน์จะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เนื่องจากมีสินค้าหลากหลายและเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการบริโภคในชีวิตประจำวัน


 


ด้านนายณรงค์ ธรรมจารี เลขาธิการหอการค้าจังหวัดลำพูน กล่าวว่า นิคมอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูนเป็นศูนย์กลางในการผลิตและส่งออกสินค้า 2 ประเภท คือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับไอทีและผลิตจิวเวลรี่ส่งออกต่างประเทศ


 


ซึ่งสถานการณ์การเลิกจ้างแรงงานในจังหวัดลำพูนปัจจุบันถือว่าไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากโดยปกติแล้วจะมีการลาออกโดยสมัครใจและเลิกจ้างปีละ 5-10% ของแรงงานทั้งระบบที่มีจำนวน 50,000 คน เป็นปกติอยู่แล้ว โดยบริษัทก็มีการจ่ายเงินค่าทดแทนตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะพนักงานส่วนมากจะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปมาอยู่แล้ว


 


"สำหรับในปีหน้า คาดว่าจะมีปริมาณไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่น่าเป็นกังวลตอนนี้คือ การลดจำนวนโอที ส่งผลให้แรงงานได้รับความเดือดร้อน ปกติเคยได้เดือนละ 10,000 บาท ตอนนี้เหลือเพียงเดือนละ 6,000-7,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นเหมือนกันในทุกโรงงาน และคาดว่าในปีหน้า หากเศรษฐกิจยังได้รับผลกระทบจากภายในและภายนอกเหมือนในปีนี้ การจ้างโอทีก็น่าจะลดลงอีกเช่นกัน" นายณรงค์ กล่าว


 


อย่างไรก็ตาม ในส่วนการปิดกิจการนั้น จากการสอบถามยังไม่มีการปิดตัวแต่มีการลดจำนวนพนักงานลง โดยจากข้อมูลพบว่ามีโรงงานจิวเวลรี่ 1 แห่ง ปรับลดพนักงานจาก 300 คน เหลือเพียง 80 คนเท่านั้น ทั้งนี้ เป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ส่งผลให้ตลาดหลักโดยเฉพาะประเทศแถบยุโรปออร์เดอร์สินค้าลดลง แต่ยังมีตลาดรองทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีออร์เดอร์สินค้าบ้าง แต่ไม่มากนัก


 


ขณะที่นายสุภา มโนปัญญา แรงงานจังหวัดลำพูน กล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลการถูกเลิกจ้างงานพบว่าในจังหวัดลำพูนมีจำนวนกว่า 1,172 คน ในอุตสาหกรรมอัญมณี และอิเล็กทรอนิกส์ และในเดือนธันวาคมนี้มีบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ 2 แห่ง เลิกจ้างแรงงานจำนวนกว่า 247 คน


 


ทั้งนี้ถือเป็นเรื่องปกติไม่น่ากังวลแต่อย่างใด และคาดว่าแนวโน้มในปี 2552 จะมีการเลิกจ้างอีกเช่นกัน หากไม่มีคำสั่งซื้อเข้ามา


 


 






สิ่งแวดล้อม-คุณภาพชีวิต-วิทยาการ


 


พระจันทร์ยิ้ม ปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือน


เว็บไซต์เดลินิวส์ - เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันนี้ (1ธ.ค.) ได้เกิดปรากฎการณ์ดาราศาสตร์สวยงามบนท้องฟ้าในช่วงหัวค่ำ ซึ่งนักดาราศาสตร์เรียกว่า "ดาวเคียงเดือน" สามารถสังเกตเห็นได้ทั่วกทม.และในต่างจังหวัดที่มีท้องฟ้าเปิด


 


โดยปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือน เป็นปรากฏการณ์ที่สามารถมองเห็นดาวเคราะห์สว่างสุกใส 2 ดวง คือดาวศุกร์ และดาวพฤหัสบดี พร้อมกับดวงจันทร์เสี้ยวมาปรากฏอยู่ใกล้กันทางทิศตะวันตกเฉียงใต้หลังจากที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ซึ่งเมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเราสามารถมองเห็นเป็นลักษณะเหมือนพระจันทร์ยิ้ม


 


น.ส.ประพีร์ วิราพร นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้เห็นเหมือนรูปพระจันทร์ยิ้ม แต่ทางดาราศาสตร์เรียกว่า ปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือน โดยข้างล่างเป็นดวงจันทร์ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 1 ข้างบนดวงที่สว่างสุดเป็นดาวศุกร์ ส่วนดวงที่สว่างน้อยกว่าเป็นดาวพฤหัส


 


สำหรับในปีนี้มีความพิเศษกว่าหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา เพราะปกติปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือนจะมีดาวที่มาเคียงดวงจันทร์แค่ดวงเดียว ซึ่งบางครั้งอาจจะเป็นดาวศุกร์หรือดาวพฤหัส ส่วนปรากฏการณ์ที่ดาวสองดวงมาเคียงเดือนนั้น ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่หาดูได้ยาก และสามารถดูได้เพียงวันที่ 1 ธ.ค.51 นี้เท่านั้น นับตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ตกจนถึงเวลาประมาณ 20.30 น. สำหรับในวันพรุ่งนี้(2ธ.ค.) พระจันทร์จะอยู่สูงกว่าดวงดาว 12 องศา ซึ่งจะเห็นเป็นรูปพระจันทร์หน้าบึ้งกลับหัว


 


"ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ดาวพฤหัส ดาวศุกร์และดวงจันทร์ โคจรมาอยู่ในกลุ่มดาวคนยิงธนู ซึ่งดาวพฤหัสจะใช้เวลาในการเปลี่ยนราศีปีละ 1 ราศี และใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ทั้งหมด 12 ปี ทำให้โอกาสของดาว 2 ดวงและพระจันทร์โคจรมาอยู่บนราศีเดียวกันเป็นเรื่องยาก ต้องใช้เวลานับ 10 ปี ซึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นไปตามระบบสุริยะ แต่เป็นเรื่องยากที่จะได้พบเห็น และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตนเองมีโอกาสได้เห็น ดาว 2 ดวงเคียงเดือน เพราะในอนาคตยังไม่แน่ใจว่าหากเกิดปรากฎการณ์แบบนี้ขึ้น ท้องฟ้าจะเป็นใจให้สามารถมองเห็นได้เหมือนครั้งนี้หรือไม่" น.ส.ประพีร์ กล่าว


 


น.ส.ประพีร์ กล่าวต่อว่า ปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือนนี้เป็นเหมือนหน้าพระจันทร์ยิ้มบนท้องฟ้ามองลงมา ซึ่งอาจเปรียบได้ว่าอาจจะมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นหลังจากที่บ้านเมืองวุ่นวายมานาน


 


น้ำท่วม "สงขลา-ยะลา" อ่วม ทางรถไฟไป 3 จังหวัดใต้เสียหาย


มติชน - เกิดน้ำท่วมขยายวงกว้างไปสู่รอบนอก อ.หาดใหญ่ อ.นาหม่อม อ.บางกล่ำ และ อ.รัตภูมิ รวมทั้งน้ำป่าจาก อ.สะเดา และเทือกเขาคอหงส์ไหลลงมาสมทบ เส้นทางเชื่อมระหว่าง อ.หาดใหญ่ กับอำเภอรอบนอกถูกตัดขาด ขณะเดียวกันน้ำเริ่มไหลทะลักเข้าสู่ตัวเมืองชั้นในของเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ แล้ว โดยเฉพาะย่านการค้า แต่ยังไม่สูงมากนัก ขณะที่บริเวณตัวเมืองชั้นนอก เช่น ชุมชนจันทร์วิโรจน์ ย่านชุมชนทุ่งเสา ถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 1 เมตร ประชาชนเร่งเคลื่อนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูง ส่วนรถยนต์ถูกย้ายไปไว้บนสะพาน ห้างสรรพสินค้าและบนเนินสูง ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก


 


ขณะเดียวกันทางเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้ปรับเปลี่ยนธงสัญลักษณ์เตือนภัย จาก "สีเหลือง" ซึ่งหมายถึงระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.50 เมตร ให้ประชาชนติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดในช่วงเช้า ได้เปลี่ยนเป็น "สีแดง" ซึ่งหมายถึงการเตือนภัยเตรียมตัวอพยพขึ้นสู่ที่สูง เนื่องจากระดับน้ำในคลองอู่ตะเภาเพิ่มขึ้น บริเวณสี่แยกแสงสีมีน้ำท่วมสูง รถไม่สามารถผ่านไป-มาได้ ส่วนระดับน้ำในคลองบริเวณโรงแรมเจบี หน้าโรงเรียนธิดานุเคราะห์กำลังจะล้นตลิ่ง


 


ด้านนายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 เรื่องการเตรียมการอพยพตามประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยแจ้งเตือน 13 ชุมชนในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้แก่ ชุมชนจันทน์นิเวศ, ชุมชนจันทร์วิโรจน์, ชุมชนกิมหยง, ชุมชนนิพัทธ์ภักดี, สุดปลายถนนนิพัทธ์อุทิศ 1/2/3, ถนนหอยมุก, ถนนธรรมนูญวิถี, ถนนเพชรเกษม ตั้งแต่แยกคอหงส์ถึงห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์ ประมาณ 2 กิโลเมตร, ชุมชนโชคสมาน, และชุมชนรัตนอุทิศ ให้เตรียมขนของขึ้นที่สูงและคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด


 


นายณรงค์พร ณ พัทลุง นายอำเภอรัตภูมิ เปิดเผยว่า สภาวะน้ำท่วมในอำเภอรัตภูมิเข้าขั้นวิกฤต มีน้ำท่วมขังทั้ง 5 ตำบล 46 หมู่บ้าน โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.เขาพระ ท่วมเส้นทางทุกจุด ประชาชนนับร้อยครัวเรือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก อำเภอได้นำข้าวกล่องพร้อมนำน้ำดื่มออกไปแจกจ่ายแล้ว


นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์ภาคใต้ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมทางรถไฟในพื้นที่ หมู่ 2 บ้านทุ่งฆ้อ อ.นาหม่อม จ.สงขลา ซึ่งถูกน้ำป่าซัดจนเส้นทางเสียหาย โดยนำหินลงไปอัดจุดดังกล่าวให้แข็งแรงมากขึ้นเพื่อให้ขบวนรถไฟมุ่งสู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ตามปกติ และจะต้องตรวจสอบเส้นทางรถไฟอีกหลายจุดทั้งใน อ.บางกล่ำ อ.ควนเนียง และ อ.นาหม่อม ซึ่งยังคงมีน้ำป่าทะลักเข้าท่วมอย่างต่อเนื่อง


 


ส่วนที่ จ.ยะลา หลังจากฝนตกหนักติดต่อกันตั้งแต่ช่วงกลางคืนที่ผ่านมา ทำให้น้ำท่วมหลายพื้นที่ของ อ.รามัน มีเสาไฟฟ้าล้มทับถนน 10 ต้นใน ต.ตะโล๊ะหะลอ ทำให้ไฟฟ้าดับกว่า 1 ชั่วโมง ส่วนที่หมู่บ้านปาเซ หมู่ 3 ต.ตะโล๊ะหะลอ น้ำในแม่น้ำสายบุรีเอ่อล้นตลิ่ง ทำให้น้ำท่วมสูง 2 เมตร ราษฎรกว่า 20 หลังคาเรือนถูกตัดขาด ต้องอาศัยเรือเข้า-ออก โรงเรียนบ้านยะต๊ะ โรงเรียนบานกาลูปัง และโรงเรียนอาเหฮูโต๊ะ ปิดการเรียนไม่มีกำหนด


 


นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ได้ประกาศให้พื้นที่ อ.รามัน และ อ.เมืองยะลา เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม หลังพบว่าทั้ง 2 อำเภอมีปริมาณน้ำฝนท่วมขังเป็นจำนวนมาก ที่น่าห่วงขณะนี้คือ น้ำป่าไหลหลาก หากฝนตกลงมาอย่างหนักใน อ.กรงปินัง อ.บันนังสตา อ.ธารโต และ อ.เบตง อาจเกิดปัญหาน้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนราษฎร และปัญหาดินถล่มทับเส้นทางได้


 


มข.ค้นพบสาหร่ายน้ำจืดใช้ผลิตไบโอดีเซล


เดลินิวส์ - ศ.เกียรติคุณ ดร.สุมนต์ สกลไชย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า พืชขนาดเล็กที่เรียกว่าสาหร่ายสีเขียวขนาดเล็กในแหล่งน้ำจืดใน จ.ขอนแก่น โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่พบในบึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น นักวิจัยของมหาวิทยาลัย คือ ดร.รัตนภรณ์ สีสิงห์ จากภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ค้นพบว่า มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับพืชพลังงาน โดยน้ำมันที่สกัดได้จากสาหร่ายสีเขียวขนาดเล็กนี้ สามารถนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลได้


 


ดร.รัตนภรณ์ นักวิจัยผู้ค้นพบ กล่าวว่า  การคัดเลือกสาหร่ายสีเขียวขนาดเล็กจากแหล่งน้ำจืดใน จ.ขอนแก่น เพื่อใช้เป็นแหล่งเชื้อเพลิงชีวภาพทดแทน แหล่งที่ค้นพบสาหร่ายสีเขียวขนาดเล็กคุณภาพดี คือ ที่บึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตั้งชื่อว่า KKU-S2 (S=สีฐาน) การใช้สาหร่ายสีเขียวขนาดเล็กเป็นพลังงานชีวภาพทดแทน ทำได้โดยการนำสาหร่ายที่คัดเลือกได้จากแหล่งน้ำจืด มาเพาะเลี้ยงในสภาวะที่เหมาะสมซึ่งใช้เวลาเพียง 2 วัน สาหร่ายจะสามารถเพิ่มจำนวนเป็น 2 เท่า จากปริมาณเดิม และเพื่อให้สาหร่ายโตเต็มที่มีปริมาณน้ำมันเพียงพอในการสกัด และต้องเพาะเลี้ยงสาหร่ายต่อไปอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์


 


นักวิจัยผู้ค้นพบ กล่าวอีกว่า จากนั้นนำสาหร่ายมาสกัดไขมัน หรือน้ำมันที่สะสมในเซลล์มาผลิตน้ำมันไบโอดีเซล โดยผ่านกระบวนการทรานส์เอสเทอริฟิเคชั่น (transesterification) หรือการใช้เซลล์สาหร่ายขนาดเล็กผสมโดยตรงกับน้ำมันดีเซล  ซึ่งปัจจุบันได้ทำการวิจัยถึงขั้นตอนการค้นพบคุณสมบัติของสาหร่ายขนาดเล็กมาสกัด จะได้น้ำมัน หรือลิปิดที่เป็นไตรกลีเซอไรด์ โดยมีกรดปาล์มิติค กรดสเตียริค และกรดโอเลอิค เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งเป็นกรดไขมันประเภทเดียวกันกับที่พบในน้ำมันพืช  แสดงว่าน้ำมันที่ผลิตได้จากสาหร่ายสีเขียวขนาดเล็ก มีศักยภาพในการนำมาใช้เป็นวัตถุดิบ    สำหรับผลิตไบโอดีเซลได้


 


"ในการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในอนาคต หากจะเพาะเลี้ยงสาหร่ายสีเขียวขนาดเล็กในระดับอุตสาหกรรมผลิตน้ำมันไบโอดีเซล สามารถทำได้ เนื่องจากการเพาะเลี้ยงสาหร่าย ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการเพาะปลูก อีกทั้งยังใช้เวลาเพาะเลี้ยงเพียง 1-2 สัปดาห์ ก็สามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันได้แล้ว แต่พืชน้ำมันชนิดอื่น ๆ ที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไบโอดีเซลในไทย เช่น สบู่ดำ ปาล์มน้ำมัน ในการเพาะปลูกใช้เวลานาน และใช้พื้นที่มาก นอกจากนั้นผลผลิตยังขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศและฤดูกาลอีกด้วย" ดร.รัตนภรณ์ กล่าว


 


นักวิจัยผู้ค้นพบ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวคิดในการนำน้ำมันสาหร่ายสีเขียวขนาดเล็ก มาใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซล เกิดจากวิกฤติการณ์ความไม่แน่นอนของราคา และปริมาณ น้ำมันดิบที่ลดลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะปัญหาภาวะโลกร้อนที่โลกเรากำลังเผชิญอยู่ ทำให้นักวิจัยมุ่งความสนใจมาที่สาหร่ายสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก แต่มีศักยภาพสูง อย่างสาหร่ายสีเขียวขนาดเล็กในแหล่งน้ำจืดที่ จ.ขอนแก่น โดยความคืบหน้าของผลงานวิจัยเรื่องนี้ คาดว่าจะพัฒนาถึงขั้นผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซล ได้ประมาณเดือนเมษายน 2552


 


 






ต่างประเทศ


 


โอบามาแต่งตั้ง ฮิลลารี คลินตัน คุมต่างประเทศ


ข่าวหุ้น - ประธานาธิบดีบารัค โอบามาจะประกาศรายชื่อทีมความมั่นคงแห่งชาติในวันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม โดยเลือกฮิลลารี คลินตันเป็นรมต.ต่างประเทศ และโรเบิร์ต เกตส์เป็นรมต.กลาโหม


 


ทั้งสองคนนี้เคยมีความขัดแย้งกับโอบามาในอดีตเกี่ยวกับปัญหาด้านความมั่นคงและนโยบายต่างประเทศ แต่จะมีภาระในการสนับสนุนวิสัยทัศน์ของโอบามาที่จะสร้างความเป็นผู้นำของอเมริกาขึ้นใหม่ในกิจการทั่วโลก สร้างภาพพจน์ของอเมริกาในต่างประเทศใหม่ และควบคุมสงครามในอิรัก และอัฟกานิสถาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net