Skip to main content
sharethis

คนเสื้อแดงรวมตัวสนามหลวงยื่นฎีกาที่พระบรมมหาราชวัง ด้านทักษิณโฟนอินขอบคุณประชาชนที่มีน้ำใจลงชื่อ-ยืนยันความจงรักภักดี ตู่เผยยื่นชื่อ 3.5 ล้าน ตัดออก 2 ล้านเพื่อความชัวร์ ด้านราชเลขาฯ แถลงรับฎีกาแล้วจะส่งให้รัฐบาลพิจารณาถวายความเห็นประกอบพระราชดำริต่อไป

แดงชุมนุมสนามหลวง ทักษิณโฟนอินปฏิญาณจงรักภักดี

เช้าวันนี้ (17ส.ค.) แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง นำโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช. ได้เป็นตัวแทนยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี โดยผู้ชุมนุมทยอยร่วมชุมนุมตั้งแต่ช่วงเช้า โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงกลุ่มใหญ่ที่เพิ่งเลิกจากการชุมนุมที่ จ.นครสวรรค์ เมื่อคืนวันที่ 16 ส.ค. เดินทางมาสมทบกับผู้ชุมนุมที่สนามหลวงด้วย โดยอัลจาซีร่าระบุว่าผู้จัดการชุมนุมประมาณจำนวนผู้ชุมนุมว่าน่าจะมีจำนวนมากกว่าหนึ่งแสนคน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจประเมินว่ามีผู้ชุมนุมราว 2 หมื่นคน โดยลอร่า คีล (Laura Kyle) ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีร่ารายงานด้วยว่า “บรรยากาศเหมือนกำลังฉลองแบบเฉอะแฉะมากกว่าการประท้วงแบบโกรธแค้น”
 
และเมื่อเวลา 11.00 น.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้วิดีโอลิงก์ถึงกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งชุมนุมกันอยู่ที่สนามหลวงว่า สวัสดี พี่น้องคนไทย ตนต้องขอขอบคุณ พี่น้องที่มีน้ำใจ ถือเป็นน้ำใจที่จะไม่มีวันลืมทั้งชีวิต วันนี้ พี่น้องคนมาที่นี่ไม่ใช่ เพราะตนเพียงลำพัง การมาครั้งนี้ ได้สะสมความรู้สึก 3 ปีที่ผ่านมา ตนเป็นเหยื่อของการถูกรังแก ใส่ร้าย ต้องมาขอพึ่งพระบารมี
 
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนมีความรู้สึกว่าไม่ควรเห็นแก่ตัว ตนเรียนด้วยภาษีอากรประชาชน เมื่อมีความรู้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องอาสาตัวเองสู่การเมือง แต่เส้นทางที่ผ่านมา ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงมาก สร้างความไม่พอใจให้หลายฝ่าย ตนทำงานทุ่มเทมาตลอด แต่ผลที่ได้รับจากการทุ่มเททำงานหนัก ถูกกลั่นแกล้งกล่าวหา โดยเฉพาะสร้างเรื่องไม่จงรักภักดี ยืนยันว่าตนมีความจงรักภักดีเหมือนคนไทยทุกคน
 
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้กล่าวถึงโครงการ OTOP รวมถึงการถูกตัดสินให้จำคุก 2 ปี และว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะสามารถยิ้มใส่กันด้วยความสนิทใจ วันนี้เป็นช่องทางที่เราร้องทุกข์ ขอให้เป็นคนไทยหัวใจเดียวกัน รวมพลังนำประเทศไทยให้ก้าวหน้า มีความสุขด้วยกัน
 
พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ปฏิญาณตนต่อพระบรมฉายาลักษณ์ ว่า "ข้าพเจ้า พ.ต.ท.ทักษิณ? ชินวัตร และครอบครัว ขอถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่า ข้าพเจ้าและครอบครัว จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และ ราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ ตลอดจนชีวิตหาไม่ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม" จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้นำประชาชนที่มาร่วมชุมนุม ร้องเพลง 'สดุดีมหาราชา' 2 รอบ ก่อนจบการโฟนอิน
 
 
ตู่เผยยื่นชื่อ 3.5 ล้าน คัดออก 2 ล้าน ก่อนมอบผ่านรองราชเลขาธิการ
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวถึงรายชื่อผู้ยื่นถวายฎีกามีจำนวนประมาณ 3.5 ล้านใบ โดยคัดออกไปกว่า 2 ล้านใบที่พบว่าอาจจะมีปัญหา ทั้งนี้ เพื่อความมั่นใจว่าทุกใบฎีกาจะมีความถูกต้อง เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามนำมาโจมตี โดยเฉพาะยิ่งเมื่อเห็นของกระทรวงมหาดไทยล่ารายชื่อแบบสุกเอาเผากินทำให้คนเสื้อแดงยิ่งต้องรอบคอบ จะไม่ยอมให้เกิดข้อพลาดแม้น้อย ซึ่งจะทำให้ฎีกาทั้งหมดเกิดความเสียหายไปด้วย
 
เวลา 12.00 น. ขบวนถวายฎีกาของคนเสื้อแดงเคลื่อนขบวนจากท้องสนามหลวงไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยริ้วขบวนนำโดยนักเรียน นิสิต นักศึกษา ถือพาน พุ่มเงินพุ่มทองและพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้น เป็นตัวแทนของกลุ่มเสื้อแดง 10 คน ที่ได้รับมอบให้เป็นผู้ยื่นถวายฎีกา ตามด้วยขบวนธงชาติ 75 ผืน หมายถึงปีแห่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ระบอบประชาธิปไตย, พระสงฆ์ 1,000 รูป ปิดท้ายขบวนด้วยใบฎีกาห่อผ้าแดง กล่องละ 1 หมื่นรายชื่อโดยใช้ประชาชน 2 คน หามรายชื่อ 2 คน ต่อ 1 กล่องจำนวนมาก
 
โดยหัวขบวนได้ออกจากท้องสนามหลวง เพื่อเคลื่อนไปตามถนน ผ่านโรงแรมรัตนโกสินทร์ ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อ้อมไปพระบรมมหาราชวัง ขณะที่ประชาชนบางส่วนที่ไม่ได้ร่วมขบวนไปยังปักหลักชุมนุมอยู่ที่ท้องสนามหลวง โดยตะโกนให้กำลังใจผู้ที่อยู่ในขบวนอย่างต่อเนื่อง
 
เวลา 12.25 น. ขบวนฎีกากลุ่มเสื้อแดงได้เคลื่อนมาถึงหน้าประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบ.ก.น.1 ทำหน้าที่รับชอบควบคุมสถานการณ์อยู่บริเวณดังกล่าว พร้อมกับมีแผงเหล็กมากั้น
 
พล.ต.ต.วิชัย ได้ขอร้องกลุ่มเสื้อแดงไม่ให้ข้ามถนนหน้าพระลานเพื่อมายังฝั่งพระบรมมหาราชวัง เพื่อขอ ใช้ถนนเป็นเส้นทางสัญจรปกติ ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงปฏิบัติตามแต่โดยดี โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ ได้ขึ้นรถตำรวจพร้อมกล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงให้มวลชน ทราบว่า เมื่อถึงเวลาที่ตัวแทนยื่นใบถวายฎีกาขอให้มวลชนอย่าเดินตามไป ให้สงบนิ่งอยู่กับที่ จากนั้นนายอินจันทร์ บุราพันธ์รองราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง เป็นผู้รับฎีกาที่ด้านประตูวิเศษไชยศรีเป็นที่เรียบร้อยแล้วท่ามกลางความดีใจของกลุ่มคนเสื้อแดงโดยมีเสียงฟ้าร้องครืนเป็นระยะ
 

โปสการ์ดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มอบให้ผู้ชุมนุม
 
ทักษิณโฟนอินอีกรอบเผยซาบซึ้งขอบคุณประชาชน
หลังถวายฎีกา เวลาประมาณ 13.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอินระบบวิดีโอลิ้งมาขอบคุณประชาชนอีกครั้ง โดย พ.ต.ท.ทักษิณสวมชุดสูท ฉากด้านหลังเป็นพระบรมฉายาลักษณ์คู่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประดับพุ่มดอกไม้ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ได้เฝ้าดูการยื่นถวายผ่านทาง People Channel โดยตลอด รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาซึมเป็นระยะๆ และเมื่อโทรศัพท์กลับไปที่บ้าน ทุกคนก็น้ำตาไหลที่ประชาชนมีเมตตาให้ตนและครอบครัว และต้องขอขอบคุณพี่น้องคนไทยทั้งแผ่นดินที่มีเมตตาและมีเป้าหมายที่จะนำพาบ้านเมืองไปสู่สันติสุข ความปรองดองของชาติและความก้าวหน้า โดยระหว่างนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือตลอดเวลา
 
ระหว่างนั้นนายณัฐวุฒิ ได้สอบถาม พ.ต.ท.ทักษิณว่าหากกลับมาประเทศไทยและขึ้นเวทีของกลุ่มเสื้อแดงจะทำอะไรเป็นอย่างแรก พร้อมถามถึงของฝากที่ พ.ต.ท.ทักษิณฝากมาให้กับประชาชน พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ตนบินไปรอบโลกแต่ใจก็ยังคิดถึงประเทศไทย และเคยคิดว่าว่าหากตนเลวจริงก็ขออย่าให้ได้กลับมายังประเทศไทย และได้แผ่นเมตตา อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร และตนก็หวังว่าจะได้กลับมาตอบแทนคุณพี่น้องคนไทย และหากมีโอกาสกลับมาจะไปเยือนพี่น้องทุกหนทุกแห่งเท่าที่จะทำได้และหลังจากนี้ก็คงจะบินโฉบไปโฉบมาสักพักจนกว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นและขอให้สู้กันอย่างสันติ เพราะเชื่อว่าสันติจะทำให้เราชนะได้
 
 
ร้องเพลง “ฉันจะกลับมา” น้ำตาคลอ แฟนคลับทักษิณแย่งโปสการ์ด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการโฟนอิน นายณัฐวุฒิ พยายามขอร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณร้องเพลง “ฉันจะกลับมา” แต่ พ.ต.ท.ทักษิณจำเนื้อไม่ได้ ทีมงานจึงได้เปิดเพลงและให้ พ.ต.ท.ทักษิณร้องคลอตามไป และเมื่อจบเพลง พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่าเพลงดังกล่าวตรงกับความรู้สึกในใจว่าสักวันตนจะกลับมายังประเทศไทย ถึงแม้จะถูกย่ำยีก็จะอดทนเพื่อรอวันกลับ โดยช่วงนี้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสะเทือนใจเพราะผู้ชุมนุมและ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่างพากันน้ำตาคลอ
 
สำหรับเนื้อหาเพลง “ฉันจะกลับมา” มีใจความว่า “ต้องมีสักวัน ฉันจะกลับมา มาตามสัญญา ด้วยศรัทธาและเยื่อใย ฉันถูกให้ยอม ทั้งที่ยังไม่พร้อมใจ ฉันจะกลับมาใหม่ให้ชาวไทยจงได้โปรดรอ ต้องมีสักวันฉันจะกลับมาถึง เธอคือแรงดึง เคยซาบซึ้ง น้ำตาคลอ ฉันจะอดทน กับคำคนที่บ่นด่าทอ เชิญเหยียบย่ำให้พอ จะรอวันฟ้าเปลี่ยนสี
 
กลายเป็นคนต้องพเนจร โยกย้ายที่นอน ดังผู้ร้ายหลบหนี โอ้นกขมิ้น แผ่นดินของเจ้าก็ยังมี ต่างจากตัวข้านี้ไม่มีถิ่นที่อาศัย ต้องมีสักวันฉันจะกลับห้องหอ ทุกคนจงรอวันคนซึ้งมีชัย ฉันจะกลับมาเพื่อร่วมแรงร่วมใจ ฉันจะกลับมาใหม่เพื่อชาวไทยและผืนแผ่นดิน ต้องมีสักวันฉันจะกลับห้องหอ ทุกคนจงรอวันคนช้ำ..มีชัย ฉันจะกลับมาเพื่อร่วมแรงร่วมใจ ฉันจะกลับมาใหม่เพื่อชาวไทยและผืนแผ่นดิน ฉันจะกลับมาใหม่เพื่อรวบรวมใจ แก้ปัญหาชาติไทย ให้สดใสอยู่ดีมีกิน(ฟังเพลงที่นี่)
 
นอกจากนี้ ยังมีโปสการ์ดที่ พ.ต.ท.ทักษิณแจกเป็นที่ระลึกในงานด้วย โดยเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ใส่เสื้อ โปโลสีแดงหน้าตายิ้มแย้ม และมีข้อความเขียนด้วยลายมือ พ.ต.ท.ทักษิณว่า “ผมจะไม่มีวันลืม น้ำใจอันยิ่งใหญ่ของพี่น้องชาวเสื้อแดงที่มีต่อผมครั้งนี้ครับ” และมีลายเซ็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ลงวันที่ 17 ส.ค. 2552 โดยมีคนหัวใสรวบรวมโปสการ์ดที่แจกเก็บไว้ที่ตัวเองเป็นปึกเพื่อนำไปขายต่อใบละ 10 บาท ทำให้แกนนำประกาศบนเวทีขอร้องให้ผู้ที่ได้รับโปสการ์ดแจกต่อกันให้ทั่วถึง อย่านำไปขายต่อ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ มอบให้เป็นที่ระลึก
 
นายณัฐวุฒิก็ ปราศรัยว่าเมื่อนายวีระเสร็จขั้นตอนการตรวจสอบฎีกาและกลับมายังเวทีก็จะติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณอีกครั้งเพื่อให้นำร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมกันนี้นายณัฐวุฒิประกาศเตือนไม่ให้ผู้ชุมนุมเดินทางผ่านถนนพระอาทิตย์ เพราะตนได้รับข่าวว่าจะมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีรออยู่
 
และเมื่อเวลา 14.30 น. นายวีระก็ได้กลับมายังสถานที่การชุมนุมและต่อสายไปยังพ.ต.ท.ทักษิณ อีกครั้ง โดยพ.ต.ท.ทักษิณได้นำร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และไชโยสามครั้ง พร้อมด้วยเปิดเพลง “ฎีกาดับทุกข์ทั้งแผ่นดินอีกครั้ง” หลังจากนั้นนายวีระ จึงได้ให้ประชาชนแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยแกนนำก็ยืนรอส่งผู้มาร่วมชุมนุมบนเวที
 
 
ราชเลขาฯ แถลงรับฎีกาแล้วจะให้รัฐบาลพิจารณาถวายความเห็นต่อไป
ภายหลังสำนักราชเลขาธิการได้รับเรื่องถวายฎีกาแล้ว ได้ออกแถลงข่าวว่า ตามที่นายวีระ มุสิกพงศ์ กับแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ หรือ นปช. ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาให้แก่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ในวันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2552 เวลา 13.00 น. ณ บริเวณประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวังนั้น
 
สำนักราชเลขาธิการ ขอชี้แจงให้ทราบว่า ตามขั้นตอนที่เคยปฏิบัติมา เมื่อสำนักราชเลขาธิการได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเกี่ยวกับการขอพระราชทานอภัยโทษ การขอพระราชทานความเป็นธรรมและการขอพระราชทานความช่วยเหลือ สำนักราชเลขาธิการ ต้องส่งฎีกาทุกเรื่องไปให้รัฐบาลพิจารณาถวายความเห็นประกอบพระราชดำริต่อไป จึงขอแถลงข่าวมาให้ทราบโดยทั่วกัน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net