Skip to main content
sharethis

Ars Technica เว็บไซต์ข่าวไอทีรายงานคดีพลเมืองสหรัฐเชื้อสายไทยฟ้องบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต จากกรณีบริษัทดังกล่าวส่งข้อมูลส่วนตัวของเขาให้กับรัฐบาลไทย จนทำให้เขาถูกกักขัง เอกสารคำฟ้องระบุการละเมิดสิทธิผู้ถูกกล่าวหาโดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ .... พฤษภาคม 2549 แอนโทนี ชัย พลเมืองสหรัฐเชื้อสายไทย เดินทางกลับแผ่นดินเกิดของเขาเพื่อพบเพื่อนและญาติ เขาเยี่ยมหลานสาวและหลานชายและใช้เวลาช่วงหนึ่งที่หัวหิน แต่ตามข้อมูลในคดีความล่าสุด ในขณะที่ชัยกำลังเดินทางกลับแคลิฟอร์เนีย ผ่านทางสนามบินที่กรุงเทพ เขาถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงห้าคนกักตัวเอาไว้ เจ้าหน้าที่เหล่านี้ทำงานให้กับกรมสอบสอนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พวกเจ้าหน้าที่แจ้งกับชัยว่า พวกเขามีหมายจับตัวเขา จากการกระทำผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ — การกล่าวในที่สาธารณะที่จงใจละเมิด \เกียรติภูมิ\" ขององค์พระประมุข กฎหมายดังกล่าวของประเทศไทย [ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112] ซึ่งถูกใช้กับ YouTube ในปี 2550 ดูเผิน ๆ แล้ว (ค่อนข้าง) มีขอบเขตจำกัด \"ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี\" มันกำหนดความผิดและลงโทษผู้ที่กระทำความผิดจากการให้วาจาหมิ่นประมาทตามที่กำหนดด้วยโทษจำคุกที่ยาวนาน แต่นักรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า ในขณะนี้กฎหมายดังกล่าวถูกนำมาใช้กับใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำชัยไปยังกองสอบสวน ชัยกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ไม่ให้เขากินข้าว กินน้ำ และยังไม่ให้เขานอนจนกระทั่งตีสามครึ่ง โดยระหว่างนั้นก็ได้พูดถึงข้อกล่าวหาและข่มขู่เขาตลอดเวลา \"ผมรู้ว่าญาติคุณอาศัยอยู่ที่ไหนในกรุงเทพและแคลิฟอร์เนีย\" ชัยกล่าวว่าตำรวจนายหนึ่งพูดกับเขาอย่างนั้น \"ถ้าคุณอยากให้พวกเขามีชีวิตอย่างสงบสุข คุณต้องให้ความร่วมมือ\" รัฐประหารที่ไร้เลือด แอนโทนี ชัย เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด ในช่วงเวลาที่โกลาหลที่สุดช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่ ในตอนที่เขาเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีประชานิยม ทักษิณ ชินวัตร กำลังประสบความยากลำบากมากมาย และกำลังต่อสู้เพื่อชีวิตทางการเมือง (และชีวิตจริง ๆ) ของเขา ฝ่านตรงข้ามกับพรรคไทยรักไทยของเขา ต่างบอยคอตไม่เข้าร่วมการเลือกตั้งใหม่ที่เขาประกาศให้มีขึ้น โดยกล่าวหาว่าทักษิณนั้นทุจริต ในเดือนกันยายน ท่ามกลางการก่อการร้ายและความพยายามในการลอบสังหาร กองทัพก็ได้นำทักษิณออกจากอำนาจการเมือง และแบนพรรคไทยรักไทยจากการเมือง จากข้อมูลในคำฟ้อง ในช่วงแรกที่เขาถูกกักขังชัยได้ร้องขอทนาย เขาได้ทนายในที่สุด แต่ทนายคนดังกล่าวแทบไม่พูดอะไรเลยในระหว่างที่เขาถูกสอบสวน นอกจากแนะนำให้เขาตอบคำถาที่ตำรวจถาม เขาต้องอดทนจนกระทั่งผ่านพ้นการถามคำถามที่ยาวนานสองช่วงมาได้ ซึ่งตลอดเวลานั้นเขาไม่ได้รับอาหาร น้ำ หรืออนุญาตให้นอน คำฟ้องระบุว่า ในระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เอาคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปของเขาไป และ \"ใช้กำลังบังคับ\" ให้ชัยบอกรหัสผ่านความปลอดภัยต่าง ๆ ของเขา ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าว จากนั้น \"เจ้าหน้าที่ได้ใช้กำลังบังคับเขาให้บอกที่อยู่อีเมลและรหัสผ่านของเขาทั้งหมด\" ในช่วงเวลาหนึ่งระหว่างการสอบสวน เจ้าหน้าที่ได้แสดงเอกสารฉบับหนึ่งให้ชัยดู เอกสารดังกล่าวเปิดเผยที่อยู่อีเมลที่เขาและคนที่เขารู้จักใช้ในการโพสต์ความเห็นที่เว็บไซต์ manusaya.com และในตอนสุดท้าย เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ใช้กำลังบังคับเขาให้เขียนแถลงการณ์ซึ่งมีข้อความว่า เขารับสารภาพว่าเขาได้ทำผิดกฎหมายหมิ่นพระเดชานุภาพของไทย เขาสัญญาว่าจะไม่ทำผิดอีก และเขายกย่องพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย 17:00 น. ของวันที่ 10 พฤษภาคม 2549 ชัยถูกปล่อยตัว แต่ถูกเตือนว่าเขาอาจถูกจับได้อีกหากเดินทางกลับมาประเทศไทย เขาติดต่อครอบครัวของเขาเพื่อบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง และเดินทางกลับไปยังลองบีช แคลิฟอร์เนีย ที่ซึ่งเขาเปิดร้านขายและรับซ่อมคอมพิวเตอร์ ถึงเวลายอมจำนน แต่ประสบการณ์เจ็บปวดของชัยไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น เอกสารคำฟ้องกล่าวว่า ชายที่ดูแลการสอบสวนของเขาในตอนนั้น พ.ต.อ. ญาณพล ยั่งยืน ได้เริ่มติดต่อชัยในขณะที่ชัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยญาณพลขอให้ชัยส่งสำเนาของ \"เอกสารสนับสนุนประชาธิปไตยหรือต่อต้านสถาบันกษัตริย์ใด ๆ ก็ตามที่เขามีในครอบครอง\" คำฟ้องระบุว่า ญาณพลไม่เพียงติดต่อเขาทางอีเมลเท่านั้น ในเดือนกรกฎาคม 2006 ญาณพลยังได้มาหาชัยที่สหรัฐอเมริกา ในระหว่างที่ญาณพลเข้ารับการอบรมที่จัดโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่กรุงวอชิงตันดีซี สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นถูกอธิบายไว้ดังนี้: 49. เนื่องจากโจทก์ต้องการจะแสดงให้เห็นว่าเขาให้ความร่วมมือกับการสอบสวน เขาตกลงที่จะพบ พ.ต.อ. ยั่งยืน ที่ LAX [สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส] 50. ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ พ.ต.อ. ยั่งยืน ได้บอกกับโจทก์ว่า เขาอยากให้โจทก์นำไอพอดหรือของมีค่าที่คล้าย ๆ กันมาเพื่อเป็นของฝากแก่ลูกของเขา 51. โจทก์และ พ.ต.อ. ยั่งยืน ได้พบกับเป็นเวลาประมาณสามสิบนาที ที่ร้านอาหารแมคโดนัลด์ใน LAX 52. โจทก์ไม่ได้นำไอพอดมาด้วย เขานำหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นภาษาไทยมา ซึ่งเขาคิดว่า พ.ต.อ. ยั่งยืน จะสามารถอ่านมันระหว่างเที่ยวบินกลับประเทศไทย พ.ต.อ. ยั่งยืน แสดงอย่างชัดเจนกับโจทก์ว่าเขาผิดหวังเป็นอย่างมากที่โจทก์ไม่ได้นำของขวัญมีค่าอะไรมาเลย ชัยได้ถามว่าเขาจะได้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเขาคืนหรือไม่ และได้รับคำตอบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นจะอยู่กับเจ้าหน้าที่ไปจนตลอดการสอบสวน หลังจากนั้น ญาณพลได้เขียนไปหาโจทก์บอกให้เขากลับประเทศไทยเพื่อสอบถามเพิ่มเติม \"ถึงเวลาสำหรับคุณแล้ว ที่จะยอมมอบตัวอย่างเป็นทางการต่อเจ้าหน้าที่สอบสวนของคดีนี้\" ข้อความหนึ่งอธิบาย \"คุณต้องมามอบตัวที่สำนักงานของเราในวันที่ 24 สิงหาคม 2006 เวลา 10:00 น...\" ที่นี่ไม่ต้อนรับคำวิจารณ์ แอนโทนี ชัย ได้พูดอะไรที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ของไทยจริง ๆ หรือไม่ ? ไม่เลย โดยใช้ที่อยู่อีเมลนิรนาม เขาได้โพสต์ความเห็นที่วิพากษ์วิจารณ์กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (lèse majesté) ของไทยลงในเว็บไซต์ www.manusaya.com ซึ่งเจ้าหน้าที่ของไทยได้ประณามต่อสาธารณะว่าเว็บไซต์ดังกล่าวสนับสนุนให้ผู้คน \"เสื่อมศรัทธาและความรักต่อสถาบันกษัตริย์ รวมถึงเจ้าฟ้าหญิงทุกพระองค์\"เว็บไซต์ดังกล่าวถูกปิดในที่สุดโดยเน็ตเฟิร์ม บริษัทให้เช่าพื้นที่เว็บสัญชาติแคนาดา ตามคำร้องขอของรัฐบาลไทย แต่เน็ตเฟิร์มไม่ได้เพียงปิดเว็บไซต์ ชัยและทนายของเขากล่าว คำฟ้องระบุว่า \"เวลาใดเวลาหนึ่งก่อนเดือนพฤษภาคม 2549 ตามคำร้องขอของรัฐบาลไทยอีกเช่นกัน Netfirms.com ได้มอบหมายเลขไอพีของนายชัย และที่อยู่อีเมลอีกสองอันซึ่งเชื่อมโยงกับหมายเลขไอพีดังกล่าว\" \"โดยนายชัยไม่ได้รับรู้หรือให้การยินยอม\" นอกจากนี้เน็ตเฟิร์มยังถูกกล่าวหาว่า ส่งมอบข้อมูลดังกล่าวนี้โดยไม่ได้ร้องขอคำสั่งศาล หมายศาล หรือใบอนุญาตใด ๆ จากเจ้าหน้าที่ของไทย และไม่ได้ติดต่อไปยังกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐเพื่อขอคำแนะนำ ในตอนนี้ ชัย ด้วยความช่วยเหลือจากองค์กรสากลเพื่อสิทธิมนุษยชน (World Organization for Human Rights) ได้ฟ้องเน็ตเฟิร์มให้จ่ายค่าชดใช้และค่าเสียหายเป็นเงิน 75

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net