Skip to main content
sharethis

ศาลจังหวัดภูเขียวอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีที่ดินสวนป่าโคกยาว ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น สั่งจำคุกชาวบ้านทุ่งลุยลายอีก 2 ราย 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ต้องนอนรอคำสั่งศาลฎีกาพิจารณาให้ประกันตัวอยู่ในเรือนจำ ส่วนอีก 3 ราย ศาลยกฟ้อง

 
25  เม.ย.56 ที่ศาลจังหวัดภูเขียว อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 อ่านคำพิพากษาคดีบุกรุกสวนป่าโคกยาว เขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม ยืนตามศาลชั้นต้น ให้นายเด่น คำแหล้ อายุ 60 ปี (จำเลยที่ 1) และนางสุภาพ คำแหล้ อายุ 57 ปี (จำเลยที่ 4) ชาวบ้าน ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ สมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ในข้อหาร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์ ก่นสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต
 
ส่วนจำเลยอีก 3 ราย ในคดีเดียวกัน คือนายบุญมี วิยาโรจน์ นางหนูพิศ วิยาโรจน์ (ภรรยา) และนางเตี้ย ย่ำสันเทียะ (เพื่อนบ้าน) ศาลยกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า โจทก์เพียงตั้งข้อสงสัยว่าร่วมกันกระทำความผิดในพื้นที่ดังกล่าว
 
“แม้คราวนี้ศาลจะยกฟ้องตนและพวกรวม 3 คนอีกครั้ง แต่โดยส่วนตัวมองว่า ยังไม่มีความเป็นธรรมต่อชาวบ้าน โดยเหตุเพราะจำเลยที่ 1 และ 4 นั้นยอมรับในชั้นการสืบพยานโจทก์ว่า พื้นที่ทำกินนั้นได้รับการสืบทอดมรดกมาจากพ่อตา และแม่ยาย ที่ได้เข้าทำประโยชน์มาก่อนมีการประกาศเขตป่าสงวนฯ กลับถูกดำเนินคดีมีความผิด” นายบุญมี วิยาโรจน์ จำเลยที่ 2 ในคดีซึ่งได้รับการยกฟ้องกล่าว
 
นายบุญมี กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 28 ส.ค.55 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยทั้งสอง 6 เดือน นั้น ในวันดังกล่าวทางเครือข่ายฯ ได้ใช้หลักทรัพย์ของกองทุนยุติธรรมประกันตัวออกมาแล้ว แต่ในชั้นศาลอุทธรณ์กลับไม่ให้ประกันตัว ซึ่งต่างกับคดี ในชั้นอุทธรณ์ของนายทอง และนายสมปอง กุลหงส์
 
“อย่างนี้มีความเป็นธรรมหรือไม่ ถือเป็นการตัดสินโดยใช้ดุลยพินิจ 2 มาตรฐานหรืออย่างไร จึงเป็นเหตุให้จำเลย 2 ราย ต้องนอนรอคำสั่งศาลฎีกา สูญเสียอิสรภาพอยู่ในเรือนจำ โดยไม่ทราบว่าคำสั่งจะตกมาเมื่อไร” นายบุญมีตั้งคำถาม
 
นายบุญมี กล่าวต่อมาว่า โดยส่วนตัวมองว่าการตัดสินยังไม่มีความเป็นธรรมต่อชาวบ้าน โดยตั้งคำถามด้วยว่าเหตุใดศาลจึงไม่มีคำสั่งยกฟ้องจำเลยทั้ง 5 ราย ทั้งๆ ที่เป็นคดีเดียวกัน รวมทั้งจำเลยทั้ง 10 คน ที่แยกออกเป็น 4 คดี ต่างก็อยู่ในพื้นที่เดียวกัน อีกทั้งศาลมีคำสั่งให้ส่งคำร้องขอประกันตัวชั่วคราวให้ศาลฎีกาสั่ง โดยไม่สั่งการเอง เป็นเหตุให้จำเลยทั้ง 2 ราย ต้องนอนอยู่ในคุก
 
“แม้พวกตนจะยอมรับโดยการเคารพคำตัดสินของศาล แต่ต่างยืนยัน พร้อมใจจะไม่ออกจากพื้นที่ทำกินเดิมที่ได้ทำประโยชน์มาก่อน แม้ศาลจะพิพากษาให้พวกตนทั้ง 10 คน มีความผิดทั้งหมดก็ตาม” จำเลยที่ 2 กล่าว
 
 
ลำดับการอ่านคำพิพากษา ศาลจังหวัดภูเขียว อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ
 
กรณีสวนป่าโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาชาวบ้าน (จำเลย) โดยแยกเป็น 4 คดี 10 ราย  โดยมีเจ้าหน้าที่ป้องรักษาป่าที่ ชย.4 คอนสาร เป็นโจทก์
 
คดีที่ 1 วันที่ 22 พ.ค.55 ศาลพิพากษานายคำบาง กองทุย อายุ 65 ปี และนางสำเนียง กองทุย อายุ 61 ปี (สามี-ภรรยา) จำคุก 4 เดือน ไม่รอลงอาญา
 
คดีที่ 2 วันที่ 13 มิ.ย.55 ศาลพิพากษานายทอง กุลหงส์ อายุ 72 ปี และนายสมปอง กุลหงส์ อายุ 48 ปี   (สองพ่อลูก) จำคุก 4 เดือน โดยคดีนี้ ศาลได้เพิ่มวงเงินประกันจากรายละ 100,000 บาท เป็นรายละ 200,000 บาท เป็นเหตุให้เงินที่เตรียมไว้ต้องถูกรวมมาประกันจำเลยเพียงรายเดียวคือนายสมปอง ด้วยนายทอง ยอมเสียสละนอนอยู่ในคุก เพื่อให้ลูกชายที่มีอาการพิการทางสมอง เป็นโรคประสาท ได้รับการประตัวออกมาก่อน ต่อมาวันที่ 28 มิ.ย.55 นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติแห่งชาติ ได้ใช้ตำแหน่งประกันตัวออกมาเมื่อวันที่ 28 พ.ค.55
 
คดีที่ 3 วันที่ 9 ส.ค.55 ศาลพิพากษานายสนาม จุลละนันท์  อายุ 59 ปี จำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา
 
คดีที่ 4 วันที่ 28 ส.ค.55 ศาลพิพากษานายเด่น คำแหล้ อายุ 60 ปี (จำเลยที่ 1) และนางสุภาพ คำแหล้ อายุ 57 ปี (จำเลยที่ 4) ตัดสินจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลย อีก 3 ราย คือนายบุญมี วิยาโรจน์ อายุ 51 จำเลยที่ 2, นางหนูพิศ วิยาโรจน์ อายุ 70 ปี (ภรรยานายบุญมี)จำเลยที่ 5 และนางเตี้ย ย่ำสันเทียะ อายุ 54 ปี  จำเลยทั้ง 3 รายนี้ ศาลยกฟ้อง
 
 
ลำดับการอ่านคำพิพากษาศาลชั้นอุทธรณ์ภาค 3
 
คดีที่ 2 วันที่ 6 มี.ค.56  ที่ศาลจังหวัดภูเขียวนัดอ่านฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3  ยืนตามศาลชั้นต้น ให้จำเลย คือนายทอง กุลหงส์ อายุ 72 ปี และนายสมปอง กุลหงส์ อายุ 48 ปี  (สองพ่อลูก) มีคำสั่งให้ จำคุก 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
ต่อมาชาวบ้านในนามเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน ได้ประสานไปยังกองทุนยุติธรรม โดยทางกองทุนยุติธรรม ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งได้ทำเรื่องขอความช่วยเหลือแก่ชาวบ้านและได้ประกันตัวออกมาในวงเงิน คนละ 200,000 บาท เพื่อสู้คดีในชั้นฎีกาต่อไป
 
คดีที่ 4 วันที่ 25 เม.ย.56  ที่ศาลจังหวัดภูเขียวนัดอ่านฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3  ยืนตามศาลชั้นต้น ให้จำเลย คือ 1. นายเด่น คำแหล้  2.นางสุภาพ คำแหล้ จำคุก 6 เดือน
 
ส่วน นายบุญมี วิยาโรจน์ อายุ 51 ปี  นางหนูพิศ วิยาโรจน์ อายุ 70 ปี และนางเตี้ย ย่ำสันเทียะ อายุ 54 ปี  ทั้ง 3 รายนี้ ศาลยกฟ้อง
 
 
ที่มาของพื้นที่พิพาท
 
กรณีพื้นที่พิพาทดังกล่าว ถูกประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม เมื่อปี 2516 ครอบคลุมพื้นที่ ต.ทุ่งลุยลาย ต.ทุ่งพระ ต.ทุ่งนาเลา ต.ห้วยยาง ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ประมาณกว่า 290,000 ไร่ ในส่วนพื้นที่ ต.ทุ่งลุยลาย ต่อมามีโครงการปลูกสวนป่าโคกยาว ทดแทนพื้นที่สัมปทาน ด้วยการนำไม้ยูคาลิปตัสมาปลูกในพื้นที่เมื่อปี 2528 ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และกองกำลังทหารพราน ได้อพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ทำกินเดิม โดยสัญญาว่าจะจัดสรรที่ดินแห่งใหม่ให้รายละ 15 ไร่
 
เมื่อชาวบ้านบางส่วนออกจากพื้นที่ เพื่อเตรียมการจะเข้ามาอยู่ตามพื้นที่จัดสรร กลับปรากฏว่าเป็นที่ดินผืนนั้นมีเจ้าของเป็นผู้ครอบครองอยู่แล้ว  ดังนั้นชาวบ้านจึงเสมือนตกอยู่ในสภาพถูกลอยแพ กลายเป็นคนไร้ที่ดิน
 
การเรียกร้องต่อสู้ของชาวบ้านจึงเริ่มแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แต่ท้ายที่สุดกลับต้องตกเป็นจำเลยเป็นกรณีพิพาทที่ดินสวนป่าโคกยาว  ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตามมติ ครม.ปี 2553 เห็นชอบให้ชาวบ้านสามารถเข้าทำประโยชน์ในสวนป่าได้โดยไม่มีการข่มขู่ กักขัง และดำเนินคดีในช่วงที่กำลังมีการแก้ไขปัญหา แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยังคงประสบปัญหาถูกคุกคามและจับกุมอยู่สืบเนื่องเรื่อยมา
 
กระทั่งจากเช้ามืดของวันที่ 1 ก.ค.54 ราวตี 5 ครึ่ง เจ้าหน้าที่นำโดยนายอำเภอคอนสาร (นายประทีป ศิลปะเทศ) สนธิกำลังของป่าไม้ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ประมาณ 200 นาย นำกำลังเข้ามาในพื้นที่พิพาทที่ดินสวนป่าโคกยาว เขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ และจับกุมชาวบ้านรวม 10 ราย โดยต่อมามีการฟ้องรองคดีกับชาวบ้านโดยเจ้าหน้าที่ป้องรักษาป่าที่ ชย.4 คอนสาร เป็นโจทก์

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net