Submitted on Fri, 2014-06-27 15:37
ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สิน ครม. “ยิ่งลักษณ์” และ ส.ว.หลังพ้นตำแหน่ง “ปลอดประสพ” มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอันดับ 1 มี ส.ว.จากการเลือกตั้งไม่แสดงบัญชี 2 ราย พร้อมเดินหน้าสอบกรณีนาฬิกาหรูของอดีตนายกฯ ระบุไม่มีอำนาจตรวจสอบบัญชี คสช.แต่สอบของ ผบ.เหล่าทัพได้ เพราะต้องยื่นเมื่อเข้ารับตำแหน่ง
27 มิ.ย. 2557 สำนักข่าวไทยรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 7 พ.ค.2557 รวม 13 ตำแหน่ง 10 คน พบว่า 5 อันดับแรกที่มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน อันดับ 1 คือ นายปลอดประสพ สุรัสวดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 967,521,802 บาท อันดับ 2 คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 574,346,149.14 บาท
อันดับ 3 คือ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 367,521,802 บาท อันดับ 4 พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 306,670,351.12 บาท และอันดับ 5 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 171,146,701.60 บาท
เมื่อเปรียบเทียบกับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ก่อนเข้ารับตำแหน่งวันที่ 10 สิงหาคม 2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีทรัพย์สินรวมของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจำนวน 541,132,001.31 บาท หากเทียบกับการยื่นหลังพ้นตำแหน่ง มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 33,214,147.83 บาท แต่เมื่อเทียบกับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ ครม.ยิ่งลักษณ์ 5 จำนวน 601,660,181 บาท กับการยื่นหลังพ้นตำแหน่ง มีบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินลดลง 27,314,031.86 บาท อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบรายการบัญชีทรัพย์สิน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้แจ้งรายการนาฬิกาหรูที่มีผู้ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบก่อนหน้านี้
ส่วนนายปลอดประสพ ซึ่งมีทรัพย์สินมากที่สุดเป็นอันดับ 1 รวมคู่สมรส ทรัพย์สินหลังจากพ้นตำแหน่ง 967,521,802 บาท เทียบกับเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 ที่มีทรัพย์สิน 963,545,185 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 3,976,617 บาท
นอกจากนี้ ป.ป.ช.เปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จากการเลือกตั้งที่พ้นจากตำแหน่งวันที่ 2 พ.ค.2557 จำนวน 70 คน ยื่นทั้งหมด 69 คน มีเพียงนายประดิษฐ์ ตันวัฒนะพงษ์ ส.ว.สกลนคร ที่ยังไม่ได้ยื่น ส่วน ส.ว.จากการเลือกตั้งที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่วันที่ 2 พ.ค.57 จำนวน 77 คน ยื่นเพียง 76 คน ขาด น.ส.วราภรณ์ อัศวเหม ส.ว.สมุทรปราการ
กรณี ส.ว.ที่ยังไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สิน ป.ป.ช.จะทำหนังสือสอบถามถึงเหตุผลที่ไม่ยื่น หากไม่ตอบกลับจะแจ้งเตือน 2 ครั้ง ก่อนส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อสรุปและส่งต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองข้อหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน โดยจะมีโทษเว้นวรรคการเมือง 5 ปี จำคุกอีก 2 ปี
นายธวัชชัย ศิริสธนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินภาคการเมือง เปิดเผยว่า รัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยื่นบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินหลังพ้นตำแหน่งภายในเวลาที่กำหนด ส่วนประเด็นนาฬิกาหรูของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มีผู้ร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ป.ป.ช.มีมตินำสำนวนดังกล่าวรวมกับการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน 5 รัฐมนตรีที่ถูกตรวจสอบในโครงการรับจำนำข้าว ก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยชี้แจงกับคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว 1 ครั้ง โดยอ้างว่านาฬิกาเรือนดังกล่าวซื้อและขายออกไปก่อนรับตำแหน่งทางการเมือง แล้วนำไปซื้อเป็นเครื่องประดับแทน จึงไม่ได้แจ้งอยู่ในบัญชีทรัพย์สิน
“แต่ ป.ป.ช.เห็นว่ามีข้อมูลไม่เพียงพอ เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ระบุยี่ห้อนาฬิกาและช่วงเวลาซื้อขาย ซึ่ง ป.ป.ช.จะทำหนังสือให้อดีตนายกรัฐมนตรีชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง แต่หากไม่ชี้แจง ป.ป.ช.จะใช้ช่องทางอื่น เช่นการเข้าไปตรวจสอบบริษัทที่ขายนาฬิกาเพื่อหาข้อมูลที่ชัดเจน
นายธวัชชัย กล่าวว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินของ คสช. และขณะนี้ไม่มีคนยื่นหนังสือเข้ามาเพื่อขอให้ตรวจสอบ แต่ในฐานะผู้บัญชาการเหล่าทัพ ป.ป.ช.ตรวจสอบได้ เพราะผู้บัญชาการเหล่าทัพต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินเมื่อเข้ารับตำแหน่ง และต้องยื่นอีกครั้งในช่วงเกษียณอายุราชการ และยื่นอีกครั้งหลังเกษียณอายุราชการผ่านไปแล้ว 1 ปี แต่หากต่ออายุราชการจะถือว่ายังไม่เกษียณ ไม่จำเป็นต้องยื่น
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยื่นบัญชีทรัพย์สินเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 48,741,301.33 บาท และมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินหลังพ้นจากตำแหน่ง 37,380,736.01 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สิน 40,445,708.94 บาท มีหนี้สิน 3,064,972.93 บาท หลังพ้นตำแหน่งมีทรัพย์สินลดลง 11,360,565.32 บาท
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี แสดงบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินเมื่อเข้าดำรงตำแหน่งวันที่ 30 พ.ย.2555 มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 963,545,185 บาท และมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินหลังพ้นตำแหน่ง 967,521,802 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินรวมคู่สมรส 970,254,502 บาท และหนี้สิน 2,732,700 บาท ทำให้หลังพ้นตำแหน่งมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 3,976,617 บาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยื่นบัญชีทรัพย์สินเข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2555 มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 60,485,623.18 บาท โดยได้ยื่นบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินหลังพ้นตำแหน่ง 57,674,582.44 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินรวมคู่สมรส 58,988,078.35 บาทหนี้สินรวม 1,313,495.91 บาท หลังพ้นตำแหน่งมีทรัพย์สินลดลง 2,811,040.74 บาท
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินเมื่อครั้งเข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2556 มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 18,356,728.58 บาท และแสดงบัญชีหลังพ้นตำแหน่ง มีทรัพย์สิน-หนี้สินรวม 14,432,149.98 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินรวมคู่สมรส 14,966,699.90 บาท หนี้สินรวม 534,549.92 บาท หลังพ้นตำแหน่งมีทรัพย์สินลดลง 3,924,579 บาท
นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แสดงบัญชีทรัพย์สินก่อนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2554 มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 11,641,450.41 บาท หลังพ้นตำแหน่งมีบัญชีทรัพย์สิน-และหนี้สิน 16,277,550.13 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินรวมคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 20,421,537.93 บาท หนี้สินรวม 4,143,987.80 บาท หลังพ้นตำหน่งมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 4,635,799.72 บาท
นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แสดงบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินก่อนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 มีทรัพย์สินรวม 46,822,023.41บาท และมีบัญชีทรัพย์สินหลังพ้นตำแหน่ง 47,061,352.44 บาท มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 239,329.03 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินครั้งนี้ พบว่านายปลอดประสพ มีทรัพย์สินมากที่สุด กว่า 967 ล้านบาท ขณะที่นายสันติ มีทรัพย์สินน้อยที่สุดกว่า 14 ล้านบาท ด้านอดีตนายกรัฐมนตรีมีทรัพย์สินลดลงกว่า 27 ล้านบาท จากทรัพย์สินทั้งหมด 574 ล้านบาท