Skip to main content
sharethis

ผู้ใช้เน็ตทักท้วงระบบปฏิบัติการ Windows 10 ของบริษัทไมโครซอฟท์ ว่ามีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล-เก็บข้อมูลพฤติกรรม ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ด้านไมโครซอฟท์แจงเป็นการนำมาพัฒนาบริการ

4 ส.ค. 2558  ภายหลังบริษัทไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 10 เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ดาวน์โหลดระบบปฏิบัติการนี้ไปใช้งานกว่า 14 ล้านคนภายในวันแรก  และการใช้งานก็ได้รับเสียงตอบรับในเชิงบวก อย่างไรก็ดี มีคำวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใช้ ผ่านทางเว็บไซต์อาทิ Hacker News และ Reddit ถึงการละเมิดความเป็นส่วนตัวของระบบปฏิบัติการนี้

บนเว็บไซต์ของบริษัทไมโครซอฟท์ ได้เขียนไว้ว่าระบบปฏิบัติการ Windows 10 จะมีการเก็บข้อมูลของผู้ใช้ รวมถึงบอกวิธีการนำไปใช้ประโยชน์  ได้แก่ ชื่อนามสกุลและการติดต่อ, ข้อมูลรหัสผ่าน, ข้อมูลชาติพันธุ์วรรณา - อายุ เพศ ที่อยู่,  ความสนใจ ความชื่นชอบ, พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย, พฤติกรรมการใช้งาน, ความสัมพันธ์และการติดต่อกับผู้อื่น, ที่อยู่, เข้าถึงเนื้อหาที่อัปโหลดผ่านระบบ OneDrive, Instant Message, Skype และอีเมล

ไมโครซอฟท์ยังระบุอีกด้วยว่า ข้อมูลที่เก็บนั้นจะถูกนำไปใช้เพื่อการให้บริการและปรับปรุงการบริการให้ดีขึ้น เช่นเพื่อการปรับปรุง  Cortana โปรแกรมผู้ช่วยดิจิทัลรับคำสั่งด้วยเสียงลักษณะเดียวกับ Siri ของบริษัท Apple  นอกจากนี้ยังใช้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อการปรับแต่งการสื่อสารกับผู้ใช้ และใช้สำหรับคัดเลือกโฆษณาที่ผู้ใช้จะได้รับ โดยเรียกว่า Internet-based advertising ซึ่งเป็นโฆษณาที่คัดเลือกจากข้อมูลชาติพันธุ์วรรณา ข้อมูลการใช้งาน ข้อมูลพื้นที่เท่านั้น ไม่รวมถึงข้อมูลเนื้อหาส่วนตัวอย่งเช่นอีเมล

อย่างไรก็ดีไมโครซอฟท์มีตัวเลือกให้ผู้ใช้ สามารถสามารถติ๊กออก ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนใหญ่ได้  รวมถึงเลือกจะไม่รับโฆษณา Internet-based advertising ได้

มีเสียงทักท้วงว่า การมีเพียงตัวเลือกไม่อนุญาตให้เก็บข้อมูลส่วนตัวนั้นไม่เพียงพอ เนื่องจากพฤติกรรมผู้ใช้ส่วนมากจะยินยอมโดยไม่ได้ศึกษาเงื่อนไขก่อน  นายอเล็ค เมียร์ จากเว็บไซต์ Rock Paper Shotgun กล่าวว่า “บริษัทไมโครซอฟท์ไม่ได้ทำให้เงื่อนไขการให้บริการรวมถึงการเก็บข้อมูลเหล่านี้เข้าใจง่ายและโปร่งใสเพียงพอ  ไม่มีทางที่เงื่อนไขการให้บริการหนา 45 หน้าและตัวเลือกติ๊กออกซึ่งแบ่งไปอยู่ตามหน้าตั้งค่า Setting 13 ส่วนจะเรียกว่าโปร่งใสได้”  ด้านองค์กร European Digital Rights Organization (EDRi)  กล่าวว่า “บริษัทไมโครซอฟท์ได้ให้สิทธิกว้างๆ กับตัวเองในการเก็บข้อมูลทุกอย่างที่คุณทำ พูดและเขียนบนอุปกรณ์ทุกอย่าง เพื่อนำไปขายให้กับบุคคลที่สาม”

สำนักข่าวเดอะการ์เดียน รายงานว่าการเข้มงวดเรื่องความเป็นส่วนตัวของไมโครซอฟท์อาจเนื่องมาจากกรณีการแอบอ่านอีเมลของบล็อกเกอร์ผู้หนึ่งซึ่งต้องสงสัยว่ามีส่วนในการปล่อยตัวต้นแบบของ Windows 10 ให้รั่วออกไป เมื่อเดือน พ.ค. 57 ซึ่งทำให้ไมโครซอฟท์ถูกวิพากษ์วิจารณ์  และสัญญาว่าจะทำการทบทวนทางกฎหมายก่อนจะมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก

อย่างไรก็ดี เดอะการ์เดียนชี้ว่า Windows 10 นี้เป็นอีกส่วนหนึ่งของรูปแบบการพัฒนาแบบใหม่ที่เกิดมาจากระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ที่ไม่ว่าจะ Siri หรือ Google ก็สามารถเก็บข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลการใช้งานได้เช่นกัน ซึ่งทั้ง Apple และ Google ก็สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ในการโฆษณาได้เช่นกัน เช่นนำเสนอแอปพลิเคชันโดยอ้างอิงจากแอปพลิเคชันที่เลือกซื้อไปก่อนหน้านี้

สำนักข่าวเดอะไฟแนนเชียลไทมส์ ระบุว่า การถูกโจมตีเรื่องความเป็นส่วนตัวของ Windows 10 นี้อาจก่อปัญหาให้กับไมโครซอฟท์ได้ เมื่อปีที่ผ่านมา ระบบปฏิบัติการ Windows ทำรายได้กว่า หนึ่งหมื่นห้าพันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ  หรือราวหนึ่งในสี่ของรายรับทั้งหมด และคิดเป็นร้อยละ 17 ของสินทรัพย์ทั้งหมดของไมโครซอฟท์   ซึ่งการเปิดให้ดาวน์โหลด Windows 10 ได้ฟรีสำหรับผู้ใช้ Windows 8 อยู่แล้วก็เพื่อการแข่งขันกับบริษัทคู่แข่งอย่าง Apple และ Google   แม้ว่าการเสียรายได้จากยอดขายระบบปฏิบัติการอาจไม่ทำให้ไมโครซอฟท์เสียรายได้มากนัก แต่ก็ส่งผลให้ไมโครซอฟท์ต้องหารายรับทางใหม่ เช่นจากการโฆษณาดิจิทัล

 

เรียบเรียงจาก:
Windows 10 : Microsoft under attack over privacy
http://www.theguardian.com/technology/2015/jul/31/windows-10-microsoft-faces-criticism-over-privacy-default-settings
Windows 10 hit by privacy concerns
http://www.ft.com/intl/cms/s/0/fdaddc18-39bc-11e5-bbd1-b37bc06f590c.html#axzz3hpsdU834
Microsoft Privacy Statement
https://www.microsoft.com/en-us/privacystatement/default.aspx
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net