Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 

1

ในขณะที่ผู้รู้ได้เสนอเรื่องการปฏิรูปกองทัพอย่างเป็นทางการไปแล้วในงานรำลึก 9 ปีการจากไปของลุงนวมทอง ไพรวัลย์ เมื่อวันเสาร์ 31 ตุลาคม พ.ศ.2558 ที่ผ่านมา

บทความชิ้นนี้จะได้พิจารณากองทัพจากแง่มุมเฉพาะหน้า ก่อนแต่การปฏิรูปกองทัพอย่างรอบด้านจะเกิดขึ้นจริง ด้วยความหวังว่าการปฏิรูปกองทัพเฉพาะหน้าบางประการอาจถางทางไปสู่การปฏิรูปอย่างรอบด้านนั้นได้

การจะเข้าใจกองทัพในสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากผ่านมุมมองของนวนิยายเรื่อง 1984 ของจอร์จ ออร์เวลล์แล้ว เรื่อง The Prince ของแมคเคียเวลลีก็น่าจะเป็นตัวช่วยที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง ดังที่ผู้รู้อีกบางท่านก็ได้เคยเขียนไว้แล้ว

แต่กระนั้น แท้จริงแล้วแมคเคียเวลลีต้องการจะสื่ออะไรในหนังสือเรื่อง The Prince ก็คงเป็นเรื่องที่บรรดานักเรียนรัฐศาสตร์ยังคงถกเถึยงกันไม่จบสิ้น เขาวงกตแห่งการถกเถึยงวิพากษ์วิจารณ์ได้ปกแผ่ไม่เฉพาะในแวดวงมนุษยศาสตร์เท่านั้น แวดวงรัฐศาสตร์ แวดวงปรัชญาการเมือง ก็คงชื่นชมการใช้ชีวิตอยู่ในเขาวงกตทางปัญญาไม่แตกต่างกัน

ดังนั้น บทความชิ้นนี้จึงพยายามจะไปให้ไกลจากเขาวงกต ด้วยวิธีการง่าย ๆ คือด้วยการตีขลุมเอาว่า ความเข้าใจแบบบ้าน ๆ ว่าด้วยความคิดแบบแมคเคียเวลลีมีอยู่ทั่วไปในหมู่นายทหารทั้งหลาย ความเข้าใจแบบบ้าน ๆ ว่าด้วยความคิดแบบแมคเคียเวลลีนี้ จะตรงหรือแตกต่างจากความคิดจริง ๆ ของแมคเคียเวลลี ย่อมเป็นภาระหน้าที่ของนักวิชาการจะพิสูจน์ให้รู้-มิบังอาจเป็นหน้าที่ของบทความชิ้นนี้

ด้วยมุมมองแมคเคียเวลลีแบบบ้าน ๆ  คงกล่าวได้ว่าการยึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 เริ่มต้นด้วยกลอุบายล่อลวง แต่กลอุบายล่อลวงอันใดกันแน่ที่ทำให้เราพลัดหลงเข้ามาอยู่ในวังวนของการยึดอำนาจอีกครั้ง ระหว่างกลอุบายล่อลวงของคณะ กปปส.ที่หว่านล้อมจนสติปัญญาระดับผู้นำกองทัพในเวลานั้นไม่คิดว่ามีทางเลือกอื่นนอกจากการยึดอำนาจ หรือกลอุบายล่อลวงที่นักการเมืองฝ่ายต่าง ๆ ถูกหลอกให้ไปปรึกษาหารืออย่างพร้อมเพรียงจนถูกควบคุมตัวไว้ได้ทุกเข่ง หรือว่าแท้จริงแล้วการฉวยใช้โอกาสที่นักการเมืองเข้ามาติด "กับดัก" แล้วยึดอำนาจ เป็นเพียงความไม่กล้าและไม่สามารถพอที่จะสร้างตำนานบทใหม่ของกองทัพในการเล่นบทผู้เฒ่านักเลงใจดี บังคับให้หัวหน้ากลุ่มก๊วนต่าง ๆ ในบ้านที่ทะเลาะกันอยู่ ให้หาทางไกล่เกลี่ยตกลงกันให้ได้  ผู้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองตลอดเวลาปีกว่าที่ผ่านมาคงอดสรุปไม่ได้ว่า เป็นเรื่องของคุณธรรมความสามารถที่ไม่เพียงพอเสียมากกว่าอะไรอื่น ท่านผู้อ่านโปรดอย่านึกถึงคำอื่นที่ชัดเจนและตรงไปตรงมากว่าคำว่าความสามารถไม่พอนี้เลย เพราะเดี๋ยวเขาจะหาว่าไม่สุภาพ

เมื่อยึดอำนาจได้แล้ว แม้อาจตั้งคำถามได้ในเรื่องความสามารถ แต่หากผู้ยึดอำนาจมี "ความสุขุม" เพียงพอ ก็คงยังคาดหวังการรักษาอำนาจไว้ได้  แต่ "มธุรสวาจา" อันขื่นขันของท่านผู้นำตลอดทุกวันศุกร์ที่ผ่านมา (หรือแม้ในวันอื่น ๆ ก็ตาม) ก็คงพิสูจน์ทราบเช่นเดียวกันแล้วว่า ความสุขุมของท่าน สุขุมเพียงใด

ด้วยความสุขุมระดับนี้ ท่านผู้นำคงไม่อาจก้าวข้ามความคิดแบบแมคเคียเวลลี คือไม่พ้นการเลือกเอาระหว่างการใช้ความฉลาดเจ้าเล่ห์อย่าง "สุนัขจิ้งจอก" หรือการใช้อำนาจอย่าง "ราชสีห์"  เมื่อไปไม่พ้นจากกับดักของแมคเคียเวลลี จึงไม่อาจจินตนาการได้ถึงความสามารถแบบอื่น ๆ  เราคงอดคิดไม่ได้ว่า หากท่านเห็นความน่ารักของหมีแพนด้า หรือความมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดของเพนกวิน ที่เป็นนักเรียนท่านหนึ่ง ท่านคงหันมาเลือกไอดอลใหม่ ๆ อย่างหมีแพนด้า หรือน้องเพนกวินบ้าง แทนที่จะพยายามเป็นแต่ "ราชสีห์" หรือ "สุนัขจิ้งจอก" ตามการชี้นำของแมคเคียเวลลี

ประจักษ์พยานการไล่ล่าจับกุม/สอดส่องประชาชน คงทำให้เราทราบชัดว่า ในระหว่างการเป็นที่รักของประชาชน กับการทำให้เป็นที่หวาดกลัวนั้น ท่านผู้นำเลือกเอาคุณธรรมข้อใด ในระหว่าง 2 ตัวเลือกนี้

และสุดท้าย ถึงหากในประการอื่น ๆ จะเต็มไปด้วยข้ออ่อนด้อย แต่หากท่านผู้นำมี "ที่ปรึกษา" ที่ดีพอแล้ว ก็คงพอช่วยให้ท่านรักษาอำนาจเอาไว้ได้บ้าง ก็แต่ในวัฒนธรรมทหารของสยามประเทศนั้น  ที่ปรึกษาหรือเสนาธิการจะจัดสรรคำปรึกษาแนะนำใด ๆ ให้ท่านก็ตาม สุดท้ายผู้ต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจต่าง ๆ คือตัวท่านผู้นำเอง หาใช่ที่ปรึกษาไม่ เราคงได้แต่หวังว่าท่านผู้นำยังมีเวลาพอที่จะเลือกหาที่ปรึกษาผู้มีความสามารถดี ๆ ที่จะไม่ทำให้การตัดสินใจของท่านนำท่านไปสู่ความผิดพลาด ซึ่งท่านต้องรับเละแต่เพียงผู้เดียว


2

ด้วยแนวคิดแมคเคียเวลลีแบบบ้าน ๆ การปฏิรูปกองทัพเฉพาะหน้าจึงคงเป็นเรื่องของเสนาธิการทหาร ที่หากโรงเรียนเสนาธิการทหารสามารถผลิตที่ปรึกษาที่มีสติปัญญาความสามารถเต็มเปี่ยม อีกรู้จักโลกรู้จักสังคมอย่างแท้จริง ก็คงมีคำแนะนำแก่ผู้นำกองทัพที่ฉลาดกว่าการทำให้ต้องเดินวนกันอยู่ในเขาวงกตของการยึดอำนาจ

และคงมีคำแนะนำที่ฉลาดพอจะทำให้ท่านผู้นำ ซึ่งถึงแม้จะเลือกเอาการทำให้ประชาชนหวาดกลัว แทนที่จะเป็นที่่รักของประชาชน แต่อย่างน้อยก็คงพอจะรั้งให้ท่านผู้นำฉุกคิดได้ว่า การเลือกเอาระหว่างความรักและความหวาดกลัวนี้ จำกัดอยู่เฉพาะระหว่างประชาชนกับท่านผู้นำเท่านั้น สถาบันที่สูงไปกว่านั้นจะต้องอยู่ในสถานะอันเป็นที่รักเพียงสถานเดียว

ในแง่นี้ และในระหว่างที่การถกเถียงเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังคงทำได้ลำบาก การปรับปรุงกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็จึงมีความจำเป็น แม่น้ำทั้งห้าสายอยู่ในกำมือของท่านแล้ว การปรับปรุงให้กฎหมายอาญามาตรานี้แสดงถึงความรัก แสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณ เป็นสิ่งที่เป็นไปได้  ทั้งโดยการลดโทษในตัวบท ทั้งโดยการพลิกแพลงความหมายของบทลงโทษ ให้ขยายจากเพียงการจำขังไปสู่การประยุกต์วิธีการอันสร้างสรรค์อื่น ๆ มาใช้  เช่นการให้เข้าร่วมเป็นผู้ปฏิบัติการในโครงการหลวงต่าง ๆ หรือโครงการบำเพ็ญประโยชน์อื่นใดที่มีเป้าหมายลดทอนความทุกข์ยากของประชาชนเฉกเช่นเดียวกับโครงการหลวง โดยมีเบี้ยเลี้ยงเงินเดือนให้เพียงพอแก่การยังชีพ ทั้งนี้เพื่อแทนการกักขังจำคุก  และทั้งนี้ควรมีการทบทวนคดีที่ศาลได้ตัดสินไปแล้ว โดยนำมาพิจารณาด้วยเกณฑ์ใหม่ เพื่อนำสังคมไทยไปสู่สังคมแห่งความรักความกรุณา

เสนาธิการทหารที่ฉลาดคงรู้อยู่เต็มอกว่า ศาลทหารย่อมไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะพิจารณาคดีความของพลเรือน และดังนั้นทั้งคดีความตามมาตรา 112 และคดีความอื่น ๆ ของพลเรือน จักต้องไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลทหาร การโอนคดีความต่าง ๆ กลับมาสู่ศาลพลเรือนจึงมีความจำเป็นเร่งด่วน

ท่านผู้นำได้ใช้เวลาสิ้นเปลืองไปมากแล้ว เวลาที่เหลืออยู่น้อยลงทุกที การปฏิรูปกองทัพที่เร่งด่วนเฉพาะหน้าฝากความหวังไว้กับการมีอยู่ของเสนาธิกาทหารที่ฉลาดและการแสดงบทบาทที่เหมาะสมของเสนาธิการนั้น.
 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net