19 มิ.ย.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ที่ผ่านมา ที่อนุสรณ์สถานณ์ 14 ตุลา มีการจัดกิจกรรม เสวนาวิชาการ ‘ร่างรัฐธรรมนูญ + ประชามติ ซึ่งเป็นการฟังเหตุผลของ 3 กลุ่มคือ โหวตเยส บอยคอต โหวตโน จัดโดย กลุ่มเสียงจากคนหนุ่มสาว มหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ก่อนหน้านี้ต้องย้ายจากการจัดในพื้นทีมหาวิทยาลัยรามคำแหง หลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและมหาวิทยาลัยเข้าเจรจา (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม) สำหรับผู้ร่วมอภิปรายประกอบด้วย จิตรา คชเดช นักสหภาพแรงงานและสมาชิกพรรคพลังประชาธิปไตย ซึ่งเป็นผู้ชู 'บอยคอต' ร่าง รธน. ฉบับนี้ รังสิมันต์ โรม ตัวแทนขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) ผู้ชูธง 'โหวตโน' และปัณณธร รัตน์ภูมิเดช จากเครือข่ายรัฐประศาสนศาสตร์ (นิด้า) ซึ่งเป็นตัวแทนฝ่ายโหวตเยส
จิตรา บอยคอต : ประชามติเป็นกระบวนการหนึ่งของรัฐประหาร
ไร้เกณฑ์ขั้นต่ำผู้มาโหวต
ประชามติที่ตัวเลือกหนึ่งไม่ชัดเจน
เผยตอน 50 โหวตโน ทำเต็มที่ รธน.ยังผ่าน
ยันบอยคอตไม่ใช่การนิ่งเงียบแต่เป็นการสร้างพื่นที่ทางเลือก
ไม่มีหลักประกันว่าคะแนนจะถูกประกาศ เพราะขาดการตรวจสอบที่แท้จริง
ปัณณธร : ชี้ ร่างรธน. นี้ปราบโกง คุม ส.ส.
ปัณณธร รัตน์ภูมิเดช ตัวแทนฝ่ายโหวตเยส กล่าวว่า ตนเข้าใจเรื่องคณะรัฐประหารที่เข้ามาควบคุมยุติความรุนแรง เมื่อมองไม่เห็นทาออกขณะนั้น จนมีการร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ อยากให้เห็นมุมที่ดี ไม่อยากหยิบยกมาตำหนิ เนื่องจากสังคมไทยบอบช้ำมาเยอะแล้ว ในจุดที่เห็นว่าเป็นจุดเด่น คือ การมีการควบคุม ส.ส. เรื่องการควบมุการทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องของการเพิ่มโทษในการตัดสิทธิ์ แต่ก็มีจุดอ่อน เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ต้องใช้เสียงข้างมากและมี ส.ว. 1 ใน 3 มาสนับสนุน ตรงนี้เกรงว่าจะมีปัญหาต่อไปหรือไม่อย่างไร
ปัณณธร กล่าวต่อว่า จุดเด่นการใช้มาตรการลงโทษการทุจริต คอร์รัปชั่นนั้นถือว่าเป็นจุดดี วันนี้ถ้าเราได้แก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้อย่างจริงจัง เชื่อว่าประเทศเราจะสามารถกรั่นกรองนักการเมืองที่จะเข้ามาได้ดีขึ้น
ห่วงที่มาของ ส.ว.ไม่ได้มาจาก ปชช.โดยตรง
อย่างไรก็ตาม ปัณณธร ยังมองว่า ส่วนที่น่าเป็นห่วงใน รธน.ฉบับนี้คือเรื่องของที่มาของ ส.ว. ไม่ได้มาจากประชาชนโดยตรง เพราะเป็นการแต่งตั้ง ต้องเป็นจุดที่น่าสังเกตว่าจะมีผลกระทบหรือไม่ หากร่างฉบับนี้ผ่านจะมีปัญหาระยะยาวหน้าไม่
เรื่องของระบบ ปัณณธร ยังมองว่า ถ้าประเทศเรามีรัฐบาลที่เข้มแข้ง และมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เชื่อว่าประเทศเราสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้นต้องมีกลไกในการตรวจสอบเช่นกัน โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น เชื่อว่าการบริหารงานของหน่วยงานต่างๆ จะทำได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ดังนั้นในสถานการณ์ปกติแล้วอยากให้ช่วยกันตรวจสอบด้วย พวกเราประชาชนต้องช่วยกันเข้มแข็งเรื่องนี้ ใส่ใจเรื่องการศึกษารัฐธรรมนูญ คุณธรรมจริยธรรม ด้วย ไม่ใช่เฉพาะในสถานการณ์ที่เป็นแบบนี้
ปัณณธร ยืนยันด้วยว่า การทุจริต มีในทุกวงการ ไม่เพียงนักการเมือง แต่มีทั้งข้าราชการและเอกชน อยากให้ภาคประชาชนเข้มเข็งเพื่อตรวจสอบ
โรม 'โหวตโน' ระบุ ร่าง รธน.ก่อผลกระทบ 3 กลุ่ม
ด้านรังสิมันต์ โรม กล่าวว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวจะมีผลกระทบโดยตรงต่อคน 3 กลุ่ม หนึ่งคือกลุ่มนักเรียนผู้ปกครอง เพราะในร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้รัฐบาลจัดการศึกษาฟรีให้กับนักเรียนชั้นมัธยมปลาย นั่นหมายถึงผู้ปกครองของนักเรียนชั้นมัธยมปลายจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มจากแต่ก่อน และถึงแม้ปัจจุบัน คสช.จะออกประกาศเป็นคำสั่งตามมาตรา 44 ให้เรียนฟรีถึงม.ปลาย แต่ก็เป็นเพียงการทำตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจซึ่งสามารถถูกแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งได้ตลอดเวลา
กลุ่มที่สองคือ กลุ่มชาวบ้านและ NGO โดยในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีการพูดถึงสิทธิชุมชนของคนกลุ่มนี้น้อยมากและตัดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการบริหารทรัพยากรธรรมชาติออกไป อีกทั้งตัวบทกฎหมายก็เขียนด้วยถ้อยคำลอยๆ ที่ไม่สามารถนำเอาไปปรับใช้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาวบ้านได้ และกลุ่มที่สามที่จะได้รับผลกระทบ คือกลุ่มศาสนา เนื่องจากร่างรัฐธรรมนูญได้กำหนดแนวทางให้ภาครัฐต้องเลือกข้างศาสนาหนึ่งที่มีการกำหนดนิกายที่ชัดเจน ทั้งที่ความจริงแล้วศาสนาควรแยกออกจากรัฐและเป็นเรื่องของปัจเจก ซึ่งการที่รัฐต้องเลือกข้างศาสนาจะทำให้ทุกศาสนาและทุกนิกายที่เคยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่สงบสุขอีกต่อไป
รังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ยิ่งไปกว่านั้นหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านประชามติและประกาศใช้ จะทำให้คำสั่งตามมาตรา44 ที่สั่งตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจ ได้รับการรับรองให้มีสถานะเทียบเท่ารัฐธรรมนูญ ซึ่งจะไม่สามารถแก้ไขได้ นอกจากการรัฐประหารเท่านั้น
ชี้คอร์รัปชั่นไม่อาจแก้ได้ด้วย รธน. แต่แก้ได้ด้วยประชาธิปไตย
รังสิมันต์ ยังกล่าวอีกว่า การเอารัฐธรรมนูญไปโยงกับการแก้ไขทุกจริตคอรัปชั่นเป็นวิธีคิดที่มีปัญหา เพราะการทุจริตไม่ได้มีเพียงในหมู่นักการเมือง แต่มีอยู่ในทุกระดับของสังคม ฉะนั้นหากประชาชนต้องการจะตรวจสอบว่ารัฐบาลมีการทุจริตหรือไม่ ก็ยิ่งต้องทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย เพื่อจะทำให้ได้เห็นกระบวนการที่ชัดเจนและตรวจสอบได้ที่สุด ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่ใช่กลไกแก้ไขการทุจริต แต่เป็นสัญญาประชาคมที่ต้องเป็นที่ยอมรับของประชาชนทุกคน
รังสิมันต์ ยังกล่าวอีกว่าการลงประชามติในครั้งนี้คือ การตัดสินใจของผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศ นั่นก็คือประชาชน เป็นโอกาสในการแสดงออกของประชาชน ซึ่งถ้าผลออกมาเป็นการไม่รับ มันไม่ใช่เพียงแค่การไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่มันคือการไม่ยอมรับและไม่ให้ความชอบธรรมกับ คสช. และถ้า คสช.ยังไม่ฟังก็แสดงว่าเขามองว่าเสียงของประชาชนไม่มีความหมาย และมองว่าประชาชนไม่ได้เป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง
แนะบอยคอตควรโจมตีที่กติกาไม่เป็นธรรม
นอกจากนั้น รังสิมันต์ ยังกล่าวถึงกลุ่มคนที่จะบอยคอตร่างรัฐธรรมนูญว่า กลุ่มบอยคอตจะต้องแยกให้ออกระหว่างการมีประชามติกับกติกาประชามติ เพราะการมีประชามติที่ประชาชนเป็นคนตัดสินใจอนาคตของประเทศ เป็นเรื่องที่ต้องมีอยู่แล้ว แต่ที่มีปัญหาคือกติกาของการลงประชามติที่ไม่ชอบธรรม เพราะฉะนั้นกลุ่มบอยคอตจะต้องโจมตีไปที่ตัวกติกาพยายามเรียกร้องให้มันมีความชอบธรรมที่สุด เพราะหากกลุ่มคนบอยคอตนิ่งเงียบไม่ไปลงคะแนน อาจหมายถึงการรับรอง คสช.
ยันแม้ร่างจะผ่านก็ไม่เสียความชอบธรรมที่จะไม่ยอมรับ
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ประชาชนจะออกไปโหวตโนแล้วแต่ร่างรัฐธรรมนูญก็ยังผ่าน ก็ไม่ทำให้สูญเสียความชอบธรรม เพราะบนกติกาการลงประชามติที่ไม่เป็นธรรมแบบนี้ จะไม่มีใครยอมรับผลของการลงประชามติ ไม่ว่าจะเป็น NDM ประชาชน หรือ นานาชาติ ก็ตาม
ส่วนประเด็นที่สมาชิคพรรคประชาธิปัตย์ออกมาบอกให้รับร่างรัฐธรรมนูญไปก่อนค่อยแก้ไขทีหลังนั้น รังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นวิธีพูดเดิมๆ ที่เคยใช้ในสมัยรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งขนาดกลไกในรัฐธรรมนูญปี 50 ที่ไม่ยุ่งยากเท่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ยังไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เลย ฉะนั้นหากประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปก่อน ก็จะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ คสช. หรือ ม.44 ก็ยังคงจะอยู่ต่อไป และอาจจะได้นายกเป็นคนเดิมก็ได้ เพราะตามร่างรัฐธรรมนูญ สว.มีอำนาจในการเลือกนายก และที่มาของสว. ก็มาจากการสรรหา
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)