Skip to main content
sharethis

สารจากพรรคสามัญชน ระบุจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่ผลจากการไม่ได้เป็น ส.ส. เข้าไปทำหน้าที่ในสภาสมัยนี้ แต่เราจะพัฒนาตัวเองต่อไปเพื่อให้ได้ ส.ส. เข้าไปทำหน้าที่ในสภาในสมัยถัดๆ ไปให้ได้ เพื่อเข้าไปเขียนกฎหมายและนโยบายกำหนดชะตาชีวิตของสามัญชนเอง

23 มี.ค. 2562 เพจพรรคสามัญชน - Commoners Party ได้เผยแพร่ 'สารจากพรรคสามัญชน' จากนายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ หัวหน้าพรรคสามัญชน โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. สวัสดีครับทุกท่าน ขอถือโอกาสในการปราศรัยนี้ส่งสารถึงพี่น้องเจ้าของพรรคสามัญชนทุกท่านนะครับ พรรคของเราจะไม่มีนโยบายแจก ‘เบี้ยยังชีพ’ นะครับ แต่จะแจก ‘เบี้ยกัญชา’ แทน

หลายท่านไม่เข้าใจมุขนี้ จึงไม่ขำ เบี้ยก็แปลว่ากล้าไม้ ส่วนนโยบายเบี้ยยังชีพเป็นของพรรคการเมืองชื่ออะไรที่่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร คสช. โดยเสนอชื่อประยุทธกลับเข้ามาเป็นนายกฯ ก็ไปค้นหาเอาเองนะครับ ผมคงไม่บอกชื่อพรรค เดี๋ยวจะหาว่าโจมตี ยุยง ปลุกปั่น

2. ถึงพี่น้องเจ้าของพรรคสามัญชนทุกท่าน พรรคสามัญชนของเรากำลังเติบโตไปตามวัยด้วยดี เป็นลูกที่ดีของสังคม มีเพศสภาพหลากหลาย ไม่แบ่งชนชั้น เชื้อชาติ วรรณะ ยืนหยัดต่อสู้กับความเหลื่อมล้ำเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในสังคม การเผชิญหน้ากับความยากลำบากในการตั้งพรรคและลงเลือกตั้งตามกติกาที่เอารัดเอาเปรียบของระบอบเผด็จการทหาร คสช. ตั้งแต่ขวบปีแรกช่างเป็นอะไรที่ท้าทายอย่างยิ่งว่าการผุดขึ้นของเมล็ดพันธุ์เพื่อผลิใบบนผืนดินที่แห้งแล้งจะเติบโตงอกงามขึ้นได้อย่างไร แต่การกดขี่กลับเกิดผลตรงข้าม พรรคของเราถูกรดน้ำด้วยหยาดเหงื่อของสามัญชน ชุ่มชื่น ฉ่ำเย็น แตกกิ่งก้านท้าทายเผด็จการอย่างทรนง แข็งแกร่งและมีพลัง กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ที่กำลังหยั่งรากลึกแทรกซอนลงไปในเนื้อดินเพื่อปักหลักให้มั่นคง ยั่งยืน ยาวนาน พร้อมสำหรับการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของประวัติศาสตร์สังคมการเมืองไทยให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยอย่างมีนัยสำคัญ

3. แม้การเลือกตั้งครั้งนี้จะสร้างกติกาและเงื่อนไขที่แสนลำบากยากเข็ญให้กับพวกเรา แต่ทุกคะแนนที่เลือกพรรคสามัญชนจะไม่มีคะแนนใดทิ้งน้ำอย่างเด็ดขาด แม้ทุกคะแนนจะไม่ทำให้ได้ ส.ส. สักที่นั่งเดียวก็ตามก็ขอให้พี่น้องสามัญชนทุกท่านในทุกเขตเลือกตั้งที่พรรคสามัญชนส่งผู้สมัคร ส.ส. เข้าคูหากากบาทลงคะแนนให้กับพรรคของเรา เพราะทุกคะแนนคือจุดยืนและอุดมการณ์ที่ต้องการยืนหยัดปักหลักให้ชัดว่าเป็นพรรคที่มีวาระด้านสิ่งแวดล้อมและความเหลื่อมล้ำให้ชัดเจน ทุกคะแนนที่เลือกพรรคของเราจะทำให้เราประเมินตัวเองให้ดีขึ้นสำหรับการทำการเมืองแบบพรรคสามัญชนในฤดูกาลเลือกตั้งถัด ๆ ไป รวมถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะตามมาหลังการเลือกตั้ง ส.ส. ด้วย ทุก ๆ เขตที่พรรคสามัญชนส่งผู้สมัคร ส.ส. ในฤดูกาลแรกนี้เราจะประเมินคะแนนเพื่อส่งสามัญชนเข้าไปนั่งในสภาท้องถิ่นด้วย ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาลหรือ อบต. ในส่วนขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น

4. ส่วนพื้นที่หรือเขตเลือกตั้งอื่น ๆ ที่ไม่มีตัวแทนจากพรรคสามัญชนลงสมัคร ขอให้พี่น้องสามัญชนทุกท่านได้โปรดลงคะแนนให้กับพรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่แสดงตัวอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ทหารกลับมาปกครองประเทศอีก ส่วนพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร คสช. และพรรคที่แสดงออกอย่างลังเล ขออย่าไปลงคะแนนให้อย่างเด็ดขาด 

5. ขอให้พี่น้องสามัญชนทุกท่านส่งกำลังใจไปให้กับผู้สมัคร ส.ส. เขตทุกท่านที่กำลังทำงานหนักอยู่ในพื้นที่ พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้เสียสละต้องเผชิญกับความยากลำบากในการก้าวข้ามจารีตของการเมืองเก่าที่ใช้เงินหว่านล้อมและจูงใจซื้อเสียง ต้องแบกรับกับภาระด้านค่าใช้จ่ายในการหาเสียงที่พรรคของเราไม่สามารถสนับสนุนได้อย่างเต็มที่ แต่ก็สู้อย่างสุดจิตใจ ออกจากบ้านทุกวันเพื่อพบปะ พูดคุย ทักทายกับประชาชนเพื่อหวังว่าจะโน้มน้าวจิตใจให้ช่วยลงคะแนนให้กับพรรคของเราได้ ยิ่งไปกว่านั้น ความมุ่งมั่นตั้งใจที่ผู้สมัคร ส.ส. แต่ละเขตทำลงไปเพื่อให้พรรคของเราเป็นพรรคที่มีแนวทาง ‘มวลชนชี้นำพรรค’ ไม่ใช่ ‘พรรคชี้นำมวลชน’ นั้น เหมือนไม่ได้มา ‘หาเสียง’ แต่มา ‘หาคนสร้างพรรค’ ให้ก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป ช่างเป็นเรื่องปลาบปลื้มใจยิ่ง เพราะการหาเสียงนำเสนอนโยบายทำให้พรรคการเมืองมีสามแบบ แบบแรกคือพรรคที่สัญญาว่าจะให้ ขายความหวัง แบบสองเป็นพรรคที่ชวนมาร่วมกันเปลี่ยนแปลงสังคม และแบบสามเป็นพรรคที่ผสมผสานสองแบกแรกเข้าด้วยกัน ซึ่งแนวทางมวลชนชี้นำพรรคของพรรคเราทำให้เราเป็นพรรคแบบสองที่เข้าใกล้ความหมาย ‘พรรคการเมืองคือตัวแทนทางอุดมการณ์ของมวลชน’ มากที่สุด 

6. อย่าได้กังวลใจใด ๆ เมื่อถูกปรามาสหรือลังเลใจจากประชาชนที่จะลงคะแนนให้พรรคของเราเพราะเห็นว่าเป็นพรรคเล็กที่ไม่น่าจะได้ ส.ส. สักที่นั่งเดียว จึงไม่สามารถผลักดันนโยบายไปสู่การปฎิบัติจริงได้ สู้เอาเสียงไปให้กับพรรคใหญ่ที่มีโอกาสได้เป็น ส.ส. เข้าสู่สภาดีกว่า พี่น้องสามัญชนจงตอบกลับไปด้วยท่าทีที่เป็นมิตรว่า “นโยบายคือการผลักดันความใฝ่ฝันถึงสังคมที่ดีงามในวันพรุ่งให้เกิดขึ้นเป็นจริงให้ได้” เพราะนโยบายจะทำงานสองด้าน ด้านหนึ่งคือผลักดันให้เกิดรูปธรรมของนโยบายนั้น ๆ ด้วยการเข้าไปทำหน้าที่ในสภา อีกด้านหนึ่งคือการนำนโยบายเข้าไปแทรกซึมเปลี่ยนแปลงกรอบคิดในหัวคน และนโยบายไม่ได้มีช่องทางเดียวด้วยการเป็น ส.ส. ในสภาเท่านั้นถึงจะผลักดันนโยบายให้เกิดรูปธรรมได้ แต่นโยบายคือ ‘ขบวนการเคลื่อนไหวของประชาชน’ ที่สำคัญไม่แพ้กัน

7. เพราะการเมืองของพรรคสามัญชนคือการเปลี่ยนแปลงสังคมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยมีหลักยึดเหนี่ยวจิตใจว่าอำนาจอธิปไตยต้องเป็นของปวงชน ซึ่งเกือบห้าปีแล้วที่บ้านเมืองเราปกครองด้วยคณะรัฐมนตรีและสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มีคนขโมยอำนาจอธิปไตยของประชาชนไป พวกเขาเข้าไปเขียนกฎหมายเกือบ 500 ฉบับโดยไม่ยึดโยงกับความรู้สึกนึกคิดและความต้องการของประชาชนเลย วันหนึ่งออกมติ ครม. เพื่อให้บริษัทปูนซีเมนต์ไทยใช้พื้นที่ลุ่มน้ำ 1A ขนาดใหญ่กว่า 3,000 ไร่ เข้าไปทำเหมืองหินปูนเพื่อผลิตปูนซีเมนต์ได้ อีกวันหนึ่งผ่านกฎหมายอุทยานแห่งชาติให้อำนาจเด็ดขาดแก่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ขับไล่ชุมชนที่อาศัยและทำมาหากินในพื้นที่ลุ่มน้ำ 1A ออกให้หมด

พยายามทุกวิถีทางที่จะยกเลิกนโยบายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติด้วยความคิดที่ว่าผู้ใช้บัตรทองหรือบัตร 30 บาทรักษาทุกโรคกว่า 47 ล้านคนคือภาระของแผ่นดิน

พยายามทุกวิถีทางที่จะทำลายความมั่นคงทางอาหารด้วยการออกกฎหมายไม่ให้เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา เก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวและพันธุ์พืชอื่น ๆ ไว้ปลูกและขาย เพื่อบังคับให้ประชาชนไปซื้อเมล็ดพันธุ์จากบรรษัทยักษ์ใหญ่ด้านเกษตรอุตสาหกรรมที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทประชารัฐแทน 

พยายามทุกวิถีทางที่จะทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยและพื้นที่เกษตรกรรมซึ่งเป็นผืนดินแห่งชีวิตของประชาชนทั่วไปและเกษตรกรรายย่อยด้วยการออกกฎหมายแย่งยึดที่ดินหลากหลายรูปแบบ เช่น ออกคำสั่ง คสช. ยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายผังเมืองเพื่อให้โรงงานอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทไปตั้งอยู่ในเขตชุมชนและเกษตรกรรมได้ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของวิกฤติฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ที่เพิ่มขึ้นในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและจังหวัดในภูมิภาคอืื่น ๆ ออกคำสั่ง คสช. และกฎหมายเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ให้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์แก่คณะกรรมการขโมยที่ดิน ส.ป.ก. และที่ราชพัสดุที่ประชาชนใช้ประโยชน์อยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องออกพระราชกฤษฎีกายกเลิกการใช้ประโยชน์ในที่ดินเหล่านั้นก่อนตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายเฉพาะเพื่อการนั้น ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อย-น้ำตาลขยายตัวขึ้น ทำให้กลไกในการตรวจสอบ กำกับ ควบคุม ติดตาม ป้องกันปัญหาและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคมและสุขภาวะอนามัยของประชาชน เพื่อสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยกฎหมายส่ิงแวดล้อมง่อยเปลี้ยเสียขาจนกลายเป็นกฎหมายส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นมาอีกฉบับหนึ่ง 

8. ถึงเวลาแล้วที่หลักการสำคัญว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนจะต้องถูกทบทวนตรวจสอบ เพราะแนวปฎิบัติของหลักการนี้ก็เป็นอะไรที่เรียบง่ายและสากลมาก นั่นก็คือ เราผู้เป็นประชาชนเจ้าของอำนาจจะให้ผู้แทนนำอำนาจของเราไปใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมและพัฒนาคุณภาพชีวิตเราให้ดียิ่งขึ้น ๆ ได้ก็โดยการเลือกตั้ง ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ที่เกิดขึ้นได้จากการทำงานหนัก ทุ่มเท เสียสละ ของเหล่าพี่น้องประชาชนที่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงติดคุกติดตารางเพื่อหวังให้บ้านเมืองกลับคืืนสู่ประชาธิปไตยจึงเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญมากที่เราจะต้องเลือกพรรคที่เคารพศรัทธาประชาชนว่าเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง 

ผมไม่สามารถที่จะเอ่ยชื่อพรรคใด ๆ ได้เพราะจะเป็นการโจมตี ยุยง ปลุกปั่น แต่พี่น้องต้องฉลาดเลือก อย่าไร้เดียงสาอีกนะครับ 

ลำดับความสำคัญข้อแรกในการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เลือกว่าพรรคใดที่นำเสนอนโยบายด้านปากท้องดีกว่ากัน แต่ต้องเลือกโดยมุ่งตรงไปว่าพรรคใดเอาทหาร พรรคใดไม่เอาทหาร เพราะถ้าท่านเลือกพรรคที่เอาทหารมันจะทำให้อำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นของปวงชนถูกทำลายลงอีกครั้ง บ้านเมืองหลังเลือกตั้งจะถูกออกแบบให้มีลักษณะเผด็จการคล้ายพม่า ลาว กัมพูชาและจีน 

9. ส่วนที่คลุมเครือว่าเป็นพรรคแบบไหนแน่ เอาหรือไม่เอาทหาร แทงกั๊ก รอเสียบ ขอให้เลือกด้วยหลักนี้ครับ ตามที่กล่าวไปแล้วว่า “นโยบายคือการผลักดันความใฝ่ฝันถึงสังคมที่ดีงามในวันพรุ่งให้เกิดขึ้นเป็นจริงให้ได้” นั้น สังคมที่ดีงามหรือความสมบูรณ์ของนโยบายประกอบขึ้นจากสองส่วน หนึ่งคือปากท้อง สองคือเสรีภาพ ดังนั้น พรรคการเมืองไหนมีแต่นโยบายด้าน ‘ปากท้อง’ แต่กดปราบหรือเมินเฉยนโยบายด้าน ‘เสรีภาพ’ ก็จงอย่าเลือกพรรคนั้น

10. ถ้าเราไม่สามารถไปถึงปฏิวัติประชาชนได้ เพราะความไร้เดียงสาและความผิดพลาดของขบวนประชาชนที่มองเห็นว่าการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ และ กปปส. คือปฏิวัติประชาชนจนนำมาซึ่งรัฐประหารสองครั้งนั้น นำมาซึ่งการทบทวนบทเรียนว่าการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติไม่สูญเสียเลือดเนื้อโดยตั้งพรรคการเมืองของมวลชนที่ก่อรูปก่อร่างเป็นพรรคขนาดเล็กแบบพรรคสามัญชนและพรรคผองเพื่อนอื่น ๆ ที่มารวมกัน ณ ที่นี้ ก็ก่อรูปร่างเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้เช่นกัน ดังนั้น จงมาร่วมกันเลือกลงคะแนนให้กับพรรคฝ่ายไม่เอาทหาร เพราะจะทำให้ได้พรรคฝ่ายค้านที่เข้มแข็งได้ ส.ส. หลายร้อยเสียง 

สิ่งที่เผด็จการทหาร คสช. ไม่อยากได้แม้ประยุทธ์จะได้เป็นนายกฯตามต้องการแล้วก็ตามคือกลัวฝ่ายค้านเข้มแข็งมี ส.ส. เยอะกว่า ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล เพราะอำนาจนิติบัญญัติที่มีหน้าที่หลักในการเขียนกฎหมายจะสั่นคลอน ไม่สามารถควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกต่อไป นี่คือบันไดขั้นแรกในการโค่นล้มเผด็จการทหาร คสช. นี่คือภารกิจของพรรคเล็กในการโค่นล้มเผด็จการด้วยการเข้าไปทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง

11. หลังเลือกตั้งพรรคเล็กอย่างพวกเรามีเจตจำนงในการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ กฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมายเลือกตั้งร่วมกันว่าการเมืองควรเป็น ‘สิทธิตามธรรมชาติ’ และเจตจำนงเสรี ไม่ควรเป็น ‘สิทธิตามกฎหมาย’ สิ่งที่ คสช. ทำคือทำให้การเมืองเป็นสิทธิตามกฎหมายมากเกินไปโดยเขียนรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่าง ๆ เพื่อสร้างอุปสรรคจำกัดสิทธิประชาชนไม่ให้มีส่วนร่วมทางการเมืองมากไปกว่าการลงคะแนนเสียง ทั้งที่ควรปล่อยให้ประชาชนไม่ต้องสังกัดพรรคก็สมัครรับเลือกตั้งได้ 
เราจะร่วมกันผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงการเมืองที่มากไปกว่าการลงคะแนนเสียงด้วยการส่งตัวเองลงสมัครรับเลือกตั้งโดยไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง

12. วาระการกระจายอำนาจเพื่อทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยและลดความเหลื่อมล้ำ ตามคำขวัญว่า Decentralization = Democracy จะเป็นวาระร่วมของพรรคเล็กในวันนี้ที่จะผลักดันให้เกิดขึ้น

13. สุดท้ายนี้ จงมาร่วมกันเปลี่ยนรัฐเผด็จการให้เป็นรัฐสวัสดิการกันเถิดครับ

14. เราจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่ผลจากการไม่ได้เป็น ส.ส. เข้าไปทำหน้าที่ในสภาสมัยนี้ แต่เราจะพัฒนาตัวเองต่อไปเพื่อให้ได้ ส.ส. เข้าไปทำหน้าที่ในสภาในสมัยถัด ๆ ไปให้ได้ เพื่อเข้าไปเขียนกฎหมายและนโยบายกำหนดชะตาชีวิตของสามัญชนเอง

อย่าเสียเวลาถามว่าพรรคสามัญชนจะอยู่รอดปลอดภัยกับอันตรายทางการเมืองจากผู้มีอำนาจได้อย่างไร แต่จงมุ่งมั่นทุ่มเทต่อสู้ลงมือทำอย่างสุดหัวจิตหัวใจ โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวของเราที่จะรับไม้ต่อสืบทอดพรรคให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น 

ณ ที่ตรงนั้น ตรงที่ดวงดาวยังประกายทอแสง จรัสแรงยามมืดมนบนฟ้าไกล นั่นคือแสงสว่างอันเปี่ยมพลังของสามัญชน

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net