Skip to main content
sharethis

อัพเดทข้อมูล 21.10 น. 14 ต.ค.63

14 ต.ค. 2563 ประมวลสถานการณ์การชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ของคณะราษฎร 2563 หลังเคลื่อนขบวนฝ่าแนวกั้นของตำรวจตั้งแต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยช่วงบ่าย ถึงหน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 18.00 น. ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้อง  1. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต้องออกไป 2. เปิดวิสามัญรับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจากประชาชน 3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ นั้น

เวลา 18.20 น. แกนนำบนเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ประกาศประสบความสำเร็จแล้วในการมาเยือนทำเนียบรัฐบาล ในขณะที่มวลชนชู 3 นิ้วหลั่งไหลเข้าพื้นที่หน้าทำเนียบอย่างไม่ขาดสาย

ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมาถึงหน้าทำเนียบรัฐบาล

ศิลปินแสดงดนตรีบริเวณใกล้แยกนางเลิ้ง

ผู้ชุมนุมบริเวณเวที ถ.พิษณุโลก ใกล้ทำเนียบรัฐบาล

ผู้ชุมนุมฝั่งถนนราชดำเนินนอก แยกมิสกวัน

เชียงใหม่-พิษณุโลกจุดเทียนให้กำลังใจผู้ชุมนุม

เวลา 18.00 น. วานนี้ (14 ต.ค.) #ประชาคมมอชอ เชิญชวนนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ร่วมกันจุดเทียนรำลึก 14 ตุลา 2516 และเพิ่มแสงสว่างให้ประชาธิปไตย เผาความอยุติธรรมอันมัวหมองของแผ่นดินที่อ่างแก้ว ม.เชียงใหม่

ช่วงเย็นวันที่ 14 ต.ค. 63 ที่สนามหน้าตึกคณะสังคมศาสตร์ ม.นเรศวร จ.พิษณุโลก มีประชาชนและนักศึกษาจุดเทียนรำลึก 14 ตุลาคม 2516 และให้กำลังใจเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ต่อสู้อยู่ที่กรุงเทพฯ #ม็อบ14ตุลา

ศาลไม่ให้ประกันตัวไผ่

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า 'ไผ่ ดาวดิน' หรือ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ซึ่งถูกควบคุมตัวไปที่ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี วานนี้ (13 ต.ค. 63) ระหว่างตั้งเต็นท์ทางเท้าข้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยพร้อมกับพวกรวม 21 คน ในนามคณะราษฎรอีสานนั้น เฉพาะจตุภัทร์ ไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยศาลอาญาระบุว่า พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหามีลักษณะเป็นการยุยงไปให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวก็อาจจะไปมีพฤติการณ์ในลักษณะเป็นเดียวกันอีก ประกอบกับพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว จึงให้ยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว

18.55 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพบกลุ่มคนเสื้อเหลืองเดินเข้ากองทัพภาคที่1

ทหารพยายามกางรั้วลวดหนาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากผู้ชุมนุมคณะราษฎรเดินทางถึงหน้าทำเนียบรัฐบาล ซอยวัดเบญจมบพิตรฯ ด้านข้าง กพ. ซึ่งสามารถเดินมากองทัพภาคที่ 1 ทหารเข้ามาประชิดผู้ชุมนุมทหารนำรั้วลวดหนามมาตั้งแนว ตามาเวลา 19.40 น. ผู้ชุมนุมกังวลเรื่องความปลอดภัยเจรจาจนทหารยอมถอยแนวกั้นออกไปประมาณนึง เพื่อให้สามารถใช้ห้องน้ำสาธารณะได้

ตามา 19.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทหารเตรียมนำลวดหนามมาวางกั้นถนนตรงทัพภาค 1 แต่การ์ดผู้ชุมนุมเห็นก่อน เลยห้ามไว้ได้ โดยทหารถอยไปโดยทิ้งลวดหนามไว้ไม่เก็บกลับไป

20.45 น. ที่แยกสวนมิสกวัน ตำรวจประกาศให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมภายใน 22.00 น นี้ หากไม่ยุติการชุมนุม เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

20.50 น. ที่หน้ากองทัพภาคที่ 1 ทหารในเครื่องแบบ ทำการกางรั้วลวดหนามปิดกั้นถนนราชดำเนินนอกใกล้กับแยกสวนมิสกวันที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ โดยในช่วงทหารกางรั้วนั้นมีผู้ชุมนุมเข้ามาเปิดเพลง Imperial March ด้วย

ขณะเดียวกันมีกลุ่มชายสวมเสื้อเหลือง ตัดผมสั้นเกรียนตั้งแถวอยู่ด้านลานพระบรมรูปทรงม้า และขยับเข้ามาประชิดใกล้แนวผู้ชุมนุมบริเวณแยกสวนมิสกวัน ผู้สื่อข่าวสอบถามกลุ่มชายดังกล่าวที่กำลังจัดแถวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจหรือไม่ แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ต่อมามีรายงานในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐระบุว่าเป็นทหาร 904 สวมชุดจิตอาสาสีเหลือง จำนวน 1 กองร้อย

21.00 น. พ.ต.อ. อรรถวิทย์ สายสืบ รอง ผบก.บก.น.1 เข้ามาประสานงานกับกลุ่มชายสวมเสื้อเหลืองบริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งเพิ่งมีการกั้นรั้วลวดหนามบนถนนราชดำเนินนอกมุ่งหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า ใกล้สวนมิสกวัน โดยผลการพูดคุย กลุ่มชายสวมเสื้อเหลืองถอยกลับไปอยู่ที่ตั้งห่างจากผู้ชุมนุมราว 50 เมตร

อานนท์ นำภา แกนนำผู้ชุมนุมปราศรัยเวลา 21.24 น.

เวลา 21.24 น. อานนท์ นำภา ขึ้นเวทีปราศรัยตอนหนึ่งตำหนิเจ้าหน้าที่รัฐว่าจงใจให้ประชาชน 2 ฝ่ายปะทะกัน ถือว่าใจร้ายใจดำที่สุด แต่แกนนำการชุมนุมตัดสินใจเปลี่ยนแผนเคลื่อนขบวนล่วงหน้าเพื่อเลี่ยงความรุนแรง “เมื่อเช้าถ้าเกิดการปะทะกันเขาจะใส่ร้ายเราว่า เราจ้าบจ้วงล้มเจ้าไปสร้างความรุนแรง พอเราตัดสินใจเดินก่อน เขาทำอะไรไม่ถูกครับ จะใช้มุกมายั่วประชาชนให้ฆ่ากันเอง โดยที่พวกคุณอยู่บนฟ้าไม่มีทาง ถ้าอยู่ก็อยู่ด้วยกันบนดินนี่แหละ สูงสุดสู่สามัญ”

เขากล่าวต่อว่า หากพิจารณาด้วยสามัญสำนึก อย่าคิดว่าจะบังคับให้คนไปก้มกราบ บอกเลยว่า ไม่มีทาง ต่อไปนี้ อย่ากดดันให้พวกเราทำอะไรที่มันมากไปกว่านี้ แค่นี้ทุกคนก็เหนื่อยมากแล้วกับการพูดความจริง

อานนท์กล่าวถึงแกนนำการชุมนุมและมวลชนที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 13 ต.ค. ว่า คืนนี้มีลูกหลานเรา 20 คนต้องนอนในคุก พร้อมเตือนตุลาการว่า ตุลาการต้องอยู่ข้างประชาชน ถ้าตุลาการไปรับใช้เผด็จการ พวกท่านจะไม่ได้ขึ้นบัลลังก์ พวกท่านจะโดนกระชากลงมา แต่ถ้าพวกท่านกลับมารับใช้ประชาชน รับใช้ความถูกต้อง พวกเราจะนับถือท่าน “ขีดเส้นตายเอาไว้พรุ่งนี้เที่ยงต้องปล่อยไผ่ ดาวดินเท่านั้น ความจริงจะปล่อย 19 คนและขังไผ่ ดาวดินคนเดียว”

อานนท์กล่าวถึงผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมว่า “คุกขังเขาได้แค่ร่างกายแต่จิตวิญญาณเขามาชุมนุมกับเราที่นี่ ตอนนี้อยู่ในแนวทางของทุกคน ต่อไปนี้จะไม่มีการเจรจากับตำรวจใดๆ อีกต่อไปเพราะคุณก็สุนัขรับใช้เผด็จการ ถ้าทหารเสือกไม่รู้หน้าที่ออกมาสลายการชุมนุม ยึดอำนาจ ยืนยันกันตรงๆ ว่า ประเทศนี้จะไม่เหมือนเดิม”

ในประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ อานนท์กล่าวว่า “เราทุกคนจะสวมวิญญาณแพทย์ผ่าตัดเอาไส้ติ่งออกมา” เขากล่าวว่าหากมีรัฐประหารอีกครั้ง ประชาชนจะผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนออกมาประกาศใช้แน่นอน โดยเป็นการลอกแบบมาจากประเทศประชาธิปไตย ทั้งนี้เขากล่าววิงวอนถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าเขาไม่เคยคิดล่วงเกิน ข้อเสนอตามหลักการ โดยร้องขอให้ “ประตูวังหน้าต่างวังเปิดมาฟังเสียงประชาชนบ้าง” นอกจากนี้เขาเรียกร้องให้รัฐสภาทำหน้าที่ ต้องทำตัวเป็นผู้แทนอย่างแท้จริง อภิปรายในเรื่องงบประมาณสถาบันพระมหากษัติรย์ด้วย

ทั้งนี้เขากล่าวว่า ข้อเสนอสามข้อของผู้ชุมนุม “คณะราษฎร” เป็นการสรุปรวบยอดทั้งประชาชนปลดแอก และแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม หากข้อเรียกร้องเรื่องประยุทธ์ลาออกเป็นผลสำเร็จก็จะพูดคุยในข้อเสนออื่น

เขาแสดงความกังวลด้วยว่าหากจำนวนผู้ชุมนุมลดลง อาจถูกสลายการชุมนุม “ซ้ายมือผมมีตำรวจพร้อมโล่ กระบองมารออยู่แล้ว บอกมันไปว่า กูไม่กลัวมึง ถ้าสลายชุมนุมเมื่อไหร่ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมแน่นอน" ทั้งนี้เขากล่าวขอบคุณสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่รายงานข่าวผู้ชุมนุมอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้เข้าข้างผู้ชุมนุม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net