Skip to main content
sharethis

เสรีพิศุทธ์ตั้งข้อสังเกตกรณีศาลรัฐธรรมนูญตีตกคำร้องให้พิจารณาสถานะ ส.ส. ของสิระ เจนจาคะ เพราะจำนวน ส.ส. ที่เข้าชื่อไม่ครบตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนด เหตุไม่ได้รับแจ้งเรื่องการถอนชื่อ สงสัยการตรวจสอบลายมือชื่อไม่ตรงกับที่ให้ไว้ต่อสภาอย่างไร ด้าน 2 ส.ส.เพื่อไทย แจงไม่ได้รับเงิน แต่มีกระแสว่าไม่ได้เป็นมติพรรคเพื่อไทย จึงขอถอนชื่อออกมา แต่พอรายชื่อไม่ครบก็ทำเอกสารยืนยันเข้าไปใหม่

8 ม.ค. 2564 มติชนออนไลน์รายงานว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงข่าวกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญตีตกคำร้องให้พิจารณาสถานะ ส.ส.ของสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ว่ามีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากต้องคำพิพากษาจำคุกเกี่ยวกับทรัพย์ ต่อมา ส.ส. ที่เข้าชื่อถอดถอนนายสิระบางส่วนขอถอนชื่อ ส่งผลจำนวน ส.ส. มีจำนวนไม่ครบตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนด

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานแล้วว่าสิระถูกศาลพิพากษาจำคุกจริง ก็ได้ยื่นคำร้องมีรายชื่อ ส.ส. 62 คน เกินกว่า 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ส.ที่มีอยู่ในปัจจุบันคือ 48.7 คน เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2563 จึงเห็นว่าไม่มีเหตุผลที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตีตก และหลังจากยื่นคำร้องก็ไม่ได้มีการแจ้งความคืบหน้ามาอีกเลย

จากนั้นเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2564 ได้ติดตามความคืบหน้าของการส่งคำร้องดังกล่าว จึงได้รับเอกสารการส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งในเอกสารฉบับนี้ได้เขียนว่า ได้มีการเข้าชื่อเสนอคำร้องจำนวน 62 คน แต่มีลายมือชื่อไม่เหมือนกับที่ให้ไว้กับสภา 2 คน คงเหลือจำนวน 60 คน และในจำนวนนี้ขอถอนชื่ออีก 10 คน คงเหลือผู้เสนอคำร้อง 50 คน ถือว่าถึง 1ในสิบ จึงส่งศาลรัฐธรรมนูญ

หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยตั้งข้อสังเกตว่า รายชื่อที่ไม่เหมือน 2 คน ตรวจสอบอย่างไร ส่วนการถอน 10 รายชื่อ ไม่ได้มีการแจ้งมายังตนเอง จึงตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใด จึงไม่มีการแจ้งมาในทั้ง 2 กรณี จากนั้นก็ มี ส.ส. มาขอถอนชื่อเพิ่มเติมอีก 2 คน เมื่อทราบว่ารายชื่อไม่ครบ จึงส่งรายชื่อจากพรรคก้าวไกลเพิ่มอีก 5 คน ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย แต่ก็ไม่ทัน

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังวิจารณ์การทำงานของชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ไม่สามารถทำเรื่องง่ายๆ ในการตรวจสอบคำร้อง และไม่สามารถการควบคุม ส.ส.ในสภาเพียงหลักร้อยได้ ประชาชนคงต้องพิจารณา พร้อมคาดถึงสาเหตุที่ ส.ส. ถอนชื่อว่า อาจถูกขู่ หรือรับเงินมาหรือไม่ เมื่อคำร้องตีตก ก็จะทำคำร้องใหม่ และยอมเหนื่อยให้ประชาชน และทำหนังสือสอบถามไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมขอตรวจสอบส.ส. ทุกคนในสภาด้วย เพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชน

ทั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงการยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้เอาผิดสิระ เจนจาคะ ที่ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ว่า กกต. คงต้องรับรองคุณสมบัติ เพราะมีผู้สมัครจำนวนมาก หาก กกต. จะตรวจอย่างละเอียดในแต่ละคนคงเป็นไปได้ยาก ซึ่งได้เสนอเรื่องนี้ไปยัง กกต. แล้ว ในฐานะที่ กกต. เป็นหน่วยงานที่รับสมัคร ในฐานที่นายสิระให้ข้อมูลเท็จ ซึ่งได้ส่งพยานหลักฐานไปยัง กกต. แล้ว จากนั้น กกต. ก็ดำเนินการตามขั้นตอนไป เมื่อ กกต. เห็นว่ามีความผิดก็ส่งต่อไปยัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และส่งไปยังศาลฎีกา แผนกคดีอาญานักการเมือง มีโทษ 1-10 ปี ปรับ 20,000 -200,000 บาท ตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี

ด้านเว็บไซต์พรรคเพื่อไทยรายงานว่า อนุรักษ์ บุญกุศล ส.ส.สกลนคร และอาภรณ์ สาราคำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เพจ “อาภรณ์ สาราคำ” ถึงกรณีกระแสข่าวเรื่องศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องพรรคเสรีรวมไทย ในการขอวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็น ส.ส. ของสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เหตุจากที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถอนชื่อ 2 คน ทำให้ไม่ครบเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญกำหนด

โดยอนุรักษ์ กล่าวว่า เราได้ร่วมลงชื่อถอดถอน นายสิระ เจนจาคะ กับพรรคเสรีรวมไทย ต่อมามีกระแสว่าไม่ได้เป็นมติพรรคเพื่อไทย จึงขอถอนชื่อออกมา แต่พอรายชื่อไม่ครบ จึงทำเอกสารยืนยันเข้าไปใหม่ แต่ไม่มีข่าวออกมา โดยขอยืนยันว่า ยังยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างมั่นคงมาโดยตลอด ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงเพื่อไทย เมื่อการถอดถอนสิระเป็นความต้องการของคนทั้งประเทศ ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะไม่ทำหน้าที่ ส.ส. ให้ดีที่สุด เพื่อพี่น้องประชาชน ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และไม่ได้รับประโยชน์อื่นใด ทั้งทางตรง และทางอ้อม

ด้านอาภรณ์ กล่าวต่อว่า การกล่าวหาว่าเราสองคนรับเงิน เป็นการย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็น ส.ส. เรายึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย ต่อสู้มานานนับ 10 ปี ในฐานะ ส.ส. ที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานี ขอยืนยันว่า เราไม่ได้รับเงินใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของตัวเองคืนมา เราได้ทำหนังสือใหม่ยื่นไปทางสภาแล้ว แต่ยังไปไม่ถึงศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น จึงขอความเป็นธรรมให้กับเราด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net