Skip to main content
sharethis

รองโฆษกพรรคเพื่อไทย จี้ ศบค. ส่วนกลาง-จังหวัดปรับแนวทางป้องกันการระบาด COVID-19 และป้องกันเหตุอาชญากรรม ติดตั้งกล้องวงจรปิด จัดเวรหน่วยลาดตระเวนเพิ่มเติมในพื้นที่เปลี่ยวหรือลับตาคนในยามวิกาล ป้องกันเหตุที่ไม่คาดฝันเหมือนในพื้นภูเก็ต 

ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย
ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย

7 ส.ค. 2564 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพบศพนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายใต้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ว่า หากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ ผอ.ศบค. จัดการกับปัญหานี้ล่าช้า และไม่สามารถกอบกู้ความเชื่อมั่นจากต่างประเทศได้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งสอบสวน พร้อมเปิดเผยทุกกระบวนการและความคืบหน้าของคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับสาธารณชน เนื่องจากคดีนี้ถูกเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลก ขณะเดียวกัน ศบค. ทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัดควรปรับแนวทางการป้องกันเหตุที่ไม่คาดฝันในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่พื้นที่ควบคุมสีแดง ดังนี้

1. นำเอาระบบแอปพลิเคชัน ซึ่งบางจังหวัดมีแอปพลิเคชันส่งเสริมการท่องเที่ยวอยู่แล้ว นำมาใช้ในการติดตามนักท่องเที่ยว และสามารถติดต่อฉุกเฉินได้ทันที เมื่อเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย

2. มีระบบให้ผู้ให้บริการที่พัก ทำบันทึกการเข้าพักอาศัยของนักท่องเที่ยวทุกรายทุกคืน และแจ้งกำหนดการการท่องเที่ยว เพื่อช่วยสอดส่องเหตุผิดวิสัย

3. เพิ่มการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้มากขึ้นและจัดเวรหน่วยลาดตระเวนเพิ่มเติมในพื้นที่เปลี่ยวหรือลับตาคนในยามวิกาล

นายชนินทร์ กล่าวว่า ความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารของพลเอกประยุทธ์ ได้บั่นทอนความหวังและโอกาสในการเปิดประเทศไปจนหมดสิ้น เท่ากับว่าพลเอกประยุทธ์ ทำตัวเองเพราะอาจมีความเป็นไปได้ที่จะไม่สามารถเปิดประเทศได้อย่างที่หวัง มาตรการควบคุมการระบาดเดียวที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ คือการประกาศล็อกดาวน์ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการทำงานเชิงรุกของภาครัฐ ไม่มีการเร่งตรวจ เร่งแยกผู้ติดเชื้อออกจากครอบครัวและชุมชน ปล่อยให้การระบาดขยายวงไปเรื่อยๆ หากปล่อยให้บริหารต่อไป มีหวังประเทศไทยต้องกลายเป็นพื้นที่สีแดงเข้มล็อกดาวน์ทั้งประเทศ

“พลเอกประยุทธ์ เก่งแต่ประกาศคำสั่ง ตั้งเป้าหมาย แต่ไร้จุดมุ่งหมาย ทำงานไม่ได้ บริหารไม่เป็น การล็อกดาวน์ครั้งนี้เสมือนการขุดหลุมฝังประเทศไทยไปเรื่อยๆ หากไม่เร่งแก้ปัญหา เท่ากับตอกฝาโลงปิดโอกาสการฟื้นตัวการท่องเที่ยวไทยไปอีกนาน” นายชนินทร์กล่าว

“จิรายุ” บอกมาช้ายังดีกว่าไม่มาขอบคุณกองทัพไทยตั้งศูนย์ช่วยเหลือ ปชช.คลองสามวา ระบุรัฐบาลต้องทำเชิงรุกมอบของบรรเทาทุกข์ เหตุคนจนกลุ่มเขียวเหลืองกักตัวจำนวนมาก

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย เขตคลองสามวา กล่าวว่า วันนี้ตนขอขอบคุณไปยัง ผู้บัญชาการกองบัญชาการกองทัพไทย ที่เริ่มเข้ามาตั้งศูนย์บรรเทาทุกข์ในพื้นที่เขตคลองสามวา ที่ถนนหทัยราษฏร์ใกล้ รร.โชคชัย โดยปฎิบัติการตลอด 24 ชั่วโมงพร้อมรถฉุกเฉินและแพทย์สนามของทหาร ซึ่งตนคิดว่าแม้จะมาช้า แต่ก็ยังดีกว่าไม่มา

โดยวันนี้ตนพร้อมกรรมการสภาวัฒนธรรม เขตคลองสามวา พร้อมกับ นาวาอากาศเอก ณัฐพัชร หนองแสง รองเสนาธิการ สำนักกองบัญชาการกองทัพไทย หัวหน้าชุด และ พันโทธิรุฒม์ สุวรรณมาศ รอง ผบ.พัน บก.ทท ได้จัดหน่วยทหารประจำการในพื้นที่ทั้งสามเหล่าทัพเพื่อลงพื้นที่และประสานงานและสนับสนุนการบรรเทาทุกข์ และการแก้ปัญหาผู้ป่วยโควิด โดยวันนี้ได้ร่วมกับตนนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ พร้อมแนะนำการประสานงานกับศูนย์นี้ให้กับผู้นำชุมชนในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินต้องการหน่วยพยาบาลเร่งด่วน ทั้งนี้ตนได้นำถังออกซิเจนจำนวนสองถังพร้อมหน้ากากอนามัย มอบให้ส่วนหน้าของ อพปร.เขตคลองสามวา เพื่อนำไปใช้ในการบรรเทาทุกข์ผู้ป่วย ที่มีมากขึ้นในพื้นที่

นายจิรายุกล่าวต่อไปว่าตนขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและกรุงเทพมหานคร ว่าตอนนี้กลุ่มผู้ป่วยสีเขียวมีจำนวนมากขึ้นและได้กักตัวในเคหะสถานของตนเอง ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้มีรายได้น้อยกว่า 80% ที่มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการช่วยเหลือในประเภทถุงยังชีพ แอลกอฮอล์หรือยาสามัญพื้นฐาน ซึ่งตนก็ได้ใช้เงินเดือนส่วนตัวทุกเดือนในการดำเนินการ และได้ประสานงานกับสภาวัฒนธรรมเขตคลองสามวาที่พอมีกำลัง ในการทยอยนำส่งมอบเป็นประจำทุกวันแต่เนื่องจากประชากรเขตคลองสามวามีมากกว่า 2.5 แสนคน และเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ยังมีความต้องการให้หน่วยงานราชการที่มีเครื่องไม้เครื่องมือ มีงบประมาณในการสนับสนุน การกักตัวของกลุ่มเขียว และเหลือง ในการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่กำลังทุกข์ยาก เพราะทุกวันนี้มีแต่องค์กรสาธารณะกุศล และเอกชนอื่นๆ ดำเนินการทำกันเอง ซึ่งตนถือว่ารัฐบาล และ กทม.ต้องทำงานให้มากกว่านี้ไม่ควรปล่อยให้ คนจน เจ็บ ตายคาบ้านอีกต่อไป นายจิรายุกล่าว

“อนุสรณ์” ชี้ รัฐล็อกดาวน์เจ็บแต่ไม่จบ อัด ”ประยุทธ์” ต้องออกไปโดยเร็ว

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีสถานการณ์เผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ที่รุนแรง โดยพบผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิตจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ว่าผู้ติดเชื้อผู้เสียชีวิตจากโควิด–19 ทุบสถิติทำนิวไฮทุกวัน ผู้ติดเชื้อทะยานปักหลักทะลุ 20,000 คนมา 4 วันติด ผู้เสียชีวิตทะลุ 200 คน และมีแนวโน้มไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลเลิกพูดได้แล้ว ประเทศไหนก็เจอปัญหานี้ รัฐบาลแก้ปัญหาได้ เพราะขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้ออันดับต้นๆ ของโลกและเอเชีย สูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนเมื่อเทียบกับสัดส่วนประชากร และอยู่ในอันดับสุดท้ายดัชนีการฟื้นตัวจากโควิด-19 พบการระบาดคลัสเตอร์ใหญ่ๆ อย่างต่อเนื่องในหลายจังหวัด หยุดเอาจำนวนคนหายป่วยมาไอโอ เพราะคนติดเชื้อมีโอกาสหาย แต่คนตายไม่มีโอกาสฟื้น ประชาชนไม่รู้สถานการณ์มาถึงจุดพีคสูงสุดแล้วหรือยัง มาตรการล็อกดาวน์ล็อกแล้วล็อกอีก ยังไม่เห็นวี่แววยอดผู้ติดเชื้อจะลดลง คนตายคาบ้าน ตายข้างถนน ผู้ป่วยติดค้างตามบ้านเกลื่อนประเทศ ชะตากรรมคนไทยแขวนอยู่บนเส้นด้าย ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดตามยถากรรม คอยความหวังวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในไตรมาส 4 ก็ยังคาดหวังได้ยาก การล็อกดาวน์ของรัฐบาลอาจสูญเปล่า เจ็บแต่ไม่จบ เจ็บแล้วเจ็บอีก เจ็บไปเรื่อยๆ โดยที่รัฐบาลอยู่ในสภาวะล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ เวลาที่เหลือต้องมีการตรวจคัดกรองเชิงรุกให้มากขึ้น ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึง ATK ให้มากขึ้น เพื่อแยกคนแยกโรค ทำการรักษา ยุติการระบาดให้ได้เร็วที่สุดและต้องเยียวยาประชาชนให้ทั่วถึง

“พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออก ต้องมีการเปลี่ยนคณะผู้บริหารโดยเร่งด่วน เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อป้องกันไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจของพวกไร้ความสามารถ ไม่ให้มีโอกาสกลับมาได้อีก ถึงจะหยุดวิกฤตได้” นายอนุสรณ์ กล่าว


ที่มาเรียบเรียงจากเว็บไซต์พรรคเพื่อไทย [1] [2] [3]

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net